7 เรื่องสุดช็อกในวัฒนธรรมญี่ปุ่น: ไม่กำจัดขนถือว่าไม่ดูแลตัวเอง? เปิดประตูรถเองทำให้คนขับตกใจ?

แม้ว่าคนไทยจะคุ้นเคยกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นอย่างดี แต่ความจริงแล้วญี่ปุ่นก็ยังมีธรรมเนียมปฏิบัติทางวัฒนธรรมอีกมากมายที่ทำให้ชาวต่างชาติที่มาเยือนครั้งแรกงงงวยและไม่สามารถเข้าใจได้ อย่างเช่น ประตูแท็กซี่ที่เปิด-ปิดอัตโนมัติ, การกินคาร์โบไฮเดรตคู่กับคาร์โบไฮเดรต ผู้หญิงถ้าไม่กำจัดขน จะถูกมองว่าไม่ดูแลตัวเอง และอื่น ๆ อีกมามาย บทความนี้ทาง "JapaiJAPAN" ได้รวบรวม "7 วัฒนธรรมญี่ปุ่นสุดช็อก!" มาให้ทุกคนได้รู้จักกัน!

日本衝擊文化習俗習慣禮儀禮節文化衝擊7選計程車澱粉配澱粉拉麵白飯餃子電視標註年齡電影配音版吹替版女生除毛冰水用筷子喝湯的文章首圖

เรื่องช็อกทางวัฒนธรรม ①:นั่งแท็กซี่ญี่ปุ่น ประตูหลังเปิดเองอัตโนมัติ!

เชื่อว่าตอนที่นักท่องเที่ยวนั่งแท็กซี่ในญี่ปุ่นครั้งแรก ทุกคนต้องตกใจแน่ ๆ ตอนที่กำลังจะยื่นมือไปเปิดประตูรถ แต่ประตูรถเปิดเองอัตโนมัติ! แต่ทำไมประตูรถแท็กซี่ญี่ปุ่นถึงเป็นประตูอัตโนมัติกันล่ะ? จริง ๆ แล้วมันเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์การเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกของโตเกียวนี่แหละ เมื่อปี 1964 ตอนที่โตเกียวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกครั้งแรก เพื่อให้แขกผู้มีเกียรติจากทั่วโลกรู้สึกถึงการต้อนรับอย่างอบอุ่นของประเทศญี่ปุ่น พวกเขาเลยคิดค้นประตูรถยนต์อัตโนมัติที่คนขับสามารถควบคุมการเปิด-ปิดได้ เพื่อให้ผู้โดยสารรู้สึกเหมือนได้รับการต้อนรับอย่างดี นอกจากนี้ ตามข้อมูลการให้สัมภาษณ์ของผู้ผลิตประตูอัตโนมัติ "Toshin Tech" บอกว่า เมื่อก่อนคนขับแท็กซี่ต้องลงมาเปิดปิดประตูให้ลูกค้าด้วยตัวเอง แต่เพราะที่นั่งของคนขับอยู่ฝั่งถนน ทำให้คนขับเสี่ยงอันตรายไม่น้อยตอนเปิดประตูและเดินไปมา ถ้าสามารถควบคุมประตูหลังได้โดยตรงจากที่นั่งคนขับเลยไม่เพียงแต่ปลอดภัยขึ้น แถมยังประหยัดเวลาได้อีกด้วย

日本衝擊文化習俗習慣禮儀禮節文化衝擊7選計程車澱粉配澱粉拉麵白飯餃子電視標註年齡電影配音版吹替版女生除毛冰水用筷子喝湯之計程車不要自己開門

ที่มาของภาพ:photo AC

ที่จริงแล้วมีแค่ประตูหลังฝั่งซ้ายเท่านั้นที่จะเปิดอัตโนมัติ ประตูหลังฝั่งขวามักจะถูกห้ามเปิดเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร เนื่องจากอยู่ติดกับถนน ส่วนประตูฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าต้องเปิดปิดด้วยมือตัวเอง นอกจากนี้ ต้องระวังเป็นพิเศษว่ารถประเทศญี่ปุ่นนั้นพวงมาลัยอยู่ฝั่งขวา นักท่องเที่ยวทั้งหลายอย่าเผลอเปิดประตูฝั่งคนขับแล้วจะขึ้นรถล่ะ ไม่งั้นอาจจะเจอหน้าตาตกใจสุดๆ ของคนขับเลย! แล้วก็อีกอย่าง ประตูหลังของแท็กซี่ญี่ปุ่นนั้นควบคุมด้วยปุ่มกดหรือด้ามจับไฟฟ้า ถ้าผู้โดยสารต้องการเปิดเองบ่อย ๆ อาจจะทำให้อะไหล่เสียหายได้ง่าย คนนั่งเบาะหลังอย่าลืมเตือนตัวเองก่อนขึ้นรถทุกครั้งด้วยล่ะ!

日本衝擊文化習俗習慣禮儀禮節文化衝擊7選計程車澱粉配澱粉拉麵白飯餃子電視標註年齡電影配音版吹替版女生除毛冰水用筷子喝湯之計程車

ที่มาของภาพ:photo AC

เรื่องช็อกทางวัฒนธรรม ②:คาร์โบไฮเดรตคู่คาร์โบไฮเดรต นี่แหละชีวิตประจำวันของคนญี่ปุ่น!

เกี๊ยวซ่า ราเมน ผัดหมี่ พวกนี้ก็กินเป็นอาหารจานหลักได้แล้ว แต่ทำไมคนญี่ปุ่นยังต้องกินคู่กับข้าวเปล่าอีกชามด้วยล่ะ? จริง ๆ มันก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรซับซ้อนมากนัก ก็แค่ว่าราเมน ผัดหมี่ แล้วก็เกี๊ยวซ่าที่ทหารญี่ปุ่นเอากลับมาจากจีนหลังสงครามนั้น จะผ่านการปรุงรสชาติใหม่ ซึ่งรสชาติค่อนข้างเค็ม จึงเหมาะสำหรับกินคู่กับข้าว แถมประเทศญี่ปุ่นก็เป็นประเทศที่กินข้าวเป็นหลักอยู่แล้ว อาหารสองอย่างที่ดูเหมือนไม่เข้ากันก็เลยถูกกินคู่กันแบบนี้ ส่วนเรื่องที่อาหารประเภทเส้นของญี่ปุ่นค่อย ๆ กลายเป็นกระแสหลักนี่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศญี่ปุ่นเจอวิกฤตขาดแคลนอาหาร ก็เลยมีการนำเข้าข้าวสาลีจากอเมริกา วัฒนธรรมการกินขนมปังเลยแพร่หลาย ทำให้อาหารประเภทแป้งเริ่มเป็นกระแสมากขึ้น

日本衝擊文化習俗習慣禮儀禮節文化衝擊7選計程車澱粉配澱粉拉麵白飯餃子電視標註年齡電影配音版吹替版女生除毛冰水用筷子喝湯之餃子配飯

ที่มาของภาพ:photo AC

ต่อมาเมื่อผลผลิตอาหารเริ่มมั่นคงขึ้น แม้ว่าการกินเกี๊ยวหรือราเมนก็อิ่มท้อง แต่การกินคู่กับข้าวทำให้รู้สึกอิ่มมากกว่า ไม่ใช่แค่พนักงานออฟฟิศ นักเรียน หรือคนทำงานจะได้อิ่มท้องมีแรงมากขึ้น และยังช่วยรักษาความสำคัญของ "ข้าว" ไว้ด้วย ดังนั้นแทนที่จะขายแต่อาหารประเภทเส้น ร้านอาหารญี่ปุ่นจึงนิยมนำเสนอชุดอาหาร "เกี๊ยว+ข้าว", "ราเมน+ข้าว", "ผัดหมี่+ข้าวผัด" แบบนี้ การกินคาร์โบไฮเดรตคู่กับคาร์โบไฮเดรตจึงกลายเป็นอาหารยอดนิยมของคนทั่วไปไปแล้ว

日本衝擊文化習俗習慣禮儀禮節文化衝擊7選計程車澱粉配澱粉拉麵白飯餃子電視標註年齡電影配音版吹替版女生除毛冰水用筷子喝湯之拉麵配飯

ภาพโดย:Jun

เรื่องช็อกทางวัฒนธรรม ③:ทำไมคนญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว กลับเปิดเผยอายุของทุกคนบนทีวีล่ะ?

คนที่เคยดูข่าวหรือรายการทีวีญี่ปุ่นน่าจะสังเกตเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นนักร้อง นักแสดง นักการเมือง หรือคนทั่วไป เราจะเห็นการใส่อายุไว้ในวงเล็บหลังชื่อคน เหตุผลที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าสื่อญี่ปุ่นชอบ "บอกอายุจริง" เพื่อสามารถสร้างภาพจำแก่คนอื่นได้อย่างรวดเร็ว และเหตุผลที่ทำไมคนญี่ปุ่นถึงพยายามที่จะรู้อายุจริงของคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก ก็เพราะอยากรู้ว่าคนนั้นเกิดช่วงยุคอะไร น่าจะชอบอะไร จะได้หาเรื่องคุยกันถูก เหตุผลที่สองคือ คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับลำดับอาวุโสอย่างมาก ถ้ารู้อายุจริงก่อน จะได้ตัดสินใจได้ว่าจะคุยแบบเพื่อนหรือต้องใช้คำสุภาพ เรียกได้ว่าอายุเป็น "ความลับที่ไม่ลับ" ของคนญี่ปุ่นเลยล่ะ!

日本衝擊文化習俗習慣禮儀禮節文化衝擊7選計程車澱粉配澱粉拉麵白飯餃子電視標註年齡電影配音版吹替版女生除毛冰水用筷子喝湯之電視上標註犯人年齡

ในข่าวมักจะเห็นสื่อใส่วงเล็บระบุอายุไว้หลังชื่อคน (นี่เป็นภาพตัวอย่าง)
ที่มาของภาพ:photo AC

แม้ว่านี่จะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สื่อญี่ปุ่นใช้กันมานาน แต่ช่วงหลัง ๆ มานี้ก็เริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันบ้างแล้วล่ะ มีคนบอกว่าวิธีนี้มันเก่าไปแล้ว ซ้ำร้ายยังอาจทำให้เกิดภาพจำที่ไม่ดีด้วย แถมยังไม่เคารพความต้องการของแต่ละคนอีกต่างหาก ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหนุ่มน้อยวัย 25 ปีคนนึงออกมาแสดงความเห็นในสื่อ บางคนก็อาจจะมองว่าเชื่อถือไม่ได้ซะงั้น แต่สำหรับดาราตะวันตกนั้น อายุไม่ใช่เรื่องที่ต้องเน้นย้ำเป็นพิเศษหรอก แฟน ๆ ก็ไม่ได้สนใจด้วย ดังนั้นถ้าเราเห็นอะไรแบบ Lady Gaga (38 ปี) หรือ Tom Cruise (62 ปี) บนทีวี มันก็จะรู้สึกแปลก ๆ ยังไงไม่รู้ แถมยังทำให้ดาราที่มาเยือนประเทศญี่ปุ่นรู้สึกไม่คุ้นเคยกับเรื่องนี้มาก ๆ อีกด้วย

日本衝擊文化習俗習慣禮儀禮節文化衝擊7選計程車澱粉配澱粉拉麵白飯餃子電視標註年齡電影配音版吹替版女生除毛冰水用筷子喝湯之聚在一起聊天

โดยพื้นฐานแล้ว คนญี่ปุ่นยังคงรู้สึกว่าการถามอายุตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเป็นเรื่องไม่สุภาพ ดังนั้น การทำให้อีกฝ่ายเปิดเผยอายุอย่างเป็นธรรมชาติและไม่ดูจงใจนั้น ก็ถือเป็นศาสตร์และศิลป์อย่างหนึ่งเลยทีเดียว!
ที่มาของภาพ:photo AC

เรื่องช็อกทางวัฒนธรรม ④:คนญี่ปุ่นดูภาพยนตร์ต่างชาติ ต้องดูแบบพากย์เสียงญี่ปุ่น?

คนที่เคยดูหนังในโรงที่ประเทศญี่ปุ่นอาจจะมีประสบการณ์ ซื้อตั๋วหนังฮอลลีวูดแต่พอเข้าโรงไปก็เพิ่งรู้ตัวว่านักแสดงในหนังพูดภาษาญี่ปุ่นกันหมดเลย!? พอดูตั๋วดี ๆ ถึงจะสังเกตบนตั๋วเขียนไว้ว่า "เวอร์ชันพากย์" แล้วทำไมคนญี่ปุ่นถึงชอบดูหนังต่างชาติแบบ "พากย์เสียงญี่ปุ่น" กันล่ะ? วัฒนธรรม "การพากย์เสียง" ของประเทศญี่ปุ่นเริ่มต้นตั้งแต่ยุค 1950 ตอนนั้นช่องโทรทัศน์ญี่ปุ่นยังอยู่ในยุคเริ่มต้น รายการที่ผลิตเองมีไม่เยอะ ส่วนใหญ่ต้องพึ่งหนังนำเข้าจากต่างประเทศ แต่ว่าสมัยก่อนขนาดจอทีวีค่อนข้างเล็ก ภาพก็ไม่คมชัด คนแก่กับเด็ก ๆ อ่านคำบรรยายแทบไม่ทัน นานเข้าจึงเป็นที่มาของวัฒนธรรมการพากย์เสียงหนังและรายการทีวียังไงล่ะ

ตัวอย่างภาคพากย์ของซีรีส์คนแสดงจริง "วันพีซ"
แหล่งที่มา: Netflix Japan

จนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าขนาดและความละเอียดของทีวีจะพัฒนาไปไกลมากแล้ว แต่จำนวนตัวอักษรที่แสดงบนหน้าจอยังคงมีจำกัด ดังนั้นคนจำนวนมากจึงยังคิดว่าการดูคำบรรยายต้นฉบับนั้นไม่สะดวก ไม่เพียงแต่อ่านไม่ทันเท่านั้น แต่ยังทำให้เสียสมาธิและไม่สามารถดื่มด่ำกับเนื้อเรื่องได้ จึงชอบดูแบบพากย์เสียงที่เข้าใจได้ทันทีที่ฟังมากกว่า นอกจากนี้ ประเทศญี่ปุ่นยังมี "อุตสาหกรรมนักพากย์" ที่เติบโตเต็มที่และน่าภาคภูมิใจ คนจำนวนไม่น้อยเลยที่ยังอยากดูเวอร์ชันพากย์เสียง เพราะมีนักพากย์ที่ชื่นชอบมาให้เสียงด้วยล่ะ

ตัวอย่างภาพยนตร์ "ก็อดซิลล่าปะทะคิงคอง: จักรวรรดิใหม่" ฉบับพากย์เสียง
แหล่งที่มา:Toho Movie Channel

เรื่องช็อกทางวัฒนธรรม ⑤:ผู้หญิงญี่ปุ่นไม่กำจัดขน = ไม่ดูแลตัวเอง?

ต่อไปนี้เป็นเรื่องที่คนญี่ปุ่นคิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่คนไทยส่วนใหญ่ที่เพิ่งได้ยินครั้งแรกอาจจะยังงงกับ "วัฒนธรรมการกำจัดขน" พอถึงฤดูร้อนทีไร โฆษณา "กำจัดขนทั้งตัว" ก็โผล่มาให้เห็นทั่วไปบนรถไฟหรือป้ายไฟในญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นเรียกขนที่ไม่มีประโยชน์ว่า "มุดาเกะ" ดังนั้นหลายคนคิดว่าการไม่มีขนตั้งแต่จมูกลงไปเป็นมารยาทพื้นฐานไปแล้ว ถ้าเผลอให้คนอื่นเห็นขนที่โผล่ออกมา อาจทำให้ดูเป็นคนไม่ดูแลตัวเอง

日本衝擊文化習俗習慣禮儀禮節文化衝擊7選計程車澱粉配澱粉拉麵白飯餃子電視標註年齡電影配音版吹替版女生除毛冰水用筷子喝湯之日本女生除毛

ที่มาของภาพ:photo AC

ทำไมคนญี่ปุ่นถึงมีนิสัยแบบนี้ล่ะ? จริง ๆ แล้วมันเกี่ยวข้องกับรสนิยมความงามของชนชาติที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่สมัยเฮอัน หญิงสาวชนชั้นสูงสมัยก่อน เขาต้องการให้หน้าผากดูสวยสะอาด จึงต้องถอนคิ้วทั้งหมด และวาดคิ้วใหม่เอง แถมในบันทึกสมัยปลายยุคเอโดะยังเขียนไว้ว่า เพื่อกำจัดขนแขนขาส่วนเกิน จึงได้ผลิตครีมกำจัดขนขึ้นเอง บวกกับอิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตกสมัยใหม่ที่ซึมซับเข้ามา ทำให้ผิวที่ดูเรียบเนียน สัมผัสแล้วลื่นนุ่ม กลายเป็นมาตรฐานความงามที่สำคัญของคนญี่ปุ่นไปแล้ว ปัจจุบันร้านกำจัดขนทั่วตัวหลาย ๆ แห่งยังโฆษณาว่าเริ่มทำได้ตั้งแต่ชั้นประถมปลายเลย ทำเอาคนต้องอึ้งกับความหมกมุ่นในการกำจัดขนของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว!

日本衝擊文化習俗習慣禮儀禮節文化衝擊7選計程車澱粉配澱粉拉麵白飯餃子電視標註年齡電影配音版吹替版女生除毛冰水用筷子喝湯之平安時代拔眉毛習俗

ในยุคเฮอัน สาวๆ มีวัฒนธรรมการถอนคิ้วกันเลยทีเดียว
ที่มาของภาพ:photo AC

เรื่องช็อกทางวัฒนธรรม ⑥:ร้านอาหารญี่ปุ่นเสิร์ฟน้ำเย็นตลอดทั้งปีเลย?

หลายคนที่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นคงเข้าใจความรู้สึกนี้ดี บางทีไปเที่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูหนาว อากาศข้างนอกหนาวจนขนลุก กว่าจะหาร้านอาหารสักร้านให้เข้าไปพักผ่อนคลายหนาวได้ ไม่คิดว่าพอนั่งลงแล้ว พนักงานจะเสิร์ฟน้ำเย็น ถ้าขอน้ำร้อนเพิ่มอาจเจอสายตางง ๆ จากพนักงานอีกด้วย คนที่เคยไปประเทศญี่ปุ่นจะสังเกตเห็นว่าร้านอาหารญี่ปุ่นจะบริการน้ำเย็นตลอดทั้งสี่ฤดู ซึ่งว่ากันว่า เมื่อก่อนตอนที่เทคโนโลยีการทำน้ำแข็งยังไม่แพร่หลาย น้ำแข็งเป็นของที่ใช้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ประเพณีที่ร้านค้าเสิร์ฟน้ำเย็นให้ลูกค้าจึงยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้

日本衝擊文化習俗習慣禮儀禮節文化衝擊7選計程車澱粉配澱粉拉麵白飯餃子電視標註年齡電影配音版吹替版女生除毛冰水用筷子喝湯之餐廳一年四季都給冰水

ภาพโดย:Jun

อีกเหตุผลนึงก็คือ น้ำประปาของประเทศญี่ปุ่นสามารถดื่มได้โดยไม่ต้องต้ม แต่ว่าน้ำอุณหภูมิห้องก็ไม่อร่อยเท่าน้ำเย็น ๆ ส่วนน้ำร้อนก็ต้องเสียเวลาต้มอีก เลยทำให้ร้านอาหารชอบเสิร์ฟน้ำเย็นใส่น้ำแข็งให้ลูกค้ามากกว่า แต่ช่วงหลัง ๆ มานี่ บางร้านเริ่มมีชาร้อนให้บริการกันมากขึ้นแล้ว ถ้าอยากได้น้ำอุ่นๆ ก็ลองถามดูได้ สามารถถามแบบนี้:"Sayu(さゆ)wa Arimasuka?"(มีน้ำอุ่นไหม?)หรือ "O yu(ゆ)wa Arimasuka?"(มีน้ำร้อนไหม?)

日本衝擊文化習俗習慣禮儀禮節文化衝擊7選計程車澱粉配澱粉拉麵白飯餃子電視標註年齡電影配音版吹替版女生除毛冰水用筷子喝湯之冰水水杯

ภาพโดย:Jun

เรื่องช็อกทางวัฒนธรรม ⑦:ญี่ปุ่นกินซุปด้วยตะเกียบ ไม่ใช้ช้อน?!

ข้อสุดท้ายนี่ก็น่าสนใจไม่น้อยเลย คนญี่ปุ่นดื่มซุปโดยไม่ใช้ช้อนเหรอเนี่ย? นักท่องเที่ยวหลายคนอาจเคยเจอประสบการณ์แบบนี้ ตอนไปกินข้าวดงบุริที่ร้านอาหารจะมีแต่ตะเกียบ อยากกินซุปก็ต้องถามพนักงานว่ามีช้อนไหม จริง ๆ แล้วคนญี่ปุ่นเขาชินกับการดื่มซุปมิโสะด้วยตะเกียบ เพราะในวัฒนธรรมญี่ปุ่นนั้น อาหารอย่างซุปหรือข้าวต้องยกชามขึ้นมาชิมด้วยปากโดยตรง ถ้าใช้ช้อนจะถือว่าผิดมารยาท และกลายเป็นไม่สุภาพไปเลย การกินข้าวดงบุริต่าง ๆ ก็เช่นกัน

日本衝擊文化習俗習慣禮儀禮節文化衝擊7選計程車澱粉配澱粉拉麵白飯餃子電視標註年齡電影配音版吹替版女生除毛冰水用筷子喝湯之用筷子喝味噌湯

ที่มาของภาพ:photo AC

อีกอย่างคือ ก้นถ้วยซุปแบบญี่ปุ่นค่อนข้างแคบ ตัวถ้วยสูง แถมยังต้องวางไว้ทางขวาของจานข้าวอีก ถ้าเอาช้อนว่างไว้ในถ้วย อาจทำให้หกได้ง่าย ๆ เลย แต่ที่ญี่ปุ่นก็ไม่ใช่ว่าซุปทุกอย่างต้องกินด้วยตะเกียบ หากเป็นซุปจีนที่ข้น ๆ ก็จะมีช้อนเซรามิกให้ ส่วนซุปตะวันตกก็จะมีช้อนสแตนเลสให้ พูดง่าย ๆ ก็คือ "มีแค่ซุปญี่ปุ่นเท่านั้น ที่ต้องใช้ตะเกียบกิน"!

日本衝擊文化習俗習慣禮儀禮節文化衝擊7選計程車澱粉配澱粉拉麵白飯餃子電視標註年齡電影配音版吹替版女生除毛冰水用筷子喝湯之用筷子喝味噌湯2

ที่มาของภาพ:photo AC

ยังมีวัฒนธรรมเฉพาะตัวของญี่ปุ่นอีกเยอะแยะที่ซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวัน ซึ่งถ้าไม่ได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองก็คงไม่ทันสังเกต หรือถึงแม้ว่าตอนเจอกับตัวเองอาจจะตกใจเล็กน้อย แต่การได้สัมผัสความแตกต่างทางวัฒนธรรมก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเดินทางเลยล่ะ!

☞ อ่านเพิ่มเติม
ต่อราคาในย่านชอปปิง เดินไปกินไปไม่ควรทำ? มารยาทอะไรอีกที่ไม่ควรทำตอนไปเที่ยวญี่ปุ่น ดูได้ที่บทความนี้เลย!