คู่มือขอคืนภาษีญี่ปุ่น กฎครบจบ และกฎใหม่ปี 2026

มาทำความเข้าใจ กฎล่าสุดของการขอคืนภาษีในญี่ปุ่น และ ระบบปลอดภาษีใหม่ ในคราวเดียว! ระบบใหม่ที่จะเริ่มใช้ในญี่ปุ่นใน ปี 2026 จะส่งผลต่อการซื้อสินค้าและขั้นตอนการขอคืนภาษี ในบทความนี้ "JapaiJAPAN" ได้รวบรวมข้อมูลไว้ให้คุณอย่างครบถ้วน ให้คุณได้สนุกกับการชอปแบบไม่สะดุด!

ภาพหลักบทความการขอคืนภาษีในญี่ปุ่น

การปฏิรูปครั้งใหญ่ของระบบปลอดภาษีในญี่ปุ่น เริ่มปี 2026!

มาตรการที่จะนำมาใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2026

สินค้าปลอดภาษี "จ่ายก่อน ขอคืนภายหลัง"

ปัจจุบันระบบปลอดภาษีของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าในราคาปลอดภาษีโดยตรง หรือดำเนินการขอคืนภาษีที่เคาน์เตอร์ขอคืนภาษีของห้างสรรพสินค้า จะต้องเสร็จสิ้นในวันที่ซื้อสินค้า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวิธีนี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าสินค้าปลอดภาษีถูกนำออกนอกประเทศจริงหรือไม่ ระบบปลอดภาษีใหม่จะเปลี่ยนเป็น "จ่ายก่อน ขอคืนภายหลัง": จ่ายเงินด้วยราคาที่รวมภาษีตอนซื้อ แล้วค่อยดำเนินการขอคืนภาษีที่สนามบินตอนออกจากประเทศ สิ่งที่ต้องระวังคือ เฉพาะสินค้าที่ซื้อ ภายใน 90 วัน นับย้อนหลังจากวันออกจากประเทศเท่านั้นที่สามารถรับสิทธิปลอดภาษีได้!

โถงสนามบิน

ในอนาคตขั้นตอนการขอคืนภาษีจะดำเนินการที่สนามบิน
ที่มาของภาพ: PhotoAC

เพื่อความสะดวก รัฐบาลญี่ปุ่นวางแผนที่จะติดตั้ง เครื่องอัตโนมัติสำหรับขั้นตอนการขอคืนภาษี ในโถงของสนามบิน ผู้โดยสารต้องสแกนหนังสือเดินทางที่เครื่องก่อนทำการเช็กอิน หากระบบแสดงว่าต้องตรวจสอบโดยศุลกากร ก็จะต้องนำสินค้าปลอดภาษีทั้งหมดไปยังเคาน์เตอร์ศุลกากรเพื่อตรวจสอบ ส่วนผู้โดยสารอื่นๆ สามารถทำการเช็กอินได้ทันที กรมสรรพากรญี่ปุ่นยังเตือนให้ผู้โดยสารไปถึงสนามบินล่วงหน้า เผื่อเวลาสำหรับการดำเนินการขอคืนภาษีอีกด้วย

ยกเลิกการแบ่งประเภท "สินค้าทั่วไป" และ "สินค้าอุปโภคบริโภค"


ปัจจุบันสินค้าปลอดภาษีของญี่ปุ่นแบ่งเป็นสองประเภท คือ "สินค้าทั่วไป" เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า และ "สินค้าอุปโภคบริโภค" เช่น อาหาร ยา เครื่องสำอาง ทั้งสองประเภทมีความแตกต่างกันในเรื่องวงเงินซื้อสูงสุด วิธีการบรรจุหีบห่อสินค้าปลอดภาษี และระยะเวลาที่สามารถอยู่ในญี่ปุ่นได้ ซึ่งมักทำให้นักท่องเที่ยวสับสน แต่ระบบใหม่จะยกเลิกการแบ่งประเภทนี้ ทำให้ไม่ว่าจะซื้อสินค้าก็สามารถคำนวณยอดเงินปลอดภาษีร่วมกันได้

ยกเลิกการบรรจุหีบห่อพิเศษสำหรับ "สินค้าอุปโภคบริโภค"

สินค้าขอคืนภาษีประเภทอุปโภคบริโภคต้องใช้ถุงพิเศษในการห่อ

ถุงบรรจุพิเศษสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค


ขนมขบเคี้ยว อาหารว่างและเครื่องสำอาง ยาที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ แต่ก่อนจัดอยู่ในหมวด "สินค้าอุปโภคบริโภค" หลังจากซื้อต้องรอให้พนักงานร้านค้าห่อสินค้าเพิ่มเติม ทำให้เคาน์เตอร์ปลอดภาษีมักมีคนต่อแถวยาว เนื่องจากระบบใหม่ยกเลิกการแบ่งแยกระหว่างสินค้าทั่วไปและสินค้าอุปโภคบริโภค ระบบการบรรจุหีบห่อพิเศษสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคก็จะถูกยกเลิกไปด้วย ทำให้การชอปปิ้งมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ยกเลิกวงเงินซื้อสูงสุดสำหรับ "สินค้าอุปโภคบริโภค"

ธนบัตรญี่ปุ่นหลายใบ

ที่มาของภาพ:photoAC


ปัจจุบันเมื่อชอปปิ้งในญี่ปุ่น หากต้องการซื้อ "สินค้าอุปโภคบริโภค" แบบปลอดภาษี ยอดใช้จ่ายต่อวันที่ร้านเดียวกันต้อง ไม่เกิน 500,000 เยน (ไม่รวมภาษี) เมื่อระบบใหม่ยกเลิกการแบ่งประเภท "สินค้าอุปโภคบริโภค" และ "สินค้าทั่วไป" ตั้งแต่ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2026 เป็นต้นไป วงเงินซื้อสูงสุดสำหรับสินค้าที่เคยถูกจัดเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคก็จะถูกยกเลิกไปด้วย

มาตรการที่เริ่มใช้แล้วในปี 2025

ยกเลิกการ "ส่งแยกต่างหาก" สำหรับสินค้าปลอดภาษี

เคยซื้อของปลอดภาษีแล้วส่งพัสดุกลับบ้านทีหลังได้ใช่ไหม? แต่ตั้งแต่ 1 เมษายน 2025 มีกฎใหม่ดังนี้
・นำกลับด้วยตัวเองทันที หรือ
・ให้ร้านส่งกลับประเทศตอนซื้อเลย (แต่ไม่ใช่ทุกร้านมีบริการนี้)
เคล็ดลับหลีกเลี่ยงค่าปรับกระเป๋าหนัก:
・เช็คน้ำหนักกระเป๋าที่สายการบินอนุญาตก่อนช้อป
・ซื้อน้ำหนักเพิ่มล่วงหน้า (ถูกกว่าซื้อที่สนามบิน)
・ถามร้านว่ามีบริการส่งของกลับไทยไหม
ข้อควรระวัง: ไม่สามารถซื้อวันนี้แล้วส่งพัสดุเองทีหลังอีกต่อไป ต้องตัดสินใจทันทีตอนซื้อ!

Visit Japan Web "QR Code ปลอดภาษี"

ระบบยื่นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ Visit Japan Web จะช่วยประหยัดเวลากรอกบัตรขาเข้าและแบบฟอร์มศุลกากร พร้อมสร้าง QR Code สำหรับใช้งานปลอดภาษีแทนหนังสือเดินทาง
ข้อควรระวัง: ร้านค้ารองรับ QR Code ปลอดภาษียังไม่มากนัก แนะนำให้สอบถามก่อนชำระเงิน บางร้านอาจต้องการดูหนังสือเดินทางประกอบ จึงควรพกหนังสือเดินทางติดตัวเสมอ

บทนำระบบปลอดภาษีของญี่ปุ่น

ผู้มีสิทธิรับการยกเว้นภาษี

ปัจจุบัน กลุ่มที่มีสิทธิได้รับ "ระบบปลอดภาษี" ในญี่ปุ่นแบ่งเป็นสองประเภท: ประเภทแรกคือ ผู้ถือสัญชาติต่างประเทศ รวมถึงผู้ที่มีสถานะการพำนักระยะสั้น ทูต หรือราชการ อีกประเภทหนึ่งคือ ผู้ถือสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งจำกัดเฉพาะผู้ที่พำนักนอกประเทศญี่ปุ่นติดต่อกัน 2 ปีขึ้นไป และมีเอกสารยืนยัน ขอเตือนชาวต่างชาติที่ทำงานหรือเรียนในญี่ปุ่น แม้ว่าเวลาที่มาญี่ปุ่นจะยังไม่เกิน 6 เดือน ก็ไม่อยู่ในขอบเขตการได้รับการยกเว้นภาษี! สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาญี่ปุ่นโดยเรือสำราญ เพียงแสดงใบอนุญาตขึ้นฝั่งท่องเที่ยวจากเรือหรือหลักฐานการเข้าประเทศอื่นๆ ก็สามารถดำเนินการขอยกเว้นภาษีได้

สิ่งของที่ได้รับการยกเว้นภาษี

สินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีต้องเป็นสิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน สินค้าที่ใช้เพื่อธุรกิจหรือเพื่อขายต่อไม่อยู่ในขอบเขตของสิ่งของที่ได้รับการยกเว้นภาษี ภายใต้ระบบปัจจุบัน สินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีแบ่งออกเป็นสินค้าทั่วไปและสินค้าอุปโภคบริโภค

สินค้าทั่วไป

เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ เครื่องครัว ของเล่น เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอื่นๆ ที่สามารถใช้ซ้ำได้ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2022 เป็นต้นมา การซื้อผลิตภัณฑ์ Apple ในญี่ปุ่นไม่ได้รับราคาปลอดภาษีอีกต่อไป แต่ผลิตภัณฑ์ Apple ที่ซื้อจากร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีบริการปลอดภาษียังคงสามารถขอคืนภาษีได้

สินค้าอุปโภคบริโภค

เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อาหาร ยา เครื่องดื่ม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ธูป บุหรี่ และอื่นๆ ที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวหรือลดลงเมื่อใช้

จำนวนเงินที่ได้รับการยกเว้นภาษี

ปัจจุบันภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นอยู่ที่ 10% ส่วนอาหารซื้อกลับบ้านและเครื่องดื่มบางประเภทยังคงเป็น 8% บางร้านจะคืนภาษีการบริโภคเต็มจำนวน บางร้านอาจคืนต่ำกว่า 10% หรือเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอคืนภาษี ควรตรวจสอบก่อนซื้อ!

เงื่อนไขการยกเว้นภาษี

สินค้าทั่วไป

ซื้อสินค้าจากร้านเดียวกันในวันเดียวกันขั้นต่ำ 5,000 เยน (ไม่รวมภาษี) และต้องนำสินค้าออกจากญี่ปุ่นภายใน 6 เดือน สินค้าทั่วไปสามารถใช้ในญี่ปุ่นได้

สินค้าอุปโภคบริโภค

ซื้อสินค้าจากร้านเดียวกันในวันเดียวกันขั้นต่ำ 5,000 เยน (ไม่รวมภาษี) และไม่เกิน 500,000 เยน (ไม่รวมภาษี) และต้องนำสินค้าออกจากญี่ปุ่นภายใน 30 วัน สินค้าอุปโภคบริโภคไม่สามารถใช้ในญี่ปุ่นได้ ดังนั้นเมื่อดำเนินการยกเว้นภาษี พนักงานจะห่อสินค้าอุปโภคบริโภคด้วยถุงพิเศษ ห้ามเปิดก่อนออกจากญี่ปุ่น

การรวมสินค้าทั่วไปและสินค้าอุปโภคบริโภค

สินค้าทั่วไปและสินค้าอุปโภคบริโภคที่ซื้อจากร้านเดียวกันในวันเดียวกัน หากมียอดรวมขั้นต่ำ 5,000 เยน (ไม่รวมภาษี) และไม่เกิน 500,000 เยน (ไม่รวมภาษี) สามารถคำนวณรวมกันเพื่อขอยกเว้นภาษีได้ เนื่องจากรวมสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าทั่วไปก็จะต้องถูกห่อด้วยบรรจุภัณฑ์พิเศษและห้ามเปิดก่อนออกจากญี่ปุ่น หากต้องการใช้สินค้าทั่วไปในญี่ปุ่น จะไม่สามารถคำนวณยอดรวมกับสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อขอยกเว้นภาษีได้!

เกณฑ์มูลค่าขั้นต่ำและวงเงินสูงสุดที่ได้รับการยกเว้นภาษี ระยะเวลาที่สามารถอยู่ในญี่ปุ่น บรรจุภัณฑ์พิเศษ สามารถใช้ในญี่ปุ่นได้หรือไม่
สินค้าทั่วไป ซื้อสินค้าจากร้านเดียวกันในวันเดียวกันขั้นต่ำ 5,000 เยน (ไม่รวมภาษี) ขึ้นไป ไม่มีวงเงินสูงสุด ต้องนำออกจากญี่ปุ่นภายใน 180 วัน ไม่ต้องใช้บรรจุภัณฑ์พิเศษ สามารถใช้ในญี่ปุ่นได้
สินค้าอุปโภคบริโภค ซื้อสินค้าจากร้านเดียวกันในวันเดียวกันขั้นต่ำ 5,000 เยน (ไม่รวมภาษี) ขึ้นไป และไม่เกิน 500,000 เยน (ไม่รวมภาษี) ต้องนำออกจากญี่ปุ่นภายใน 30 วัน ต้องใช้บรรจุภัณฑ์พิเศษ ไม่สามารถใช้ในญี่ปุ่นได้
สินค้าทั่วไป + สินค้าอุปโภคบริโภค ซื้อสินค้าจากร้านเดียวกันในวันเดียวกันขั้นต่ำ 5,000 เยน (ไม่รวมภาษี) ขึ้นไป และไม่เกิน 500,000 เยน (ไม่รวมภาษี) ต้องนำออกจากญี่ปุ่นภายใน 30 วัน ต้องใช้บรรจุภัณฑ์พิเศษ ไม่สามารถใช้ในญี่ปุ่นได้

ร้านค้าปลอดภาษี

ปัจจุบันร้านค้าที่สามารถยกเว้นภาษีการบริโภคได้ ประกอบด้วยร้านค้าปลอดภาษีที่สนามบิน ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าบางแห่ง ห้างสรรพสินค้า รวมทั้งศูนย์การค้าและเอาท์เล็ทจำนวนมากที่ให้บริการปลอดภาษี นอกจากร้านค้าประเภทห้าง ร้านค้าแบรนด์โดยตรงหลายแห่งเช่น ร้านเครื่องใช้ในบ้านหรือร้านเสื้อผ้าก็มีบริการปลอดภาษี นักท่องเที่ยวสามารถสังเกตป้ายสัญลักษณ์ "Tax Free" ที่ทางเข้าร้านหรือเคาน์เตอร์ชำระเงิน

วิธีการและขั้นตอนการขอยกเว้นภาษีในญี่ปุ่น

วิธีการขอยกเว้นภาษี

ระบบการยกเว้นภาษีปัจจุบันของญี่ปุ่นจะดำเนินการในวันที่ซื้อสินค้าที่ร้านค้าโดยตรง มีสองวิธี

ร้านขายยาและเครื่องสำอาง ร้านเสื้อผ้า ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า "ซื้อปุ๊บ คืนภาษีปั๊บ"

ป้ายที่เคาน์เตอร์คืนภาษี

ชำระเงินในราคาปลอดภาษีโดยตรงที่ "Taxfree Shop"
ภาพถ่ายโดย:Akane


การใช้จ่ายในร้านค้าที่มีสติกเกอร์ "Tax-free Shop" โดยทั่วไปร้านค้าปลอดภาษีเหล่านี้จะมี "เคาน์เตอร์ชำระเงินปลอดภาษี" ที่สามารถชำระเงินในราคาที่ไม่รวมภาษีได้โดยตรง เช่น ร้านขายยาและเครื่องสำอางขนาดใหญ่ ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านเสื้อผ้า และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เพื่อส่งเสริมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว ร้านค้าปลอดภาษีประเภทนี้ในญี่ปุ่นจึงมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เคาน์เตอร์ปลอดภาษีในห้างสรรพสินค้า "จ่ายก่อน ขอคืนภายหลัง"

เคาน์เตอร์คืนภาษีในห้างสรรพสินค้า

เคาน์เตอร์คืนภาษีในห้างสรรพสินค้า ดำเนินการขอคืนภาษีรวมกันหลังจากซื้อสินค้าเสร็จ
ภาพถ่ายโดย:Akane


อีกวิธีหนึ่งคือการใช้จ่ายในห้างสรรพสินค้า นักท่องเที่ยวจะต้องซื้อสินค้าในราคาที่รวมภาษีก่อน หลังจากซื้อทุกอย่างเสร็จแล้ว จึงไปที่ "เคาน์เตอร์ปลอดภาษี" แสดงหนังสือเดินทางและใบเสร็จรับเงินเพื่อดำเนินการขอคืนภาษี สามารถเลือกรับคืนเป็นเงินเยนสด หรือคืนเข้าบัตรเครดิตได้

ขั้นตอนการดำเนินการขอยกเว้นภาษี

ขั้นตอนที่ 1

เมื่อดำเนินการขอยกเว้นภาษี ต้องแสดงหนังสือเดินทางตัวจริงหรือ "QR Code ปลอดภาษี" จาก Visit Japan Web ด้วยตนเอง หากชำระด้วยบัตรเครดิต หนังสือเดินทางและบัตรเครดิตต้องเป็นของคนเดียวกัน

ขั้นตอนที่ 2

พนักงานร้านค้าจะตรวจสอบข้อมูลเช่นวันที่เข้าประเทศ สแกนบาร์โค้ดในหนังสือเดินทางหรือ QR Code ปลอดภาษี และส่งข้อมูลการซื้อสินค้าครั้งนี้ให้กับศุลกากรผ่านระบบคอมพิวเตอร์ โดยทั่วไปหนังสือเดินทางจะถูกคืนให้หลังการสแกน

ขั้นตอนที่ 3

หากซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค พนักงานจะใช้ถุงพิเศษห่อสินค้า ซึ่งไม่สามารถเปิดได้ในญี่ปุ่น หากพบว่ามีการเปิดและใช้ก่อนออกจากประเทศ อาจต้องจ่ายภาษีการบริโภคเพิ่มเติม

ขั้นตอนที่ 4

พนักงานคืนใบเสร็จและสินค้า เสร็จสิ้นขั้นตอน เมื่อออกจากประเทศ ต้องแสดงหนังสือเดินทางต่อศุลกากรเพื่อตรวจสอบ

แม้การซื้อสินค้าปลอดภาษีในญี่ปุ่นจะสะดวก แต่ระบบปัจจุบันที่แยกระหว่างสินค้าทั่วไปและสินค้าอุปโภคบริโภคค่อนข้างซับซ้อน รวมถึงวิธีการขอคืนภาษีสองรูปแบบที่แตกต่างกัน มักทำให้นักท่องเที่ยวสับสนในขั้นตอนต่างๆ ศึกษาข้อมูลในบทความนี้เมื่อเข้าใจระบบคืนภาษีญี่ปุ่นชัดเจนแล้ว ชอปปิ้งที่ญี่ปุ่นคราวหน้า รับรองว่าทำ Tax-Free ได้อย่างมั่นใจ!

อ้างอิง:เว็บไซต์ร้านค้าปลอดภาษีของกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวเว็บไซต์กรมสรรพากร