หาก “โอโคโนมิยากิ” คืออาหารขึ้นชื่อของโอซาก้า “มอนจายากิ” ก็คืออาหารขึ้นชื่อของโตเกียวเช่นกัน ในบทความนี้ "Japai Japan" จะแนะนำ 4 ร้านมอนจายากิชื่อดังในโตเกียว โดยแต่ละร้านก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป และมีกระทั่งร้านที่นักเบสบอลชื่อก้องโลก โชเฮ โอทานิ เคยไปลิ้มลอง เพียงอ่านบทความนี้ คุณก็จะได้รู้ที่มาของมอนจายากิ และความแตกต่างระหว่างมอนจายากิกับโอโคโนมิยากิอีก แค่นี้ก็ได้ทั้งความอร่อยและความรู้ไปพร้อมๆ กันแล้ว!
“มอนจายากิ” คืออะไร? แตกต่างจากฮิโรชิม่ายากิและโอโคโนมิยากิอย่างไร?
ต้นกำเนิดของ “มอนจายากิ”
มีความเชื่อกันว่า「มอนจายากิ ปรากฏขึ้นครั้งแรกในช่วงปลายสมัยเอโดะถึงสมัยเมจิ เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย สงครามที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และการขาดแคลนวัตถุดิบภายในประเทศอย่างรุนแรง ชาวญี่ปุ่นจึงต้องละลายแป้งในน้ำและเขียนลงบนแผ่นเหล็กเพื่อให้เด็กๆ ได้เล่นและเป็นการฝึกคัดลายมือ เด็กๆ จะเรียนรู้ตัวอักษรโดยการเล่นกับแผ่นเหล็กที่มีลักษณะคล้ายแผ่นเหล็กที่ใช้ในปัจจุบัน และมอนจายากิที่เรารับประทานในปัจจุบันนี้ เริ่มต้นจากการที่ร้านขนมท้องถิ่นนำแป้งสาลีที่ละลายน้ำเทลงบนแผ่นเพื่อทอด จากนั้นจิ้มกับโชยุและน้ำผึ้งให้เด็กๆ รับประทานเป็นของว่าง ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของมอนจายากิในปัจจุบัน
อะไรคือความแตกต่างระหว่าง มอนจายากิ ฮิโรชิม่ายากิ และโอโคโนมิยากิ?
มอนจายากิ มีต้นกำเนิดมาจากโตเกียว ซึ่งมีลักษณะพิเศษที่เด่นที่สุดคือ "ความบาง" หลังจากที่น้ำแป้งถูกทำให้ร้อน ก็จะกลายเป็นเนื้อสัมผัสเหนียวๆ และถึงแม้อาจจะไม่อยู่ท้อง แต่ความเพลิดเพลินกับบรรยากาศช้าๆ สบายๆ ระหว่างนั่งรับประทานต่างหากล่ะที่สำคัญยิ่งกว่า!
โอโคโนมิยากิ หรือที่เรียกว่าโอโคโนมิยากิสไตล์คันไซ ปรุงโดยการเติมแป้งหรือแป้งที่มีกลูเตนต่ำจำนวนมาก จากนั้นจึงใส่ผัก เนื้อสัตว์ อาหารทะเล และส่วนผสมอื่นๆ ก่อนนำไปทอด ความพิเศษคือมีลักษณะกลมและหนาเหมือนแพนเค้ก มีเนื้อนุ่ม และอุดมไปด้วยกลิ่นหอมของซีอิ๊วญี่ปุ่น ฮิโรชิม่ายากิ ถือได้ว่าเป็นโอโคโนมิยากิขั้นสูง ที่มีการเพิ่มบะหมี่ผัดสไตล์ฮิโรชิมะและไข่ลวก ตบท้ายราดด้วยซอสและหัวหอมสีเขียวจำนวนมาก ทั้งขนาดและเนื้อสัมผัสจะเข้มข้นและแน่นกว่าโอโคโนมิยากิ
กิน “มอนจายากิ” อย่างไร? พร้อมวิธีการทำอย่างละเอียด
วินาทีแรกที่ได้เห็นชามมอนจายากิมาวางอยู่ตรงหน้า คุณอาจจะเห็นแต่เพียงกองส่วนผสม แต่จริงๆ แล้วด้านล่างของส่วนผสมเหล่านั้นมีแป้งและน้ำซุปถูกซุกซ่อนอยู่ ดังนั้นขั้นแรกให้เทส่วนผสมลงบนแผ่นกระทะเหล็ก ผัดให้เข้ากันจนสุก จากนั้นจึงเกลี่ยส่วนผสมที่ทอดออกเป็นรูปโดนัท โดยเหลือหลุมขนาดใหญ่ไว้ตรงกลาง
ขั้นตอนสุดท้ายคือการเทน้ำแป้งที่เหลือลงในรูแล้วทำการปรุง จำไว้ว่าตอนที่ปั้นแป้งเป็นรูปทรงโดนัท อย่าให้มีรูใดๆ หลงเหลือ เพื่อกันไม่ให้น้ำแป้งที่เทลงไปสะสมอยู่ตรงกลางและไม่กระจายไปทั่ว พอความร้อนเริ่มได้ที่ แป้งที่เทลงไปก็จะเริ่มติดกันเป็นแพ เกิดฟอง และจับตัวกันเป็นก้อน
จากนั้นเทส่วนผสมผักที่อยู่รอบๆ ลงในอ่างแป้ง คนให้เข้ากัน เกลี่ยให้ทั่ว โรยด้วยผงสาหร่ายและปลาป่นตามที่คุณต้องการถือเป็นอันเสร็จสิ้น! ส่วนวิธีรับประทานอันเป็นเอกลักษณ์ของมอนจายากิก็คือ คุณต้องค่อยๆ ขูดมันด้วยช้อนที่เป็นเหมือนพลั่วเล็กๆ เพื่อค่อยๆ ลิ้มรสเนื้อสัมผัสเหนียวหนึบอย่างช้าๆ และเมื่อวเลาผ่านไปแป้งที่อยู่ด้านล่างก็จะค่อยๆ กรอบขึ้นทีละน้อย และสามารถรับประทานร่วมกับแป้งหนาๆ ด้านบนเพื่อลิ้มรสรสชาติที่แตกต่างกันไปได้
อยากกิน "มอนจายากิ" ในโตเกียวไหม? ลองมาอาซากุสะและถนนสึกิชิมะ แหล่งกำเนิดมอนจะยากิสิ!
เมื่อพูดถึงมอนจะยากิในโตเกียว ก็ต้องพูดถึง สึกิชิมะ และ อาซากุสะ อย่างแน่นอน ทั้งสองพื้นที่เป็นพื้นที่โด่งดังสำหรับมอนจะยากิ แต่รสชาติและวิธีการปรุงจะแตกต่างกันเล็กน้อย โดยซุปสไตล์สึกิชิมะส่วนใหญ่จะมีสีน้ำตาลทอง และส่วนใหญ่จะใช้วิธีการผัดส่วนผสมก่อน จากนั้นจึงเทซุป และสุดท้ายก็ผัดผสมกัน ส่วนซุปในสไตล์อาซากุสะส่วนใหญ่จะเป็นสีขาว และวิธีการปรุงจะคล้ายกับโอโคโนมิยากิ โดยการผสมซุปและส่วนผสมต่างๆ เข้าด้วยกันแล้วเทลงบนแผ่นกระทะเหล็กในคราวเดียว แม้ว่าจะมีร้านค้ามากมายที่ยึดถือสไตล์สึกิชิมะ แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับความชอบและรสนิยมส่วนตัว ร้านค้าส่วนใหญ่ในสึกิชิมะจะรวมตัวอยู่ที่ "ถนนมอนจายากิ" ในขณะที่ร้านอาหารในอาซากุสะส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ "เขตโรคุ" ซึ่งมีโรงละครและการ์ตูนมารวมตัวกัน ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองชอบแบบไหนมากกว่าต้องลองทั้งสองก่อนถึงจะรู้!
แนะนำ 4 ร้านมอนจะยากิในโตเกียว: ร้านชื่อดังของอาซากุสะ ร้านสึกิชิมะ ร้านโปรดของคุณโชเฮ โอตานิ!
【สึกิชิมะ】มอนจายากิ「Maguroya」สาขาหลัก
มอนจายากิ「Maguroya」ซ่อนตัวอยู่ลึกเข้าไปในถนนสึกิชิมะมอนจะยากิ แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลจากเขต 1 แต่ก็เป็นร้านแบบส่วนตัวที่ศิลปินชื่อดังชาวญี่ปุ่นหลายคนต้องไปแวะชิม แม้แต่ Shohei Otani, Teppei Koike, Eiji Wentz และแม้แต่อดีตนายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ก็เคยไปเช่นกัน อาหารทะเลทั้งหมดได้รับการคัดสรรอย่างพิถีพิถันจากตลาดโทโยสุ และใช้ซุปมอนจายากิโฮมเมดของทางร้านเพื่อเน้นความสดใหม่และรสชาติที่ดี มอนจายากิรสซีฟู้ดจึงกลายเป็นเมนูเด่นของร้าน แถมที่ร้านยังใช้โทรศัพท์มือถือในการสั่งอาหารออนไลน์ เพียงสแกน QR CODE บนโต๊ะเพื่อเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ คลิกที่รายการที่ต้องการแล้วสั่งได้เลย!
เนื่องจากร้านนี้มีชื่อว่า "Maguroya (ปลาทูน่า)" แน่นอนว่าทูน่ามอนจะยากินั้นเป็นเมนูเด็ดของร้านอย่างแน่นอน เมื่อสั่งรส "ทูน่าและหอย" คุณจะได้เห็นปลาทูน่าและเนื้อหอยขนาดใหญ่พิเศษ พร้อมกุ้งซากุระอยู่ด้านบนที่ช่วยเพิ่มกลิ่นหอม รสชาติโดยรวมถือว่าละมุนมากและไม่เค็มเกินไป เข้ากันกับซอสโฮมเมดได้อย่างดี แต่เราขอแนะนำว่าไม่จำเป็นต้องเติมซอสเพิ่มเพื่อคงรสชาติดั้งเดิมที่ดึงความหวานและสดของเนื้อออกมาได้อย่างเต็มที่
หากยังไม่อิ่ม แนะนำให้เพิ่มโอโคโนมิยากิรสชาติซิกเนเจอร์อีกรสชาติ "Sakai SPECIAL" ซึ่งประกอบด้วยเมนไทโกะ ปลาหมึก ปลาหมึกยักษ์ หอยเชลล์ กุ้ง ข้าวโพด เต็มไปด้วยอาหารทะเลคุณภาพเยี่ยมที่คุณจะเพลิดเพลินกับมันได้ทุกคำที่กัด โดยปกติแล้ว คุณสามารถปรุงมอนจายากิหรือโอโคโนมิยากิทุกรสชาติเองได้ และยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนการทำอย่างละเอียดติดอยู่ที่ผนัง หากมีคำถามใดๆ ก็สามารถเรียกขอความช่วยเหลือจากพนักงานร้านได้เลย!
Monja Maguroya สึกิชิมะ สาขาหลัก
・ที่ตั้ง:3-7-4 Tsukishima, Chuo-ku, Tokyo
・เวลาทำการ:วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ 11:30 น.~23:00 น. (L.O. 22:15 น.)
・การเดินทาง:เดิน 1 นาทีจากทางออก 10 ของสถานี โตเกียวเมโทร Tsukishima หรือสถานี Tsukishima บนสาย Toei Oedo
・Official website
【สึกิชิมะ】มอนจายากิ「IROHA」สาขาหลัก
มอนจายากิ「IROHA」เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 1955 เป็นร้านมอนจายากิเก่าแก่ที่ยังคงรักษารสชาติคลาสสิกเอาไว้ เนื่องจากอยู่บนชั้น 2 บันไดทางเข้าจึงอยู่ในซอยเล็กๆ ข้างถนนมอนจายากิ ถ้าไม่สังเกตให้ดีอาจจะมองไม่เห็นได้ แต่หากเดินขึ้นบันไดไปชั้น 2 จะพบว่าร้านนั้นกว้างขวางมาก และโทนสีไม้ด้วยรวมและการออกแบบที่ดูอบอุ่นทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจและอยากจะนั่งไปนานๆ วิธีการสั่งอาหารก็ใช้การสแกน QR CODE บนมือถือเช่นกัน แถมยังรองรับภาษาอังกฤษ จีน และภาษาต่างประเทศอื่นๆ เพื่อช่วยให้แขกชาวต่างชาติสั่งอาหารได้ หมดกังวลเรื่องความลำบากใจในการสื่อสารกับพนักงานไปได้เลย
จุดเด่นที่ใหญ่ที่สุดของ「IROHA」คือรสชาติที่มีความเข้มข้นมาก นอกจากรสชาติทั่วไปของเนื้อสัตว์และอาหารทะเลแล้ว ยังมีพิซซ่า ฮอกไกโด และรสชาติพิเศษอื่นๆ ที่ไม่พบในที่อื่นอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น "มอนจะยากิสไตล์ซัปโปโร" ที่ไม่เพียงแต่จะมีเส้นที่คล้ายกับฮิโรชิม่ายากิเท่านั้น แต่ยังเพิ่มเนยก้อนและมิโซะบดลงไประหว่างการผัดเพื่อให้รสชาติเข้มข้นและกลมกล่อมยิ่งขึ้น และการเติมเส้นบะหมี่เข้าไปก็ทำให้อิ่มท้องมากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีบริการ "ครีมเทปปันยากิ" โดยคุณสามารถเลือกอาหารทะเลและผักที่คุณชื่นชอบมาผัดด้วยไฟแรงๆ คุณจะได้อาหารเรียกน้ำย่อยที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของเทปปันยากิ ยกด้วยอย่างเช่น "สตูว์เนยกุ้ง" ที่เราได้ใส่เนยลงไปผัดจนเนื้อกุ้งเปลี่ยนเป็นสีแดงภายในเวลาไม่ถึงนาที ด้วยความสด เนื้อหนานุ่มหนึบ พร้อมกลิ่นเนยอันเย้ายวนใจ อดที่จะค่อยๆ ละเลียดอย่างเอร็ดอร่อยไม่ได้เลย!
Tsukishima IROHA สาขาหลัก
・ที่ตั้ง:San Grandpa 2F , 3-4-5 Tsukishima, Chuo-ku, Tokyo
・เวลาทำการ:11:00~24:00(L.O. 23:00)วันหยุดไม่แน่นอน
・การเดินทาง:เดิน 4 นาทีจากสถานี โตเกียวเมโทร Tsukishima ทางออก 7, เดิน 3 นาที จากสถานี Tsukishima ทางออก 8 สาย Toei Oedo
・Official website
【สึกิชิมะ】มอนจายากิ「MOHEJI」สาขาหลัก
มอนจายากิ「MOHEJI」ก่อตั้งเมื่อปี 1871 และดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 150 ปี ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 14 สาขา จุดเด่นที่ใหญ่ที่สุดคือนอกเหนือจากรสชาติมอนจายากิแบบดั้งเดิมแล้ว ยังมีรสชาติใหม่ๆ ในเมนูอีกมากมาย เช่น มอนจายากิรสปลาหมึก มอนจายากิแกงเอ็นเนื้อวากิว มอนจายากิโกโมกุ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่นี่ยังมีความทะเยอทะยานที่จะเป็นนวัตกรรม "อาหารญี่ปุ่นสไตล์อนาคต" มากมาย MOHEJI ยังเป็นเจ้าของแหล่งอาหารทะเลของตนเองที่ส่งตรงถึงร้าน จึงรับประกันความสดใหม่ได้เลย
เมนู "มอนจายากิเมนไทโกะโมจิชีส" ที่ต้องลองที่ร้านอาหารแห่งนี้มีลักษณะพิเศษที่สุดคือเมนไทโกะทั้งชิ้นที่ถูกวางลงบนถ้วย และทอดจนชีสละลายเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน เนื้อสัมผัสเคี้ยวหนึบของโมจิและกลิ่นหอมของเมนไทโกะผสมผสานกันอย่างลงตัวตั้งแต่เนื้อสัมผัสไปจนถึงรสชาติ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงเป็นรสชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในร้าน! นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ อีกมากมาย อย่างเช่น "หมูย่างแบน" ที่ใช้หมูสามชั้นแผ่นบางที่มีไขมันสูง ตีไข่ 2 ฟอง ใส่กุ้งซากุระ แป้ง ต้นหอมสับลงไป ทอดหมู ม้วนไข่จนบางและกรอบ ปิดท้ายด้วยซอสโอโคโนมิยากิ รสชาติของหมูย่างและต้นหอมไม่เพียงแต่นุ่มลิ้นและชุ่มฉ่ำเท่านั้น แต่ยังมีแป้งที่กรอบอร่อยอีกด้วย ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับกับแกล้ม!
Tsukishima Monja MOHEJI สาขาหลัก
・ที่ตั้ง:3-16-9 Tsukishima, Chuo-ku, Tokyo , Reno Style Tsukishima 1F
・เวลาทำการ:วันธรรมดา มื้อกลางวัน 10:45-15:00 น. เย็น 17:00-23:00 น. วันเสาร์อาทิตย์ 10:30-23:00 น.
・การเดินทาง:จากสถานีโตเกียวเมโทร Tsukishima เดิน 3 นาที , จากสถานี Tsukishima บนสาย Toei Oedo
【อาซากุสะ】เอโดะ มอนจะยากิ「Hyotan」
เมื่อพูดถึงมอนจะยากิ ย่านสึกิชิมะมักจะถูกนึกถึงเป็นอันดับแรกเสมอ แต่จริงๆแล้ว อาซากุสะ ซึ่งเป็นตัวแทนของเมืองเอโดะ ชิตะ ก็มีร้านมอนจายากิแสนอร่อยมากมายเช่นกัน หนึ่งในนั้นคือ เอโดะ มอนจะยากิ「Hyotan」ร้านมอนจะกิยอดนิยมที่ตั้งอยู่ในย่านนากามิเสะโดริและเดนจูโดริของอาซากุสะ แม้ว่าร้านจะซ่อนอยู่ในตรอก แต่คิวก็แน่นพอๆ กับร้านเทมปุระชื่อดังในบริเวณใกล้เคียง "ไดโกกุยะ" เพียงแค่มาถึงร้านหลังเปิดทำการเพียง 10 นาทีก็มีคิวต่อแถวอยู่ยาวเหยียดแล้วOfficial IG เช็กเวลาทำการรายเดือนจะได้บนแถบข้อมูล!
ที่「Hyotan」คุณสามารถทำด้วยตัวเองหรือยกมือขอให้พนักงานช่วยทำก็ได้ เพียงเลือกรสชาติที่ต้องการจากเมนู แล้วยกมือขึ้นเรียกพนักงานบริการ การเลือกเมนูแนะนำของที่นั้นค่อนข้างง่าย นอกจากนั้นยังมีรสชาติใหม่ๆ ที่จะสั่งได้ในช่วงเวลาที่จำกัด เมนูซิกเนเจอร์ของร้าน "มอนจะยากิสุดพิเศษ" ประกอบด้วยเมนไทโกะ ซาซิมิ กุ้ง โมจิ ต้นหอม กุ้งซากุระ วัตถุดิบที่นี่เป็นของสดใหม่ ที่คุณสามารถลิ้มรสส่วนผสมที่เข้มข้นได้ในทุกคำที่กัด
เนื่องจากโฆษณาว่าเป็นสไตล์แบบบริการตนเอง โดยปกติแล้วคุณเพียงทำตามคำแนะนำของร้านเท่านั้น โดยร้านค้าได้เตรียมคำแนะนำวิธีการทำเวอร์ชันภาษาต่างประเทศไว้ หากจำเป็นคุณสามารถขอให้พนักงานร้านค้าจัดเตรียมไว้ให้ได้ เพื่อให้คุณไม่ต้องกังวลว่าจะทำมอนยาจากิไม่ได้ ร้านมีสองชั้น ครึ่งหนึ่งของชั้น 1 เป็นแบบเสื่อทาทามิสไตล์ญี่ปุ่น และอีกครึ่งหนึ่งเป็นโต๊ะไม้
เอโดะ มอนจายากิ「Hyotan」
・ที่ตั้ง:1-37-4 Asakusa, Taito-ku, Tokyo
・เวลาทำการ:วันศุกร์ 17:30 น. ~ 22:00 น. (L.O. 21:00 น.) วันหยุดสุดสัปดาห์ 11:30 น. ~ 16:00 น. (L.O. 15:00 น.) โปรดตรวจสอบ IG อย่างเป็นทางการสำหรับเวลาทำการอื่น ๆ ในวันธรรมดา
・วันหยุด:ทุกวันอังคาร
・การเดินทาง:เดินประมาณ 5 ถึง 10 นาทีจากสถานี Toei Asakusa, สถานี Asakusa สาย Tsukuba หรือสถานี Asakusa สาย METRO Ginza
・Official IG
หลังจากอ่านร้านมอนจะยากิที่แนะนำข้างต้นแล้ว เริ่มอยากลองหรือยัง? เสน่ห์ของมอนจายากิคือทำง่ายและแบ่งกันกินได้อย่างสนุกสนาน เหมาะสำหรับทำและทานกับเพื่อนฝูง ในการเดินทางครั้งต่อไปที่โตเกียว อย่าลืมพาเพื่อนและครอบครัวของคุณไปด้วยและลิ้มลองอาหารชิตะมาจิต้นตำรับด้วยกันนะ!
เขียนบทสัมภาษณ์:AMO 2023.11
บรรณาธิการ:Nina