บทความนี้จะพาทุกคนไปเรียนรู้วิธีวางแผนทริปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองแบบครบจบในที่เดียว ตั้งแต่ความรู้พื้นฐาน การจองตั๋วเครื่องบิน (จะเลือกสายการบินต้นทุนต่ำหรือสายการบินปกติดี?) ที่พัก การจัดโปรแกรมท่องเที่ยว และการเตรียมตัวก่อนเดินทาง พร้อมแนะนำเทคนิคที่เป็นประโยชน์ และ ภาษาญี่ปุ่นพื้นฐานที่จำเป็นในการท่องเที่ยว มีอะไรบ้างไปดูกันเลย
![วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง 2025 - แนะนำวิธีจองตั๋ว ที่พัก เตรียมตัว [ฉบับสมบูรณ์]](https://d1grca2t3zpuug.cloudfront.net/2024/12/675f94adc6fbd-870x500.webp)
ภาพจาก Photo AC
เคล็ดลับการวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
สำหรับมือใหม่ที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก หลายคนอาจจะกังวลว่าจะวางแผนทริปยังไงดี จะเที่ยวยังไงให้สนุก มีเทคนิคดีๆ มาฝากกัน เคล็ดลับแรก ใช้ Google My Maps ให้เป็น! เครื่องมือนี้ช่วยได้เยอะมากๆ ลองปักหมุดทุกที่ที่อยากไป ทั้งแหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง จะได้เห็นภาพรวมชัดเจน วางแผนเส้นทางได้สะดวก ประหยัดเวลาสุดๆ อีกทิปนึงแนะนำให้สลับกิจกรรมชอปปิ้งกับเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ จะได้ไม่เหนื่อยเกินไป และได้สัมผัสเสน่ห์ของญี่ปุ่นแบบครบรส ส่วนเรื่องการเดินทาง ถึงแม้ระบบรถไฟญี่ปุ่นจะสะดวกมาก แต่สำหรับมือใหม่อาจจะงงๆ หน่อย แนะนำให้เน้นความสะดวกก่อน ไม่ต้องยึดติดกับตั๋วรถไฟมากนัก เดี๋ยวพอคุ้นเคยแล้วค่อยลองเที่ยวแบบลึกๆ ถ้ามีเวลาเยอะ แนะนำให้ไป 7-10 วัน จะได้เที่ยวแบบสบายๆ แต่ถ้าเวลาน้อย 3-5 วันก็พอ แค่เลือกโฟกัสที่เดียว เช่น โตเกียว โอซาก้า หรือคิวชู จะได้ซึมซับบรรยากาศท้องถิ่นแบบจุใจ สุดท้าย วันแรกที่มาถึงกับวันสุดท้ายก่อนกลับ แนะนำให้เลือกเที่ยวแถวๆ สนามบิน หรือไปชอปปิ้งใกล้ๆ จะได้เริ่มต้นและจบทริปแบบสบายๆ รับรองว่าจะได้ความทรงจำดีๆ กลับบ้านแน่นอน
☞ บทความเกี่ยวข้อง
・มือใหม่ฟังทางนี้! สรุปสถานที่และแพลนโตเกียวปี 2025 ให้คุณเที่ยวตามนี้ได้เลย! l JapaiJAPAN
・ครบทุกซอกทุกมุมแห่งคันไซ 2024: คู่มือเที่ยวแบบจัดเต็ม ทั้งเกียวโต โอซาก้า นารา และโกเบ!
อยากไปเที่ยวที่ไหนในญี่ปุ่น ?

สิ่งแรกที่ต้องตัดสินใจแน่ๆ คือ อยากไปเที่ยวที่ไหนในญี่ปุ่น? ประเทศญี่ปุ่นมีอาณาเขตกว้างใหญ่ แต่ละพื้นที่มีเอกลักษณ์และวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 10 ภูมิภาค ได้แก่ ฮอกไกโด、 โทโฮคุ、 โตเกียว(คันโต)、 โฮคุริคุ、 ชูบุ、 โอซาก้า (คันไซ)、 ซันโยซันอิน(ชูโกคุ)、 ชิโกกุ、 คิวชู、 โอกินาวา
สำหรับผู้ที่ไม่เคยไปญี่ปุ่นมาก่อน หรือกำลังจะเที่ยวแบบแบกเป้ครั้งแรก ส่วนใหญ่มักจะเลือกไปแถบ โตเกียวและบริเวณใกล้เคียง(คันโต) หรือ โอซาก้าและพื้นที่โดยรอบ(คันไซ) เพราะสองภูมิภาคนี้มีทั้งความคึกคักของเมืองใหญ่ แหล่งประวัติศาสตร์ที่อุดมสมบูรณ์ และธรรมชาติที่สวยงามตามฤดูกาล ถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีทรัพยากรการท่องเที่ยวครบครันที่สุด ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปที่ไหนดี แนะนำให้เริ่มจากสองภูมิภาคนี้ก่อนเลย
นอกจากนี้ คำถามยอดฮิตของมือใหม่คือ แต่ละภูมิภาคของญี่ปุ่นมีช่วงไหนที่เหมาะกับการท่องเที่ยวที่สุด? ซึ่งต้องพิจารณาว่า อยากชมดอกซากุระ? ใบเมเปิ้ล? ชอบเที่ยว อยากเจอหิมะ หรือว่าอยากไปสัมผัสประสบการณ์แบบไหน
การจองตั๋วเครื่องบิน
หลังจากที่ตัดสินใจเลือกจุดหมายปลายทางได้แล้ว ก็ถึงเวลามาดูเรื่องตั๋วเครื่องบินกัน ปัจจุบันการบินจากไทยไปญี่ปุ่นสะดวกมากๆ มีให้เลือกทั้งสายการบินปกติและสายการบินต้นทุนต่ำ เที่ยวบินเยอะ มาดูกันว่ามีเส้นทางไหนบ้าง
สายการบินปกติ บินตรงไปเมืองต่างๆ ในญี่ปุ่น :
ฮอกไกโด:ซัปโปโร, ฮาโกดาเตะ╱ โฮคุริคุ:เซนได╱ โฮคุริคุ:นีงาตะ、โคมัตสึ、โทยาม่า╱ คันโต:โตเกียว (นาริตะ、ฮาเนดะ)╱ คันไซ:โอซาก้า╱ ชูบุ:ชิซุโอกะ、นาโกย่า╱ ซันโยซันอิน:ฮิโรชิม่า╱ คิวชู:ฟุกุโอกะ、คุมาโมโต้、มิยาซากิ、คาโกชิม่า、คิตะคิวชู╱ ชิโกกุ:ทาคามัตสึ╱ โอกินาว่า:นาฮะ、อิชิงากิ
สายการบิน LCC บินตรงไปเมือง :
ฮอกไกโด:ซัปโปโร, ฮาโกดาเตะ╱ โฮคุริคุ:เซนได╱ คันโต:โตเกียว (นาริตะ、ฮาเนดะ)╱ คันไซ:โอซาก้า╱ ชูบุ:นาโกย่า╱ ซันโยซันอิน:โอคายาม่า╱ คิวชู:ฟุกุโอกะ╱ โอกินาว่า:นาฮะ、อิชิงากิ

ภาพจาก Photo AC
จะเลือกสายการบินแบบเต็มรูปแบบดี หรือสายการบินต้นทุนต่ำดี? พูดง่ายๆ ที่สายการบินต้นทุนต่ำราคาถูกก็เพราะไม่รวมบริการพื้นฐานหลายอย่าง เช่น ค่าโหลดกระเป๋า อาหารบนเครื่อง การเลือกที่นั่ง ความบันเทิงบนเครื่อง และบริการเปลี่ยนหรือคืนตั๋ว ถ้าต้องการบริการเหล่านี้ก็ต้องจ่ายเพิ่ม แม้ว่าสายการบินต้นทุนต่ำจะมีโปรโมชั่นลดราคาบ่อย แต่ราคาก็ขึ้นลงไม่แน่นอน ต่างจากสายการบินปกติที่ราคาค่อนข้างคงที่กว่า
แล้วราคาตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นมี Low Season กับ High Season ต่างกันไหม? บอกเลยว่ามี แม้หลายคนจะบอกว่าเที่ยวญี่ปุ่นตอนนี้มีแค่ฤดูร้อน กับ ฤดูร้อนจัด เพราะคนแห่ไปเที่ยวกันทั้งปี โดย Super Peak มักจะเป็นช่วงดอกซากุระบานในฤดูใบไม้ผลิ และช่วงใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง ราคาตั๋วจะพุ่งกระฉูด แม้แต่สายการบินโลว์คอสต์ก็หาตั๋วยาก นอกจากนี้ช่วงก่อนและหลังตรุษจีน รวมถึงช่วง Golden Week ของญี่ปุ่นก็ถือเป็น Super Peak เหมือนกัน
โดยหลักการแล้ว ถ้าไม่ได้ไปช่วง Super Peak ก็มักจะหาตั๋วราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าได้ แต่ถ้าอยากไปชมซากุระหรือใบไม้เปลี่ยนสียังไงก็ต้องไป วิธีที่ดีที่สุดคือ จองล่วงหน้า โดยทั่วไปถ้าจองก่อน 6 เดือนมักจะมีโอกาสได้ตั๋วราคาถูกกว่า
การหาที่พัก
หลังจากกำหนดวันเดินทางเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงขั้นตอน การหาโรงแรม ญี่ปุ่นมีตัวเลือกที่พักเยอะมากๆ โดยทั่วไปแล้วการเลือกโรงแรมมักจะพิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลักคือ ราคา ทำเลที่ตั้ง และ ความสะดวกในการเดินทาง ซึ่งไม่ว่าคุณจะใช้เงื่อนไขไหนในการค้นหา ญี่ปุ่นก็มีตัวเลือกมากมายให้เลือกกัน

ห้องพักแบบญี่ปุ่น "วะโยชิกิ" (ผสมผสานสไตล์ญี่ปุ่น-ตะวันตก)
ภาพจาก Photo AC
รูปแบบการท่องเที่ยว | ที่พักแนะนำ | งบประมาณ (ราคาต่อห้องต่อคืน) |
---|---|---|
แบกเป้/เที่ยวคนเดียว | โฮสเทล、โรงแรมแคปซูล | 2,000-5,000 เยน |
นักท่องเที่ยวงบจำกัด | บิสิเนสโฮเทลราคาประหยัด | 5,000-10,000 เยน |
ท่องเที่ยวแบบครอบครัว | อพาร์ตเมนต์โฮเทลราคาประหยัด | 7,000-20,000 เยน |
ไม่จำกัดงบ | โรงแรม 4 ดาวขึ้นไป | 30,000 เยนขึ้นไป |
สิ่งที่เจ๋งไปกว่านั้นคือ โรงแรมในญี่ปุ่นไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ แทบจะไม่มีการเก็บเงินมัดจำหรือค่าใช้จ่ายล่วงหน้าเลย แค่จองออนไลน์เสร็จรอจ่ายเงินในวันเข้าพักได้เลย สะดวกสุดๆ แต่ถ้าจะยกเลิกการจองต้องระวังหน่อยนะ บางโรงแรมระบุว่าต้องยกเลิกก่อน 1 สัปดาห์ หรือ 3 วัน ถึงจะไม่เสียค่าใช้จ่าย บางที่ยกเลิกวันเดียวกันต้องจ่ายเต็มจำนวน กฎแต่ละที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นตอนจองออนไลน์ อย่าลืมอ่านรายละเอียดให้ดีๆ
การเตรียมตัวก่อนเดินทาง : แลกเงิน อินเทอร์เน็ต และจัดกระเป๋า
แลกเงิน
หลายคนคงเคยได้ยินข่าว ค่าเงินเยนตกต่ำ รีบไปช้อปปิ้งด่วน! แต่รู้ไหมว่าแลกเงินเยนที่อัตราเท่าไหร่ถึงจะถือว่าคุ้ม? ก่อนโควิด อัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนอยู่ที่ประมาณ 0.29-0.32 แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ค่าเงินเยนตกลงเรื่อยๆ จนล่าสุดเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2024 ค่าเงินเยนเทียบกับเงินไทยตกต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี อยู่ที่ 0.22
ตัวอย่างเปรียบเทียบ:
เมื่ออัตราแลกเปลี่ยน 1 เยน = 0.30 ไทยบาท |
・ราเมนอิจิรัน 1 ชาม (980 เยน) → 294 บาท ・ตั๋วโตเกียวดิสนีย์แลนด์ 1 ใบ (7,900 เยนขึ้นไป) → 2,370 บาท ~ ・ เงินใช้จ่าย 50,000 เยน → 15,000 บาท |
---|---|
เมื่ออัตราแลกเปลี่ยน 1 เยน = 0.22 ไทยบาท |
・ราเมนอิจิรัน 1 ชาม (980 เยน) → 218 บาท ・ตั๋วโตเกียวดิสนีย์แลนด์ 1 ใบ (7,900 เยนขึ้นไป) → 1,756 บาท ~ ・ เงินใช้จ่าย 50,000 เยน → 11,110 บาท |
จากตารางด้านบน จะเห็นว่าอัตราแลกเปลี่ยนช่วงนี้น่าสนใจมากๆ แนะนำให้ทุกคนเริ่มจับตาดูเทรนด์อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 3 เดือนก่อนออกเดินทาง นอกจากนี้ บางธนาคารมีบริการแลกเงินออนไลน์ ที่ได้เรทดีกว่าไปแลกที่เคาน์เตอร์ด้ว พยายามหลีกเลี่ยงการแลกเงินที่สนามบินเพราะนอกจากเรทจะแพงที่สุดแล้ว ยังมีค่าธรรมเนียมเพิ่มอีกด้วย

ธนบัตรญี่ปุ่นใหม่ที่จะออกอย่างเป็นทางการวันที่ 3 กรกฎาคม 2024
ภาพจาก Photo AC
ธนบัตรญี่ปุ่นมีมูลค่า 10,000 เยน、5,000 เยน、2,000 เยน และ 1,000 เยน ส่วนมูลค่าต่ำกว่า 1,000 เยนจะเป็นเหรียญ มูลค่าที่ใช้งานสะดวกคือ 5,000 เยนและ 1,000 เยน ส่วนธนบัตร 2,000 เยนหาได้ยากในท้องตลาดและแลกยาก แนะนำว่าตอนแลกเงินให้แลกธนบัตร 10,000 เยน、5,000 เยน และ 1,000 เยนในสัดส่วนที่พอๆ กัน และญี่ปุ่นจะออกธนบัตรใหม่มูลค่า 10,000 เยน、5,000 เยน และ 1,000 เยนอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 กรกฎาคม 2024 โดยปัจจุบันสามารถใช้ได้ทั้งแบบเก่าและใหม่
เน็ตมือถือในญี่ปุ่น
เนื่องจากบริการ Wifi ฟรีในญี่ปุ่นยังไม่แพร่หลายเท่าไหร่ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจจะลำบากหน่อย แนะนำว่าควรเตรียมเน็ตไปใช้เองจะดีกว่า ปัจจุบันมีให้เลือก 4 วิธีหลักๆ คือ โรมมิ่งระหว่างประเทศ เช่าพ็อคเก็ตไวไฟ ซื้อซิมการ์ด หรือใช้ eSIM ที่กำลังฮิตในช่วงนี้ ดูข้อดี-ข้อเสียเปรียบเทียบด้านล่างได้เลย
วิธีการเชื่อมต่อ | วิธีการขอใช้บริการ | ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|---|---|
โรมมิ่งระหว่างประเทศ | สมัครกับผู้ให้บริการมือถือโดยตรง เปิดเครื่องใช้ได้ทันทีเมื่อถึงปลายทาง | สะดวก,ไม่ต้องพกอุปกรณ์เพิ่ม,ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่ | ราคาแพง |
Wifi Pocket | จองออนไลน์กับผู้ให้บริการ,เลือกจัดส่งถึงบ้านหรือรับที่สนามบินได้ | เน็ตเร็ว,ราคาถูกกว่าโรมมิ่ง,คุ้มค่า | ต้องพกอุปกรณ์เพิ่ม ต้องคอยชาร์จแบตฯ ถ้าแบตหมดก็ใช้เน็ตไม่ได้ |
ซื้อซิมการ์ด | ซื้อออนไลน์จากผู้ให้บริการ,ตั้งค่าเมื่อถึงญี่ปุ่นแล้วใช้ได้เลย | เลือกแพ็กเกจตามการใช้งาน,ประหยัด | บางซิมต้องตั้งค่า APN เพิ่ม อาจมีปัญหาเรื่องการตั้งค่า |
eSIM | ซื้อออนไลน์จากผู้ให้บริการ,ตั้งค่าเมื่อถึงญี่ปุ่นแล้วใช้ได้เลย | ไม่ต้องเปลี่ยนซิมจริง,สะดวก,ไม่กลัวหาย,ใช้หลายเบอร์พร้อมกันได้ ไม่พลาดสายสำคัญ | ไม่ได้ใช้ได้กับทุกเครื่อง,ต้องเช็คก่อนว่าเครื่องรองรับไหม |
สำหรับคำถามที่หลายคนสงสัยเรื่อง เน็ตไม่จำกัด หรือ ปริมาณดาต้ากี่ GB จริงๆ แล้วตอนนี้ทั้ง Pocket WiFi และซิมการ์ดที่วางขายในท้องตลาดส่วนใหญ่มักจะโฆษณาว่า เน็ตไม่จำกัด แต่ต่างกันตรงที่ว่าเมื่อใช้เกินปริมาณที่กำหนดแล้วจะมีการลดความเร็วหรือไม่เท่านั้น ถ้าคุณเป็นคนที่ใช้เน็ตเยอะ แนะนำให้เปรียบเทียบดูว่าแบบไหนคุ้มค่าที่สุด แต่ถ้าคุณแค่ต้องการใช้เน็ตดูแผนที่ เช็คข้อมูล ส่งไลน์บอกครอบครัวว่าปลอดภัยดี หรือโพสต์รูปลงโซเชียลมีเดียบ้าง โดยทั่วไปแล้วดาต้า 2-3 GB ก็ใช้ได้ประมาณ 5-7 วันแล้ว

แต่ละคนก็มีความต้องการคุณภาพอินเทอร์เน็ตที่แตกต่างกัน ไม่มีวิธีไหนที่ดีที่สุดหรือแย่ที่สุด ขอแค่เลือกแบบที่เหมาะกับตัวเองก็พอ
เรื่องไฟฟ้าและปลั๊ก
ญี่ปุ่นใช้ไฟ 100V ในขณะที่ไทยใช้ 220V ตามแบบยุโรป หากใครนำอุปกรณ์ไฟฟ้ามาอย่าลืมนำตัวอะแดปเตอร์แปลงไฟมาด้วย
การแพ็คกระเป๋าและการแต่งตัว
สำหรับมือใหม่หัดเที่ยวญี่ปุ่น อาจจะสงสัยว่ามีเคล็ดลับอะไรในการจัดกระเป๋าและแต่งตัวบ้าง ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มี 4 ฤดูชัดเจน หน้าร้อนร้อนจัดไม่แพ้ไทย ส่วนหน้าหนาวก็อาจเจอพายุหิมะหนักๆ ได้ ดังนั้นแต่ละฤดูก็ต้องแต่งตัวไม่เหมือนกัน มาดูกันว่าควรแต่งยังไง :
ฤดูใบไม้ผลิ:อากาศแปรปรวนค่อนข้างมาก แนะนำให้คนที่แพ้อากาศพกหน้ากากไปด้วย และควรแต่งตัวแบบใส่เสื้อหลายชั้นจะได้ถอดใส่ตามอุณหภูมิที่เปลี่ยนไปได้
ฤดูร้อน:ยกเว้นฮอกไกโดที่อากาศเย็นสบาย พื้นที่อื่นๆ ร้อนทั่วหน้ากันหมด ใส่อะไรที่สบายๆ เบาๆ ก็พอ
ฤดูใบไม้ร่วง:พอเข้าฤดูนี้อากาศจะเย็นชัดเจน แนะนำให้แต่งตัวแบบใส่เสื้อหลายชั้นเหมือนฤดูใบไม้ผลิ
ฤดูหนาว:ต้องมีเสื้อกันหนาวตัวหนาๆ (ถ้าไปแถวที่มีหิมะต้องมีถุงมือกับหมวกไหมพรมด้วย) แต่ข้างในไม่ต้องใส่หนามาก เพราะในญี่ปุ่นมีฮีตเตอร์เกือบทุกที่ เข้าไปในอาคารอาจจะร้อนอบอ้าวได้
การเข้าประเทศ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นไม่ต้องขอวีซ่า แต่พอถึงสนามบินญี่ปุ่น ตอนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองจะต้องกรอก บัตรตรวจคนเข้าเมือง และ ใบแจ้งศุลกากร โดยปกติแล้วแอร์โฮสเตสจะแจกให้หลังเครื่องขึ้นไม่นาน อย่าลืมกรอกให้เรียบร้อยก่อนถึงญี่ปุ่น ต้องยื่นบัตรตรวจคนเข้าเมือง ตอนผ่านด่านตม. ส่วน ใบแจ้งศุลกากร ต้องยื่นตอนรับกระเป๋าเสร็จแล้วจะออกด่านศุลกากร ถ้ากรอกไว้ก่อนจะช่วยประหยัดเวลาตอนผ่านด่านได้เยอะเลย
การวางแผนเที่ยว
สำหรับเพื่อนๆที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แนะนำให้วางแผนเที่ยวประมาณ 1 สัปดาห์ โดยอาจจะเน้นเที่ยว เมืองเดียว (เช่น โตเกียว) หรือใช้เมืองหลักเป็นฐานแล้วแวะไปเที่ยวเมืองใกล้เคียง 1-2 วัน เช่น โอซาก้า+เกียวโต/นารา หรือ ซัปโปโร+โอตารุ เป็นต้น
ตอนแรกๆ ที่หาข้อมูล เพื่อนๆ มักจะเสิร์ชหาที่เที่ยวแบบละเอียดยิบ แล้วทำลิสต์สถานที่ที่อยากไป แนะนำให้ใช้ Google สร้าง My Maps เก็บทุกที่ที่อยากไปไว้ในนั้น จะได้เห็นตำแหน่งที่ตั้งของแต่ละที่ชัดเจน
ถ้าจะเที่ยวในเมืองใหญ่อย่างโตเกียวหรือโอซาก้า แนะนำให้เปิดแผนที่รถไฟใต้ดินดูไปด้วย พยายามจัดที่เที่ยวที่อยู่บนเส้นทางรถไฟเดียวกันไว้ในวันเดียวกัน นอกจากจะประหยัดเวลาในการต่อรถแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าเดินทางได้เยอะเลย
ด้วยความที่ญี่ปุ่นมีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่พัฒนาอย่างมาก พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่างๆ ที่ดีเยี่ยม จึงถือเป็นประเทศที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาญี่ปุ่นด้วยตัวเอง สุดๆ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแผนกะทันหันอยากไปเที่ยวที่อื่น ก็สามารถหาแผนที่และเส้นทางแนะนำ ได้จากศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวในท้องถิ่น โดยเจ้าหน้าที่จะให้คำแนะนำด้วยความเป็นกันเอง ดังนั้นมือใหม่หัดเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ไม่ต้องกังวลเลย
การเดินทางในท้องถิ่น
เมื่อวางแผนทริป แน่นอนว่าต้องคำนึงถึง วิธีการเดินทางในญี่ปุ่น ด้วย ที่ญี่ปุ่นมีวิธีการเดินทางมากมายหลายแบบ แต่สำหรับมือใหม่แล้ว ขอแนะนำว่าแค่ทำความเข้าใจวิธีการเดินทาง 4 แบบต่อไปนี้ก็เพียงพอแล้ว :

ภายในขบวนรถไฟชินคันเซ็นกว้างขวางและสะดวกสบาย
ภาพจาก Photo AC
JR (รถไฟญี่ปุ่น)

ญี่ปุ่นมีเครือข่ายรถไฟที่ครอบคลุมแน่นหนา ทำให้การเดินทางสะดวกสบายมาก ภาพที่เห็นคือสายเคฮิน-โทโฮคุ ในเขตโตเกียว
ภาพจาก Photo AC
เมื่อไปญี่ปุ่น คุณจะต้องเห็นโลโก้ JR อย่างแน่นอน ซึ่งก็คือบริษัทรถไฟญี่ปุ่นนั่นเอง โดยแบ่งตามภูมิภาคเป็น JR East , JR West , JR Kyushu และอื่นๆ JR มีทั้ง ชินคันเซ็น และ เส้นทางปกติ ชินคันเซ็นเป็นรถไฟที่เร็วที่สุดและราคาแพงที่สุด มักใช้สำหรับการเดินทางไกล ส่วน เส้นทางปกติ คือเส้นทางอื่นๆ ที่ไม่ใช่ชินคันเซ็น แบ่งเป็นรถด่วนพิเศษ รถด่วน และรถธรรมดา ตามจำนวนสถานีที่จอด ตัวอย่างเช่น สาย Yamanote Line และ Keihin-Tohoku Line ในโตเกียว หรือสาย Nara Line , Kyoto Line และ Osaka Loop Line ในแถบคันไซ ล้วนเป็นเส้นทางปกติ ทั้งสิ้น
รถไฟเอกชน
รถไฟเอกชน เป็นอีกหนึ่งตัวเชื่อมสำคัญในการเดินทางระหว่างในเมืองกับพื้นที่โดยรอบ พูดง่ายๆ คือ นอกเหนือจากรถไฟ JR รถไฟใต้ดินของเมือง และรถไฟที่รัฐบาลเป็นเจ้าของแล้ว ระบบรถไฟที่เหลือทั้งหมดเราเรียกรวมๆ ว่า รถไฟเอกชน ซึ่งก็คือรถไฟที่บริษัทเอกชนเป็นผู้บริหารจัดการนั่นเอง สายรถไฟที่นักท่องเที่ยวมักใช้บริการบ่อยๆ อย่างสาย Keio , Odakyu , Seibu , Tobu , Hankyu และ Nagoya Railway ก็ล้วนเป็นรถไฟเอกชนทั้งสิ้น แม้จะเป็นคนละเจ้าของกัน แต่วิธีการขึ้นรถไฟก็ไม่ได้ต่างจาก JR เท่าไหร่ แค่แตะบัตร IC หรือซื้อตั๋วจากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ ก็เข้าสถานีได้เลย สะดวกสุดๆ
รถไฟใต้ดิน

รถไฟใต้ดินสาย Fukutoshin Line ในโตเกียว ภาพจาก Photo AC
ระบบรถไฟใต้ดินในญี่ปุ่นมีโครงข่ายที่หนาแน่นกว่าระบบรถไฟปกติเสียอีก เมืองใหญ่ๆ ในญี่ปุ่นแทบทุกเมืองจะมีระบบรถไฟใต้ดินเป็นของตัวเอง เช่น รถไฟใต้ดินซัปโปโรที่ดำเนินการโดยเทศบาล รถไฟใต้ดินเกียวโตที่ดำเนินการโดยเทศบาล ส่วนในโตเกียวนั้นมีระบบรถไฟใต้ดินหลายระบบด้วยกัน ถ้าคุณวางแผนเที่ยวแต่ในตัวเมืองเดียว รับรองว่าต้องได้ใช้รถไฟใต้ดินแน่นอน และที่น่าสนใจก็คือ ทั้ง ชินคันเซ็น รถไฟธรรมดา และ รถไฟใต้ดิน ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ในภาษาญี่ปุ่นจะเรียกรวมๆ กันว่า เด็นฉะ (電車) หรือรถไฟฟ้านั่นเอง
รถโดยสารประจำทาง
จริงๆ แล้ว แค่ รถไฟ กับ รถไฟใต้ดิน ก็เพียงพอที่จะพาคุณไปเที่ยวแทบทุกที่ในญี่ปุ่นได้แล้ว รถเมล์หรือรถบัสนั้นแทบไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ ยกเว้นบางพื้นที่ที่จำเป็นต้องใช้รถบัสจริงๆ อย่างเช่น เกียวโต ในเขตเมืองเกียวโตนั้น ระบบรถเมล์มีความสะดวกสบายและครอบคลุมมาก และถ้าคุณซื้อ ตั๋วเหมาจ่ายรายวันรถไฟใต้ดิน+รถเมล์เกียวโต ก็สามารถนั่งได้ไม่อั้นตลอดทั้งวัน นี่จึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมของนักท่องเที่ยวหลายๆ คนเลย
งบค่าใช้จ่ายต่างๆ
นอกจากค่าตั๋วเครื่องบินและที่พักแล้ว ควรพกเงินสดไปเที่ยวญี่ปุ่นเท่าไหร่ถึงจะอุ่นใจ? แม้ว่าค่าครองชีพในญี่ปุ่นจะค่อนข้างสูง แต่ไม่ได้แพงทุกอย่างนะ และด้วยค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลง หลายคนรู้สึกว่าราคาสินค้าในญี่ปุ่นเริ่มเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์มากขึ้น มาดูราคาอ้างอิงกัน :
• ค่ารถไฟ 1 สถานี : 160-180 เยน
• กาแฟอเมริกาโนที่ร้านสะดวกซื้อ ประมาณ 200 เยน
• มื้อเนื้อย่างร้านหรูต่อคน : ประมาณ 4,000 เยน
• ข้าวหน้าเนื้อโยชิโนยะ ชามกลาง 498 เยน
• ตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์หรือหอศิลป์ทั่วไป ผู้ใหญ่ 1,000-1,800 เยน
• ค่าแท็กซี่ในเขตโตเกียว 500 เยนสำหรับกิโลเมตรแรก หลังจากนั้นเพิ่ม 100 เยนทุกๆ 255 เมตร

ภาพจาก Photo AC
จากประสบการณ์ทั่วไป ถ้าแผนเที่ยวส่วนใหญ่อยู่ในเมืองและใช้ JR หรือรถไฟใต้ดินเป็นหลัก ค่าเดินทางต่อวันจะอยู่ที่ประมาณ 600-800 เยน ส่วนค่าอาหาร ถ้ามื้อนึงต่ำกว่า 1,000 เยนถือว่าถูกมากๆ ส่วนราคาที่พบบ่อยจะอยู่ที่ 1,500-3,000 เยน
นอกจากนี้ตอนนี้ การจ่ายเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ก็กลายเป็นวิธีจ่ายเงินยอดนิยมในญี่ปุ่นแล้ว และที่เจ๋งไปกว่านั้นคือ PayPay แอพจ่ายเงินที่คนญี่ปุ่นใช้เยอะที่สุดได้จับมือกับระบบจ่ายเงินของไต้หวันแล้ว แค่ใช้แอพเดิมสแกน QR Code ของ PayPay ก็จ่ายได้สบายๆ
มารยาทต่างๆและข้อควรระวังในการท่องเที่ยว
มารยาทสำหรับนักท่องเที่ยว
มารยาทสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเที่ยวต่างประเทศหรือในประเทศ เมื่อไปถึงสถานที่ใหม่ เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม ถือเป็นสิ่งจำเป็น เพราะเป็นการแสดงความเคารพและความใส่ใจ ถึงแม้ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศในเอเชีย แต่วัฒนธรรมและวิถีชีวิตก็ยังมีความแตกต่างอยู่มาก อย่าได้มองข้ามรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้เมื่อมาเที่ยวที่ญี่ปุ่น
・เมื่อขึ้นบันไดเลื่อน โดยทั่วไปให้ยืนชิดซ้าย เว้นขวาไว้สำหรับคนเดิน แต่ที่โอซาก้าจะยืนชิดขวา เว้นซ้ายไว้สำหรับคนเดิน
・เมื่อใช้ห้องน้ำสาธารณะในญี่ปุ่น ทิ้งกระดาษชำระลงในโถส้วมได้เลย
・เมื่อโดยสารรถไฟหรือขนส่งสาธารณะอื่นๆ โปรดระวังมารยาทให้ดี ไม่พูดคุยเสียงดัง ปิดเสียงโทรศัพท์ และสะพายกระเป๋าไว้ด้านหน้า
・พยายามอย่าเดินกินไปด้วย หากร้านค้าในย่านช้อปปิ้งไม่มีที่นั่งทานและขายแบบซื้อกลับบ้านเท่านั้น ให้หาที่นั่งในสวนสาธารณะใกล้ๆ หรือยืนกินหน้าร้านให้เสร็จ แล้วฝากทิ้งขยะกับทางร้านก่อนจะเดินต่อ การเดินกินไปด้วยถือเป็นการไม่สุภาพในสายตาคนญี่ปุ่น
ข้อควรระวังในการท่องเที่ยว
จริงๆ แล้วญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงมาก แต่เนื่องจากช่วงหลังๆ มานี้มีสาวๆ แบ็คแพ็คเกอร์นิยมเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวกันเยอะขึ้น เลยอยากจะแนะนำเรื่องความปลอดภัยที่ควรระวังสักหน่อย
โดยทั่วไปในย่านชุมชนเมือง ร้านค้าส่วนใหญ่ (ยกเว้นร้านเหล้า ผับ บาร์) จะทยอยปิดหลัง 2-3 ทุ่ม หลังจากนั้นก็แทบไม่มีอะไรให้เดินเที่ยวแล้ว ถ้าใครไม่มีธุระอะไร หรือไม่อยากสัมผัสไนท์ไลฟ์ญี่ปุ่น แนะนำให้กลับที่พักพักผ่อนเสียแต่หัวค่ำดีกว่า
・ย่านบันเทิงยามราตรี อันตรายจริงไหม? ตอบเลยว่าใช่ แม้ว่าช่วงหลังๆ จะมีการเพิ่มการลาดตระเวนของตำรวจมากขึ้น ทำให้ความปลอดภัยดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ แต่ก็ยังแนะนำว่าสาวๆ ไม่ควรไปเดินเล่นคนเดียวในย่านคาบุกิโจ ชินจูกุ ถ้ามีผู้ชายไปด้วยจะปลอดภัยกว่า
・ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินทำยังไงดี? แนะนำให้ทุกคนพกสมุดบันทึก เบอร์ฉุกเฉินติดตัวไว้ เพื่อจะได้รู้ว่าเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจะติดต่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานไหนได้บ้าง
สิ่งที่ต้องระวังตอนขึ้นเครื่องกลับ? ควรไปถึงสนามบินก่อนกี่ชั่วโมง?
ในวันเดินทางกลับ ควรไปถึงสนามบินก่อนเวลาเท่าไหร่ดี?
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเดินทางจากสนามบินหลักทั้ง 3 แห่งของญี่ปุ่น คือ นาริตะ ฮาเนดะ และคันไซ การไปถึงก่อน 3 ชั่วโมงจะทำให้คุณสามารถทำขั้นตอนต่างๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องรีบร้อน ทั้งเช็คอิน ตรวจความปลอดภัย และผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง หลังจากนั้นคุณจะมีเวลาเดินช้อปปิ้งที่ร้านปลอดภาษีประมาณ 30-45 นาที ก่อนที่จะต้องไปรอที่ประตูขึ้นเครื่อง
แต่ถ้าคุณอยากไปถึงเร็วๆเพื่อทานข้าว ส่งพัสดุ และต้องการเวลาช้อปปิ้งในร้านปลอดภาษีมากขึ้น รวมถึงเลือกซื้อของฝาก การไปถึงก่อน 2-3 ชั่วโมงนั้นไม่เพียงพอแน่นอน อย่าลืมว่าแค่การเดินไปร้านปลอดภาษี เลือกของ และต่อแถวจ่ายเงินก็อาจใช้เวลาถึง 30 นาทีแล้วนะ
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสินค้าปลอดภาษี
หลายคนที่ไปชอปปิ้งในญี่ปุ่นมักจะขอทำเรื่องยกเว้นภาษีกับร้านค้า ทางร้านจะออก ใบบันทึกการซื้อ ติดลงในพาสปอร์ตของผู้ซื้อพร้อมประทับตรา วันที่เดินทางออกจากญี่ปุ่น แค่แสดงใบบันทึกนี้กับศุลกากรก็พอ อย่าลืมว่าห้ามทำหายหรือฉีกออกก่อนออกจากญี่ปุ่น
บางคนสงสัยว่า สินค้าปลอดภาษีโหลดใต้ท้องเครื่องได้ไหม? เนื่องจากการตรวจศุลกากรที่สนามบินมักทำก่อนการตรวจความปลอดภัยและตรวจกระเป๋าถือ แนะนำให้ไปถามจุดบริการข้อมูลที่สนามบินก่อนว่าจุดตรวจอยู่ตรงไหน ผ่านการตรวจแล้วค่อยไปโหลดกระเป๋า โดยเฉพาะของเหลวอย่างเครื่องสำอาง เครื่องดื่ม และแอลกอฮอล์ต้องโหลดใต้ท้องเครื่อง ส่วนของทั่วไปหรือขนม เครื่องสำอางค์ อายแชโดว์ที่ไม่ใช่ของเหลวเอาขึ้นเครื่องได้
อีกเรื่องที่ต้องระวังคือ สินค้าปลอดภาษีห้ามให้คนอื่นถือออกนอกญี่ปุ่นแทน ต้องเป็นคนซื้อถือออกเอง
สุดท้าย ถ้าไม่แน่ใจว่าอะไรเอาเข้าประเทศได้หรือไม่ได้บ้าง ยังไงควรเช็คก่อนซื้อสินค้านั้นๆอีกครั้งด้วย

ไปชมภูเขาไฟฟูจิ มรดกโลกกันเถอะ! ภาพความงดงามนี้ถ่ายจากจุดชมวิว ชินโดะโทเงะ
ภาพจาก PhotoAC
การเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองไม่ยากอย่างที่คิด เมื่อคุณได้ลองวางแผนและเดินทางด้วยตัวเองแล้ว จะพบว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เที่ยวง่าย ปลอดภัย และน่าประทับใจ หวังว่าคู่มือเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกฉบับนี้จะช่วยให้การวางแผนทริปของคุณง่ายขึ้น และมีประสบการณ์ท่องเที่ยวที่น่าจดจำ
JapaiJAPAN เว็บรวมคูปองเที่ยวญี่ปุ่นสุดคุ้ม จะไปญี่ปุ่น ต้อง JapaiJAPAN
◆ เว็บไซต์ข้อมูลท่องเที่ยว JapaiJAPAN
◆ JapaiJAPAN Tiktok