เทคนิคการผลิตสาเกแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้โดยองค์การยูเนสโก (UNESCO)! เทคนิคการผลิตสาเกแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 500 ปี ได้กลายเป็นวัฒนธรรมเฉพาะที่ไม่สามารถแยกออกจากวิถีชีวิตและอาหารการกินของประเทศญี่ปุ่น และยังคงสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นพร้อมกับพัฒนาไปตามยุคสมัย และในที่สุดก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ลำดับที่ 23 ของญี่ปุ่นในเดือนธันวาคม 2024!

ที่มาของภาพ：Photo AC

เทคนิคการกลั่นเหล้าแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น อย่างสาเก โชชู ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้

กระทรวงวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้ยื่นเสนอให้ เทคนิคการกลั่นเหล้าแบบดั้งเดิม อย่าง สาเกและโชชู เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ตามคำแนะนำของคณะกรรมการประเมินยูเนสโกในเดือนพฤศจิกายน 2024 และในวันที่ 5 ธันวาคม 2024 ที่เมือง Luque ประเทศปารากวัย หลังจากการลงคะแนนและพิจารณาโดยสมาชิกยูเนสโก เทคนิคนี้ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเทคนิคการกลั่นเหล้าแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ทั้งสาเก โชชู และอาวาโมริ นาย Konishi Shinemon ประธานสมาคมอนุรักษ์เทคนิคการกลั่นสาเกแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นกล่าวว่า "รู้สึกดีใจมากที่เทคนิคการกลั่นเหล้าแบบดั้งเดิมได้รับการยอมรับจากทั่วโลก หวังว่าจะสามารถสืบทอดเทคนิคนี้ต่อไปและทำให้ผู้คนทั่วโลกเข้าใจเสน่ห์ของสาเกมากขึ้น"

โรงกลั่นสาเกแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น
ที่มาของภาพ: Photo AC

วัฒนธรรมการกลั่นเหล้าที่ผูกพันกับประเพณีท้องถิ่นของญี่ปุ่น

เทคนิคการกลั่นเหล้าแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญหลายขั้นตอน ได้แก่ "การนึ่ง" วัตถุดิบ อย่าง ข้าวและข้าวบาร์เลย์ "การทำโคจิ" และ "การหมัก" เทคนิคเหล่านี้มีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและสภาพอากาศของแต่ละท้องถิ่น อีกทั้งสามารถหลอมรวมเข้ากับวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผลิตขึ้นไม่เพียงแต่ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ยังเป็นสิ่งจำเป็นในพิธีกรรมต่างๆ เช่น งานแต่งงาน งานศพ และเทศกาลรื่นเริง นับว่าเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ทางสังคมและการสืบทอดวัฒนธรรมในชีวิตของชาวญี่ปุ่นเลยล่ะ

ที่มาของภาพ: Photo AC

สาเกได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ! มุ่งมั่นพัฒนาและก้าวสู่อนาคต

แม้ว่าปัจจุบันในประเทศญี่ปุ่นจะมีแนวโน้มการบริโภคสาเกลดลง เนื่องจากพฤติกรรมการกินที่หลากหลายยิ่งขึ้น และผู้คนเริ่มลดกิจกรรมทางสังคมหลังจากการระบาดของโรคโควิด แต่เมื่อมองในระดับโลก สาเกกลับได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากที่ "วาโชกุ" ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ในปี 2013 สาเกซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่เข้ากันได้ดีกับอาหารญี่ปุ่นก็เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคต่างชาติ ปัจจุบันโรงกลั่นสาเกหลายแห่งในญี่ปุ่น และนักกลั่นสาเกที่เรียกว่า "โทจิ" ต่างร่วมมือกันพัฒนาคุณภาพและขยายตลาด เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภครุ่นใหม่

การจับคู่อาหารญี่ปุ่นกับสาเกถือเป็นแก่นสำคัญของวัฒนธรรมการกินของญี่ปุ่น
ที่มาของภาพ：Photo AC

☞ อ่านเพิ่มเติม
・ขั้นแรกสู่การเป็นเซียน "สาเกญี่ปุ่น" มาเรียนรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสาเกญี่ปุ่นสำหรับมือใหม่กันเถอะ!

แหล่งที่มาข้อมูล：NHK NEWS 1、NHK NEWS 2