ฮอกไกโดไม่เพียงแต่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติอันล้ำค่า แต่ยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามตามฤดูกาลทั้งสี่ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมาย บนผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้มีชนพื้นเมืองชาวไอนุอาศัยอยู่ ด้วยเหตุนี้ชื่อสถานที่หลายแห่งจึงมีที่มาจากภาษาไอนุทำให้เกิดชื่อสถานที่ที่ยากต่อการอ่านแม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็ยังไม่แน่ใจว่าควรออกเสียงอย่างไร มาลองทดสอบดูดีกว่าว่ามีสถานที่ไหนที่คุณอ่านออกบ้างหรือเปล่า ?
ระดับเริ่มต้น : มาลองฝีมือกันสักหน่อยดีกว่า!
คุชิโระ (くしろ) KUSHIRO
เมืองนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกของฮอกไกโด เป็นเส้นทางสำคัญที่ต้องผ่านเพื่อไปยังภูมิภาคโดโตะ ที่มาของชื่อเมืองในภาษาไอนุนั้นมีหลายทฤษฎี บางคนบอกว่าหมายถึง "ทางผ่าน" (เส้นทางไปยังเมืองชิเบซึและชิราโอิ) หรือ "เส้นทางเชื่อม" (เชื่อมต่อกับเมืองอาบาชิริ) หรือแม้แต่ "ยา" (เพราะมีน้ำแร่ที่มีสรรพคุณทางยาพุ่งขึ้นมาจากออนเซ็น) แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่เคยมาเยือนฮอกไกโดแล้ว ชื่อเมืองนี้น่าจะคุ้นหูและจำได้ไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ!
วักกาไน (わっかない)WAKANAI
วักกาไน เป็นเมืองที่อยู่เหนือสุดของญี่ปุ่น มีที่มาของชื่อจากภาษาไอนุที่แปลว่า "หนาว น้ำ หนองน้ำ" ซึ่งบอกเลยว่าสถานที่นี้เป็นจริงตามคำบรรยายในภาษาไอนุเลยทีเดียว ถ้าคุณมีโอกาสได้มาเที่ยวที่นี่ อย่าลืมแวะไปที่ "หลักหมายเหนือสุดของญี่ปุ่น" ที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเลเพื่อสัมผัสบรรยากาศสุดพิเศษ แล้วก็อย่าลืมแวะไปที่ร้านขายของฝากใกล้ ๆ เพื่อซื้อใบประกาศนียบัตรรับรองว่าคุณได้มาถึงจุดเหนือสุดของญี่ปุ่นแล้วนะ!
โทมาโคไม (とまこまい) TOMAKOMAI
เมือง "โทมาโคไม" ตั้งอยู่ทางตอนกลางตอนใต้ของเกาะฮอกไกโด ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นเมืองท่าที่มีชื่อเสียงด้านทรัพยากรน้ำและไม้อันอุดมสมบูรณ์ และยังเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่อยู่ใกล้สนามบินชินชิโตเสะมากที่สุด ที่มาของชื่อเมืองนี้มีหลายตำนาน หนึ่งในนั้นเล่าว่า แต่ก่อนบริเวณแม่น้ำโทมาโคไมในภาษาไอนุเรียกว่า "MAKOMAI" แปลว่า "แม่น้ำที่ไหลเข้าสู่ป่าลึก" และบริเวณใกล้ศาลเจ้าทารุมาเอะเก่ามีพื้นที่ชุ่มน้ำ ซึ่งในภาษาไอนุเรียกว่า "TO" เมื่อรวมกันจึงกลายเป็น "TOMAKOMAI" นอกจากนี้ โทมาโคไมยังมีชื่อเสียงในฐานะแหล่งผลิตหอยโฮกกิไก ทำให้มีนักท่องเที่ยวมากมายแวะมาลิ้มลองอาหารอร่อย ๆ ที่นี่ด้วย
ฮัทซามุ (はっさむ) HASAMU
ต่อไปขอแนะนำชื่อสถานที่ที่อาจทำให้คุณยิ้มขำได้ นั่นคือ "ฮัทซามุ (HASAMU)" ซึ่งตั้งอยู่ในเขตนิชิของเมืองซัปโปโร ชื่อนี้มีที่มาจากภาษาไอนุหลายความหมาย หนึ่งในนั้นคือ "แม่น้ำนกเชอรี่" นั่นเอง ที่ฮัทซามุมีศูนย์การค้า AEON ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ขอแนะนำให้ลองแวะไปเดินเล่นที่นี่ในทริปเที่ยวซัปโปโรครั้งหน้านะ รับรองว่าสนุกแน่นอน
ชาโคทัน (しゃこたん) SHAKOTAN
ชื่อสถานที่นี้ในภาษาไอนุแปลว่า "หมู่บ้านหรือสถานที่ในฤดูร้อน" อยู่ที่ปลายสุดของคาบสมุทรชาโคทัน ซึ่งยื่นออกไปทางชายฝั่งตะวันตกของฮอกไกโด ที่นี่มี "แหลมคามุย" ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกฮอกไกโด ด้วยทิวทัศน์ชายฝั่งที่เป็นหน้าผาสูงชัน บวกกับหอยเม่นรสเลิศที่มีชื่อเสียง ทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายให้มาเยือนในช่วงฤดูร้อนของทุกปี
ระดับกลาง: มาลองคำศัพท์ที่ยากขึ้นดีกว่า!
รุซุทสึ (るすつ) RUSUTSU
คำว่า "RU・SUTSU" ในภาษาไอนุแปลว่า "ถนนที่อยู่เชิงเขา" หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ในอำเภออาบุตะ แม้ว่าประชากรจะลดลงเรื่อย ๆ แต่ด้วยความที่มีรีสอร์ตชื่อดังอย่าง "RUSUTSU RESORT" ตั้งอยู่ในพื้นที่ ทำให้ชื่อเสียงของที่นี่เป็นที่รู้จักมากขึ้น เชื่อว่าหลายคนคงจะคุ้นเคยกับชื่อสถานที่แห่งนี้แล้วใช่ไหมล่ะ?
คุตจัง (くっちゃん) KUTCHAN
คนที่มาเล่นสกีที่ฮอกไกโดเป็นประจำต่างก็รู้จักสถานที่นี้กันดี มันรวมตัวกับ NISEIKO และ RANKOSHI ที่อยู่ใกล้เคียงเป็น "วงกลมการท่องเที่ยวนิเซโกะ" ชื่อของสถานที่นี้มีที่มาหลายอย่าง เล่ากันว่ามาจากชื่อเก่าของแม่น้ำคุโตะซังกาวะที่เคยเรียกว่า "KUSHANI" ในฤดูหนาว หิมะธรรมชาติที่ละเอียดเหมือนผงแป้งของที่นี่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้หลั่งไหลเข้ามาเล่นสกีกันอย่างคับคั่ง และคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การเล่นสกีสุดพิเศษบนลานหิมะขาวโพลนที่นุ่มละมุนราวกับปุยนุ่น ท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงามของเทือกเขาฮอกไกโด สำหรับนักเล่นสกี ที่นี่คือสวรรค์ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
บิไบ (びばい) BIBAI
ที่ของสถานที่นี่นั้นมาจากภาษาไอนุ ซึ่งเป็นชื่อของหอยชนิดหนึ่ง นอกจากนี้ เมืองบิไบยังเป็นบ้านเกิดของ Kan Yasuda นักประติมากรรมชื่อดังระดับโลกด้วย และพิพิธภัณฑ์ ARTE PIAZZA Bibai ที่จัดแสดงผลงานประติมากรรมของเขา ก็ดัดแปลงมาจากโรงเรียนประถมที่ปิดตัวลง ในทุกฤดูที่เปลี่ยนแปลง ความงามของสถานที่นี้ก็จะเปลี่ยนไปด้วย
ชิมุกัปปุ (しむかっぷ) SIMUKAPU
หมู่บ้านชิมุกัปปุ ตั้งอยู่ใจกลางเกาะฮอกไกโด มีสภาพอากาศที่หนาวเย็นในฤดูหนาวและเย็นสบายในฤดูร้อน พร้อมทั้งมีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามอุดมสมบูรณ์ เล่ากันว่าชื่อของหมู่บ้านมาจากภาษาไอนุคำว่า "SHIMOKAP" ซึ่งแปลว่า "ดินแดนอันสงบสุขทางต้นน้ำ" นักท่องเที่ยวจำนวนมากถูกดึงดูดให้มาเยือนที่นี่ เนื่องจากมี "HOSHINO RESORTS TOMAMU" รีสอร์ตสุดหรู และยังสามารถชมทะเลหมอกอันเป็นทัศนียภาพพิเศษที่หาชมได้ยาก
มาชิเกะ (ましけ) MASHIKE
ที่มาของชื่อสถานที่นี้จริง ๆ แล้วมาจากภาษาไอนุ ซึ่งมีความหมายว่า "สถานที่ที่มีนกนางนวลมากมาย" เมื่อประมาณ 250 ปีก่อน มาชิเกะ เป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยปลานิชิน (ปลาเฮอร์ริ่ง) ดังนั้นฝูงนกนางนวลจำนวนมากจึงบินมาเพื่อจับปลาที่ผิวน้ำทะเล ซึ่งกลายเป็นที่มาของชื่อสถานที่ในปัจจุบัน ไม่ได้มีความหมายตามตัวอักษรคันจิ (増毛) ที่ว่าคนที่อาศัยอยู่ที่นี่จะมีขนดกเป็นพิเศษ อย่าเข้าใจผิดเชียวนะ
ระดับสูง:พร้อมรึยังที่จะเผชิญความท้าทายสุดหิน!
ชิเบชะ (しべちゃ) SHIBECHA
ชื่อเมืองชิเบะชะ (標茶) มีที่มาจากภาษาไอนุ แปลว่า "บริเวณใกล้แม่น้ำใหญ่" อุตสาหกรรมหลักของเมืองคือการทำฟาร์มโคนม และในช่วงหลังมานี้ก็มีการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวด้วย ทางตอนใต้ของชิเบะชะมีพื้นที่ชุ่มน้ำคุชิโระที่กินพื้นที่มากกว่าครึ่งของเมือง ซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติมากมาย โดยมีทะเลสาบโทโระเป็นศูนย์กลางและขยายออกไปโดยรอบ นอกจากนี้ยังมีรถไฟ "คุชิโระชิตสุเก็น NOROKO" และ "SL ฤดูหนาวชิตสึเก็น" วิ่งผ่าน ทำให้ดึงดูดแฟนรถไฟจำนวนมากให้มาเยี่ยมชม
เทชิคางะ (てしかが) TESHIKAGA
เมืองเทชิคางะ ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกของฮอกไกโด ล้อมรอบด้วยทะเลสาบมาชูและทะเลสาบคุชชาโระ เนื่องจากอยู่ใกล้ทะเลโอค็อตสก์ ทำให้ฤดูหนาวหนาวจัด ประกอบกับความชื้นในอากาศจากบ่อน้ำพุร้อนคาวายุที่แข็งตัว ทำให้เกิดปรากฏการณ์พิเศษที่เรียกว่า "DIAMOND DUST" ที่มาของชื่อเมืองนี้มีหลายคำอธิบาย แต่ตามการวิเคราะห์ของนักวิจัยภาษาไอนุ คำอธิบายที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ "ริมฝั่งที่มีลักษณะเป็นหน้าตัดขวางของแม่น้ำ"ด้วยเสน่ห์ของทะเลสาบทั้งสองและบ่อน้ำพุร้อนคาวายุ ทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของภาคตะวันออกฮอกไกโดเลยทีเดียว
โอชามานเบ (おしゃまんべ) OSHAMAMBE
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โอชามานเบ เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการเดินทางระหว่างฝั่งทะเลญี่ปุ่นและฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ปัจจุบันยังเป็นสถานีเริ่มต้นที่แยกระหว่างสาย JR ฮาโกดาเตะและสายมุโรรัน นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีชื่อเสียงจากข้าวกล่องประจำสถานีรถไฟฮอกไกโด หรือ "เอกิเบ็น" ที่เรียกว่า "คานิเมชิ (ข้าวหน้าปู)" ด้วยความที่ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างซัปโปโรและฮาโกดาเตะ จึงเป็นจุดแวะพักที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยว ส่วนที่มาของชื่อสถานที่นั้นมีตำนานมากมาย แต่เว็บไซต์ทางการเลือกใช้คำอธิบายว่า "ปากแม่น้ำที่สามารถจับปลาตาเดียวได้มากมาย"
คามุอิโคตัน (かむいこたん) KAMUIKOTAN
ความหมายในภาษาไอนุของสถานที่นี้แปลว่า "หมู่บ้านแห่งเทพเจ้า" ตั้งอยู่ในเมืองอาซาฮิคาวะ ด้วยแม่น้ำอิชิคาริที่ไหลเชี่ยวกราก นักท่องเที่ยวไม่เพียงแต่จะได้ชมทิวทัศน์สวยงามของสองฝั่งแม่น้ำเท่านั้น แต่ยังได้สัมผัสความงดงามของทั้งสี่ฤดูกาล ทั้งดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้แดงในฤดูใบไม้ร่วง จึงได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในแปดทิวทัศน์ที่สวยที่สุดของเมืองอาซาฮิคาวะ และทุกปีในวันที่ 23 กันยายน จะมีการจัดงานเทศกาล "โคทันมัตสึริ" อีกด้วย
ระดับซูเปอร์ยาก : โจทย์สุดหินที่แม้แต่ชาวฮอกไกโดก็ยังอ่านไม่ออก
ที่มาของภาพ:Photo AC
อิจิยัน(いちやん)ICHIYAN
นี่เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อ "อิจิยันมุระ" ที่เดิมตั้งอยู่ในอำเภอยูริวกุน ไม่ต้องพูดถึงคนญี่ปุ่นทั่วไป แม้แต่ชาวฮอกไกโดเองก็คงไม่รู้จักว่าชื่อนี้อ่านว่ายังไง ปัจจุบันได้ถูกรวมกับพื้นที่โดยรอบและกลายเป็นส่วนหนึ่งของเมืองฟุคากาวะไปแล้ว เหลือเพียงสถานีรถไฟไร้คนประจำการของ JR ฮอกไกโดชื่อ "สถานีคิตะอิจิยัน" เท่านั้น ส่วนที่มาของชื่อในภาษาไอนุหมายถึง "สถานที่ที่ปลาแซลมอนวางไข่" นั่นเอง
จิปุรันเคอุชิ (ちぷらんけうし) CHIPURANKEUSHI
สื่อหลายแห่งที่แนะนำชื่อสถานที่ในฮอกไกโดที่อ่านยาก มักจะพูดถึง "ชื่อสถานที่แปลก ๆ" แห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านริมทะเลของเมืองคุชิโระ อำเภอคุชิโระ ชื่อนี้มีที่มาจากภาษาไอนุ แปลว่า "สถานที่ลงเรือ" นอกจากนี้ หมู่บ้านนี้ยังมีอีกชื่อหนึ่งที่อ่านยากเช่นกัน คือ "เซ็นโปจิ (せんぽうし)" ในอดีตที่นี่เป็นแหล่งจับปลาเฮอร์ริ่ง (นิชิน) และปลาแซลมอนเป็นหลัก แต่ปัจจุบันมีชื่อเสียงในด้านการเพาะเลี้ยงหอยนางรม
โออิคามะไน (おいかまない) OIKAMANAI
เมื่อแรกเห็นตัวอักษรคันจิ ดูเหมือนจะมีความหมายสวยงาม แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นชื่อสถานที่ที่อ่านยากมาก แม้แต่คนฮอกไกโดเองก็ยังอ่านไม่ออก ยกเว้นคนในท้องถิ่นนั้นเท่านั้น! สถานที่นี้ตั้งอยู่ในเมืองทาอิกิ แถบโทกาจิ ชื่อนี้มีที่มาจากภาษาไอนุ ซึ่งแปลว่า "ข้ามคลื่น แล้วเข้าไป" ที่นี่มีทะเลสาบอิคุชินะเนุมะ ซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติอันหลากหลาย ทั้งนกป่านานาชนิด และดอกไม้สวยงามมากมาย ใครมาที่นี่ก็จะได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติอย่างแท้จริง
เมืองโอโตอิเนะปปุ (おといねっぷ) OTOINEPU
ตามที่เว็บไซต์ทางการระบุไว้ หมู่บ้านโอโตอิเนะปปุมุระ (Otoineppu Village) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอำเภอนาคากาวะ จังหวัดฮอกไกโด เป็นหมู่บ้านที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่น มีประชากรไม่ถึง 700 คน ชื่อหมู่บ้านมีที่มาจากภาษาไอนุหลายความหมาย เช่น "แม่น้ำที่ขุ่น" หรือ "ปากแม่น้ำที่มีไม้ซุงทับถม" เป็นต้น ด้วยความที่หมู่บ้านนี้อุดมไปด้วยทรัพยากรป่าไม้ จึงได้นำจุดเด่นนี้มาใช้ประโยชน์ โดยตั้งเป้าหมายพัฒนาให้เป็นหมู่บ้านหัตถกรรมในปัจจุบัน ใครที่ชอบงานฝีมือและธรรมชาติ ต้องไม่พลาดแวะมาเยี่ยมชมที่นี่
เป็นไงกันบ้างกับชื่อสถานที่แปลก ๆ เหล่านี้? ชื่อเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากภาษาไอนุ ซึ่งมักจะบรรยายสภาพแวดล้อมและภูมิประเทศของท้องถิ่นนั้น ๆ โดยตรง ต่อมาได้วิวัฒนาการโดยใช้ตัวอักษรคันจิที่มีเสียงใกล้เคียงกันแทน เมื่อไปเที่ยวสถานที่เหล่านี้ในอนาคต จะสามารถสอนเพื่อนร่วมทางให้ออกเสียงชื่อเหล่านี้ได้อย่างถูกต้องแล้วนะ! เป็นเรื่องสนุกที่จะได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมาของชื่อสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น แถมยังช่วยให้การเดินทางของคุณน่าตื่นเต้นมากขึ้นด้วย