วม 10 คำศัพท์ญี่ปุ่นในเมนูอาหาร: นามิโมริ โอโมริ คาราอาเกะ ความหมายและความแตกต่าง

เมื่อมาเที่ยวญี่ปุ่น หลายต่อหลายคนอาจเคยแวะร้านข้าวหน้าเนื้อ และที่ร้านคุณจะต้องเห็นตัวอักษร 「並」 แน่นอน แต่คุณรู้ไหมว่า "นามิโมริ" มีขนาดเท่าไหร่? แล้ว 「あたまの大盛」 (อาตามะ โนะ โอโมริ) คืออะไร? คราวนี้เราจะแนะนำ 10 คำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นที่พบบ่อยแต่เข้าใจผิดได้ง่าย! นอกจาก 「並」(นามิ) ที่พบบ่อยในร้านข้าวหน้าเนื้อ, 「」(จู) ในร้านข้าวหน้าปลาไหล, ยังมี 「」(อาเกะ) และ 「」(ชิเมะ) ที่พบในร้านอิซากายะ มาดูกันเลย!

10 คำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นที่พบบ่อยในเมนูร้านอาหารญี่ปุ่น - ข้าวหน้าเนื้อขนาดปกติมีขนาดเท่าไร

ห้องเรียนสอนการออกเสียงโรมาจิ: เรียนรู้แล้วภาษาญี่ปุ่นจะง่ายขึ้น!

10 คำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นที่พบบ่อยในเมนูร้านอาหารญี่ปุ่น - ข้าวหน้าเนื้อขนาดปกติมีขนาดเท่าไร

ที่มาของภาพ:illust AC





























ก่อนเรียนภาษาญี่ปุ่น การเข้าใจวิธีใช้โรมาจิเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญมาก! ต่อไปนี้จะแนะนำวิธีการออกเสียงสัญลักษณ์พิเศษต่างๆ เพื่อช่วยให้คุณเข้าสู่โลกของการออกเสียงภาษาญี่ปุ่นได้ราบรื่นยิ่งขึ้น เพียงแค่พยายามฝึกฝนซ้ำๆ คุณจะพบว่าการออกเสียงภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด!

① เสียงยาว

「ā」、「ī」、「ū」、「ē」、「ō」 ในโรมาจิแสดงถึงการลากเสียงให้ยาว เมื่อเทียบกับ 「a」、「i」、「u」、「e」、「o」 ธรรมดาต้องออกเสียงนานกว่า เช่น 「a」 เป็นเสียง "อา" ธรรมดา แต่ 「ā」 จะเป็นเสียง "อา~" ที่ต้องลากยาว ตรงกับเครื่องหมายเสียงยาว 「ー」 ในภาษาญี่ปุ่น เช่น คำว่า 「ラーメン(rāmen)」 ต้องลากเสียง 「ā」 และ 「おとうさん(otōsan)」 ต้องลากเสียง 「ō」 เพื่อให้การออกเสียงเป็นธรรมชาติ

② เสียงกัก

「ss」、「tt」、「kk」、「pp」 ตรงกับ 「っ」 หรือ 「ッ」 ในภาษาญี่ปุ่น ต้องหยุดเสียงเล็กน้อยที่พยางค์ก่อนหน้า เช่น 「切符(kippu)」 ต้องหยุดระหว่าง 「ki」 กับ 「pu」 อ่านเป็น "กิ-หยุด-ปุ" เช่นเดียวกับ 「バック(bakku)」 ที่ต้องหยุดที่ 「kk」 บางครั้งการมีหรือไม่มีเสียงกักอาจส่งผลต่อความหมายของประโยค จึงต้องระวังเป็นพิเศษ!

③ เสียงนาสิก

「n」 ในโรมาจิตรงกับ 「ん」 ในภาษาญี่ปุ่น เสียงนี้จะเปลี่ยนไปตามตัวอักษรที่ตามมา เช่น เมื่อเจอ 「b」、「m」、「p」 จะออกเสียงอู้อี้เป็น "อึม" ส่วนกรณีอื่นๆ จะเป็นเสียง "น" สั้นๆ เช่น 「本(hon)」 「n」 เป็นเสียงนาสิก และใน 「新橋駅(shimbashi eki)」 「m」 จะออกเสียงเป็นเสียงจมูก "อึม"

④ เสียงผสมพิเศษ

เสียงผสม 「sh」、「ch」、「ts」 ในโรมาจิ แทน 「し(shi)」、「ち(chi)」、「つ(tsu)」 ในภาษาญี่ปุ่น การออกเสียงเหล่านี้ต้องระวังตำแหน่งลิ้นและรูปปาก เช่น 「射的(shateki)」 「sh」 ต้องออกเสียงนุ่ม ใกล้เคียงเสียง "ซ" ในภาษาไทย 「紅茶(kōcha)」 「ch」 ออกเสียงคล้าย "ช" และ 「通勤(tsūkin)」 「ts」 ออกเสียงระหว่าง "ทซ" กับ "ส"

คำว่า "นามิโมริ" (並盛) ที่พบบ่อยในร้านข้าวหน้าเนื้อ หมายถึงขนาดใหญ่ กลาง หรือเล็ก?

ในร้านอาหาร มักจะเห็นอาหารจานเดียวกันแบ่งเป็น "โอโมริ" (大盛)、"นามิโมริ" (並盛)、"โทคุโมริ" (特盛) หลายประเภท หลายราคา ซึ่งแบ่งตามปริมาณอาหาร เช่น ร้านโยชิโนยะที่มีชื่อเสียง แบ่งข้าวหน้าเนื้อยอดนิยมเป็น โคโมริ (小盛 ขนาดเล็ก)、นามิโมริ (並盛)、อาตามะ โนะ โอโมริ (アタマの大盛)、โอโมริ (大盛)、โทคุโมริ (特盛)、โชโทคุโมริ (超特盛) โดย "นามิ" (並) ไม่ได้หมายถึงการเรียงกัน แต่หมายถึงมาตรฐานทั่วไป เมื่อใช้กับขนาด จะหมายถึง Regular Sizeปกติ ดังนั้น "นามิ" จึงหมายถึงขนาดปกติ

10 คำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นที่พบบ่อยในเมนูร้านอาหารญี่ปุ่น - ข้าวหน้าเนื้อขนาดปกติมีขนาดเท่าไร

บางครั้งในเมนูจะเห็น "นามิโมริ" (並盛) และ "จูโมริ" (中盛) อยู่ด้วยกัน ซึ่ง "จูโมริ" มักจะมีปริมาณมากกว่า "นามิโมริ"! ส่วน "โทคุโมริ" (特盛) ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึงชามพิเศษใหญ่ คือเพิ่มทั้งข้าวและเนื้อ นอกจากนี้ ล่าสุดยังมักเห็น "อาตามะ โนะ โอโมริ" (アタマの大盛) ซึ่งตอนแรกอาจงงๆ แต่จริงๆ แล้วหมายถึงเพิ่มเฉพาะเนื้อ ส่วนข้าวยังเท่านามิโมริ เพิ่มแค่ "ส่วนหัว" เหมาะสำหรับคนชอบกินเนื้อแต่ไม่อยากได้แป้งมากเกินไป ครั้งหน้าก่อนสั่งข้าวหน้า อย่าลืมตรวจสอบความหมายของขนาดชามให้ดี ระวังอย่าสั่งผิดล่ะ!

ต่อไปนี้เราได้รวบรวมตารางเปรียบเทียบขนาดข้าวหน้าเนื้อของร้านข้าวหน้าเนื้อยอดนิยม 3 ร้านในญี่ปุ่น (โยชิโนยะ, มัตสึยะ, ซูกิยะ) ครั้งหน้ามาญี่ปุ่น สามารถสั่งได้ตามปริมาณที่ต้องการได้เลย!

โยชิโนยะ โคโมริ (เล็ก) นามิโมริ
(ขนาดปกติ)
อาตามะ โนะ โอโมริ
(ข้าวขนาดปกติ, เนื้อขนาดใหญ่)
โอโมริ
(ข้าวและเนื้อมากกว่านามิโมริ)
โทคุโมริ
(ข้าวเท่าโอโมริ, เนื้อประมาณ 1.5 เท่าของโอโมริ)
โชโทคุโมริ
(ข้าวเท่าโอโมริ, เนื้อ 2 เท่าของโอโมริ)
มัตสึยะ โคโมริ (เล็ก) นามิโมริ
(ขนาดปกติ)
อาตามะ โนะ โอโมริ
(ข้าวขนาดปกติ, เนื้อขนาดใหญ่)
โอโมริ
(ข้าวและเนื้อมากกว่านามิโมริ)
โทคุโมริ
(ข้าวมากกว่าโอโมริ, เนื้อ 2 เท่าของนามิโมริ)
ซูกิยะ มินิ
(ขนาดจิ๋ว, เท่ากับโคโมริ)
นามิโมริ
(ขนาดปกติ)
จูโมริ
(ข้าว 0.9 เท่าของนามิโมริ, เนื้อ 1.6 เท่าของนามิโมริ)
โอโมริ
(ข้าวและเนื้อ 1.4 เท่าของนามิโมริ)
โทคุโมริ
(ข้าวเท่าโอโมริ, เนื้อประมาณ 2 เท่าของนามิโมริ)
เมกะ
(เมกะ, ข้าวเท่าโอโมริ, เนื้อประมาณ 3 เท่าของนามิโมริ)

คนเลือกกินต้องรู้! ใช้คำว่า "นุกุ" ให้เป็นประโยชน์ในการสั่งอาหาร!

เมื่อเห็นตัวอักษรคันจิ「nuku」 หลายคนอาจจะนึกถึงความหมาย "ถอน" แต่จริงๆ แล้วมันมีความหมายอื่น สามารถนึกถึง "การเอาออก"! เมื่อไปทานอาหารที่ร้านอาหารญี่ปุ่น คำนี้มีประโยชน์มาก เพราะหมายถึง "ไม่ต้องใส่◯◯"!

10 คำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นที่พบบ่อยในเมนูร้านอาหารญี่ปุ่น - ข้าวหน้าเนื้อขนาดปกติมีขนาดเท่าไร

ตัวอย่างเช่น คนที่ไม่ชอบวาซาบิ (わさび) แต่อยากกินซูชิ สามารถบอกเชฟว่า "วาซาบิ นุกิ" (わさび抜き) ได้ คนที่ไม่กล้ากินหัวหอม (玉ねぎ) ก็สามารถขอร้านว่า "ทามาเนกิ นุกิ" (玉ねぎ抜き) คนที่ไม่ชอบต้นหอม (ねぎ) ก็พูดว่า "เนกิ นุกิ" (ねぎ抜き) เครื่องดื่มที่ไม่ต้องการน้ำแข็ง (こおり) ก็พูดว่า "โคริ นุกิ" (氷抜き) ดังนั้นเวลาที่ต้องการให้อาหารไม่ต้องใส่ส่วนผสมหรือเครื่องปรุงบางอย่าง ให้ใช้รูปประโยค "◯◯抜きでお願いしますnuki de onegaishimasu" ได้เลย!
※ นุกิ (抜き) เป็นรูปแบบคำนามของคำกริยา นุกุ (抜く)

เรารวบรวมคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นของส่วนผสมที่คนมักจะไม่ต้องการใส่มาให้!

ภาษาไทย คำศัพท์ภาษาญี่ปุ่น การอ่าน
หัวหอม 玉ねぎ tama-negi
ต้นหอม ねぎ negi
วาซาบิ わさび wasabi
ผักชี パクチ pakuchi
ขิง 生姜 shōga
น้ำแข็ง kōri
น้ำตาล さとう satō

คำว่า "อุมะ" (旨) ไม่ใช่เจตนารมณ์ แต่ใช้บ่อยที่สุดในร้านอาหาร!

เมื่อเห็นตัวอักษร「」 หลายคนอาจจะนึกถึงเจตนารมณ์หรือความตั้งใจ แต่ในภาษาญี่ปุ่น มักใช้เป็นคำคุณศัพท์ที่หมายถึงอร่อย! ดังนั้น「旨いumai」 จึงเท่ากับคำว่า「美味しいoishii」ที่พบเห็นบ่อย ตัวอักษร 旨 เป็นอักษรที่มีความหมายในตัว สามารถแยกออกเป็น "匕" และ "甘" โดย "匕" แทนช้อน "甘" แทนรสชาติของอาหาร รวมกันแล้วหมายถึงอาหารอร่อย! ดังนั้น เมื่อในเมนูมีการระบุตัวอักษร "旨" แสดงว่าทางร้านรับประกันว่าอร่อยแน่นอน!

คำอธิบายตัวอักษรคันจิ「旨」ที่พบบ่อยในร้านอาหารญี่ปุ่น

นอกจากนี้「旨味umami」หมายถึงรสชาติที่อร่อยของอาหาร หรือหมายถึงอาหารที่อร่อยโดยตรง ส่วน「旨酒shishu」หมายถึงเหล้ารสเลิศ และเมื่อนำ "ปลา" มารวมกับ "旨" ที่หมายถึงอร่อย จะได้「sushi」ซึ่งหมายถึงซูชิ!

คนที่ชอบอาหารที่มีเนื้อสัมผัสกรอบนอกฉ่ำใน ต้องจำคำว่า "อาเกะ" (揚) ให้ได้!

เมื่อไปสั่งอาหารที่ร้านอาหารหรือร้านอิซากายะในญี่ปุ่น จะต้องเห็นตัวอักษร「」ในเมนูแน่นอน「揚げage」หมายถึงการทอดในน้ำมัน ดังนั้น "อาเกะโมโนะ" (揚げ物) จึงหมายถึงของทอด "อาเกะโทฟุ" (揚げ豆腐) หมายถึงเต้าหู้ทอด "อาเกะปัง" (揚げパン) คือขนมปังทอด และที่พบบ่อยที่สุดคือ「唐揚げkaraage」ซึ่งหมายถึงไก่ทอดสไตล์ญี่ปุ่น

คำอธิบายตัวอักษรคันจิ「揚」ที่พบบ่อยในร้านอาหารญี่ปุ่น

"คาราอาเกะ" (唐揚) จริงๆ แล้วยังสามารถหมายถึงของทอดทุกชนิด เมื่อเห็นคำว่า "คารา" (唐) จะทำให้นึกถึงประเทศจีน ซึ่งความคิดนี้ไม่ผิด! ตามที่เล่าขานกันมา วิธีการทำอาหารที่นำวัตถุดิบมาชุบแป้งสาลีหรือแป้งมันฝรั่งแล้วทอดในน้ำมันนี้ มาจากประเทศจีน หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประชาชนมีชีวิตที่ลำบาก ในตอนนั้นญี่ปุ่นเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหาร จึงสร้างฟาร์มไก่จำนวนมาก เมื่อนำไก่มาทอดและปรุงรสด้วยเครื่องเทศ ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ไก่ทอดจึงกลายเป็นของทอดที่เป็นตัวแทน ต่อมา "คาราอาเกะ" จึงกลายเป็นชื่อเรียกไก่ทอดสไตล์ญี่ปุ่น

"คามาอาเกะ" (釜揚) มีคำว่า "อาเกะ" (揚) เหมือนกันแต่ไม่ใช่การทอด?

แม้ว่าเมื่อกี้จะบอกว่า "อาเกะ" (揚げ) ส่วนใหญ่หมายถึงการทอด แต่จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นแบบนั้น 100%! ถ้าเห็น「釜揚げkamaage」จะต่างออกไป คำกริยา "อาเกะ" ยังมีความหมายว่ายกขึ้นจากที่ต่ำ หรือก็คือการตักขึ้น

คำอธิบายตัวอักษรคันจิ「釜揚」ที่พบบ่อยในร้านอาหารญี่ปุ่น




























คามาอาเกะ คือการต้มวัตถุดิบในน้ำแล้วตักขึ้นจากหม้อเหล็ก (คามะ) โดยไม่ได้ปรุงรสมากนัก ลักษณะเด่นคือสามารถลิ้มรสชาติดั้งเดิมของวัตถุดิบได้ ที่พบบ่อยที่สุดคือ "คามาอาเกะอุด้ง" (釜揚げうどん) และ "คามาอาเกะชิราสุ" (釜揚げしらす) (ปลาไข่ขาวต้ม) คราวหน้าอย่าลืมว่าเห็นคำว่า "อาเกะ" แล้วไม่ได้หมายถึงการทอดเสมอไป ทุกอย่างล้วนมีข้อยกเว้นนะ!

"อุนะจู" (鰻重) และ "เทนจู" (天重) หนักตรงไหนกันแน่?

"จู" (重) เป็นตัวอักษรที่พบบ่อยในเมนู โดยเฉพาะในร้านข้าวหน้าปลาไหล ร้านเทมปุระ และร้านข้าวหน้าหมูทอด สำหรับคนที่ใช้ภาษาจีน ตัวอักษรนี้อาจดูไม่เข้าใจนัก อาจสงสัยว่าหนักตรงไหน และไม่สามารถจินตนาการได้ว่าจะประกอบเป็นคำได้อย่างไร จริงๆ แล้ว "จู" ในที่นี้หมายถึง "จูบาโกะ" (重箱) ซึ่งเป็นภาชนะใส่ข้าว ดังนั้นพูดง่ายๆ "◯◯" สามารถเข้าใจได้ว่าเป็น "ข้าวราดหน้า◯◯"

คำอธิบายตัวอักษรคันจิ「重」ที่พบบ่อยในร้านอาหารญี่ปุ่น




























ตอนนี้อาจมีคนสงสัยว่า แล้ว "จู" กับ "ด้ง" (丼) ต่างกันอย่างไร? จริงๆ แล้วทั้งสองอย่างมีหลักการเดียวกัน คือราดของกินบนข้าว แต่ "จู" เป็นกล่องสี่เหลี่ยม ส่วน "ด้ง" เป็นชามกลม นอกจากนี้โดยทั่วไป "จู" มักจะใช้วัตถุดิบที่หรูหรากว่า ราคาก็จะแพงกว่า "ด้ง" ตอนนี้นักท่องเที่ยวคงจะรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่าง "อุนะจู" กับ "อุนะด้ง" หรือ "เทนจู" กับ "เทนด้ง" แล้วใช่ไหม?

"โกเซ็น" (御膳) ที่ฟังดูหรูหรา จริงๆ แล้วคล้ายกับเทโชคุมาก

นอกจาก "เทโชคุ" (定食) แล้ว บางครั้งนักท่องเที่ยวอาจจะเห็น「御膳gozen」ในเมนู จริงๆ แล้วคำทั้งสองนี้แตกต่างกันไม่มาก ต่างก็หมายถึงชุดอาหารที่มีข้าว อาหารจานหลัก ผักดอง และซุป มีเพียงบางกรณีเท่านั้นที่มีการใช้แตกต่างกัน

คำอธิบายตัวอักษรคันจิ「御膳」ที่พบบ่อยในร้านอาหารญี่ปุ่น




























ถ้าจะพูดถึงความแตกต่าง "โกเซ็น" จะดูหรูหรากว่าเทโชคุเล็กน้อย ร้านอาหารระดับสูงมักจะเลือกใช้คำว่า "โกเซ็น" และมีความยืดหยุ่นมากกว่าเทโชคุ (ที่ต้องมีข้าว อาหารจานหลัก ผักดอง ซุป) สามารถปรับเปลี่ยนรายการและเมนูได้มากกว่า แต่ในปัจจุบัน ร้านอาหารหลายแห่งไม่ได้แบ่งแยกทั้งสองอย่างอย่างชัดเจนแล้ว นักท่องเที่ยวเพียงแค่คิดว่ามันคือ "ชุดอาหารญี่ปุ่น" ก็พอ

อยากกินอาหารทะเล ให้มองหาอาหาร "อิโซะ" (磯)

เมื่อเดินเที่ยวในญี่ปุ่น บางครั้งอาจจะเห็น "อิโซะเรียวริ" (磯料理) บนป้ายร้าน นี่ก็เป็นตัวอักษรคันจิที่ผู้ใช้ภาษาจีนเดาความหมายได้ยาก「iso」แต่เดิมหมายถึงชายฝั่งทะเลหรือโขดหินที่ถูกคลื่นซัด ต่อมาได้พัฒนามาหมายถึงอาหารทะเล อาหารจากทะเล ดังนั้นถ้าอยากกินอาหารทะเล ให้มองหาร้านที่มีตัวอักษร "อิโซะ" บนป้ายร้านรับรองไม่ผิดแน่!

คำอธิบายตัวอักษรคันจิ「磯」ที่พบบ่อยในร้านอาหารญี่ปุ่น




























ที่เป็นตัวแทนที่ชัดเจนที่สุดคือร้านอิซากายะอาหารทะเลเครือข่าย "อิโซะมารุ ซุยซัง" (磯丸水產) อาหารราคาไม่แพงแต่คุณภาพดี ปัจจุบันมีสาขากว่าร้อยแห่งทั่วญี่ปุ่น ทำให้คนเห็นชื่อร้านก็นึกถึงความหมายของตัวอักษร "อิโซะ" ทันที!

เครื่องหมาย "ชิเมะ" (〆) ที่ดูเหมือนสัญลักษณ์ กลับเป็นหมวดหมู่อาหารด้วยหรือ?!

shime」"ตัวอักษร" นี้พบได้บ่อยในร้านอิซากายะหรือร้านยากินิคุบางแห่ง มีความหมายว่า "จบ" "ปิดท้าย" ในด้านอาหารหมายถึงอาหารจานสุดท้าย เมื่อทุกคนดื่มจนพอใจ คุยกันอย่างสนุกสนานเพียงพอแล้ว ก่อนจะแยกย้าย มักจะสั่ง "ชิเมะเรียวริ" เพื่อให้การรวมตัวในวันนั้นจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ

คำอธิบายตัวอักษรคันจิ「〆」ที่พบบ่อยในร้านอาหารญี่ปุ่น




























"ชิเมะเรียวริ" ส่วนใหญ่เป็นพวกเส้นหรือข้าว เช่น ราเมน ข้าวผัด ข้าวราดน้ำชา ข้าวต้ม ถ้ากินยากินิคุบางครั้งก็มีเส้นเย็นสไตล์เกาหลี แต่จริงๆ แล้วไม่มีข้อจำกัดพิเศษอะไร จะไปร้านอื่นเพื่อปิดท้ายก็ได้ บางท้องที่ยังนิยมกินซันเดหรือสเต็กเป็น "ชิเมะเรียวริ"! โดยสรุปแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือได้กินอิ่มและแยกย้ายกันอย่างพึงพอใจ!

สุดท้าย มารวบรวมคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นที่กล่าวถึงในบทความอีกครั้ง!

คำศัพท์ภาษาญี่ปุ่น การออกเสียงภาษาญี่ปุ่น การเขียนแบบโรมาจิ ความหมายภาษาไทย
โคโมริ こもり komori ขนาดเล็ก (อาหาร)
นามิโมริ なみもり namimori ขนาดปกติ (อาหาร)
โอโมริ おおもり ōmori ขนาดใหญ่ (อาหาร)
โทคุโมริ とくもり tokumori ขนาดพิเศษใหญ่ (อาหาร)
◯◯นุกิ ◯◯ぬき ◯◯nuki ไม่ใส่◯◯ (วัตถุดิบ, เครื่องปรุง)
วาซาบิ わさび wasabi วาซาบิ
ทามาเนกิ たまねぎ tamanegi หัวหอม
อุไม うまい umai อร่อย
โออิชิอิ おいしい oishii อร่อย
อุมามิ うまみ umami รสชาติที่กลมกล่อม
ชิชุ ししゅ shishu เหล้าชั้นดี
ซูชิ すし sushi ซูชิ
คาราอาเกะ からあげ kara-age ไก่ทอดสไตล์ญี่ปุ่น
คามาอาเกะ かまあげ kama-age วิธีการทำอาหารแบบต้มแล้วไม่ปรุงรสมาก
อุนะจู うなじゅう unajū ข้าวหน้าปลาไหล (เสิร์ฟในกล่องสี่เหลี่ยม)
เทนจู てんじゅう tenjū ข้าวหน้าเทมปุระ (เสิร์ฟในกล่องสี่เหลี่ยม)
โกเซ็น ごぜん gozen ชุดอาหารญี่ปุ่น
อิโซะเรียวริ いそりょうり iso-ryōri อาหารทะเล
ชิเมะเรียวริ しめりょうり shime-ryōri อาหารจานสุดท้ายที่สั่งในร้านอิซากายะ

10 คำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นพื้นฐานสำหรับการสั่งอาหารที่แนะนำในบทความนี้ เป็นคำที่พบบ่อยในร้านอาหารและอิซากายะทั่วญี่ปุ่น เรียนรู้ง่ายใน 5 นาที ช่วยให้คุณสั่งอาหารได้สะดวกในการท่องเที่ยวแบบ Free & Easy ติดตามบทความรวมคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นใช้งานจริงเพิ่มเติมได้ที่ "JapaiJAPAN"

☞ อ่านเพิ่มเติม
10 ตัวอักษรคันจิที่ต้องรู้เมื่อไม่เข้าใจเมนูอาหารญี่ปุ่น: รวมคำศัพท์ที่พบบ่อยอย่าง "มุเรียว" (ฟรี), "โฮได" (ไม่อั้น)
ทำไมตั๋วรถในภาษาญี่ปุ่นถึงเรียกว่า "คิปปุ"? เรียนรู้ 9 คู่ตัวอักษรคันจิที่ใช้งานได้จริง ไม่หลงในสถานีรถไฟญี่ปุ่น