ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ได้ชื่อว่าเป็นภูมิภาคที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลและทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์พร้อมกับความสวยงามที่แตกต่างทั้งสี่ฤดู ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว และได้รับการจัดอันดับที่หนึ่งว่าเป็นจังหวัดที่ผู้คนนิยมมาค้นหาเสน่ห์ของญี่ปุ่นเป็นเวลา 13 ปีติดต่อกันอีกด้วย หากใครวางแผนที่จะมาเที่ยวฮอกไกโดด้วยตัวเอง จะวางแผนการเดินทางอย่างไรในจังหวัดที่มีที่เที่ยวมากมายขนาดนี้กันนะ อย่ากังวลไป เพราะ "JapaiJAPAN" ได้รวบรวม ที่เที่ยวแนะนำ จุดชมวิว และแผนที่โดยละเอียดเตรียมไว้ให้แล้ว รีบศึกษาและเซฟเก็บไว้ในแผนได้เลย!
รายชื่อสถานที่แนะนำในฮอกไกโด
・[ซัปโปโร] ซัปโปโรทาวเวอร์
・[ซัปโปโร] สวนมารุยามะ
・[ซัปโปโร] ถนนทานูคิโคจิ ช้อปปิ้ง สตรีท
・[ซัปโปโร] หมู่บ้านบ่อน้ำพุร้อนโจซังเค
・[โอตารุ] คลองโอตารุ
・[โอตารุ] สวนซาไกมาจิ
・[ฮาโกดาเตะ] สวนสาธารณะโกเรียวคาคุ
・[ฮาโกดาเตะ] จุดชมวิวภูเขาฮาโกดาเตะ
・[ฮาโกดาเตะ] ปราสาทฮาโกดาเตะ
・[ฟุราโนะ] ฟาร์มโทมิตะ
・[บิเอะ] บ่อน้ำสีฟ้า Blue Pond (Aoi-ike)
・[บิเอะ] ทุ่งดอกไม้ชิกิไซโนะโอกะ
・[อาซาฮิคาวะ] สวนสัตว์อาซาฮิคาวะ
・[นิเซโกะ] ภูเขาโยเท
・[โทยะ] บ่อน้ำพุร้อนโทยาโกะ
・[อะบาชิริ] ล่องเรือตัดน้ำแข็งที่เมืองอะบาชิริ
・สรุปแผนที่สถานที่ท่องเที่ยวในฮอกไกโด
[ซัปโปโร] ซัปโปโรทาวเวอร์
สถานที่ที่โดดเด่นไม่แพ้โตเกียวทาวเวอร์ของฮอกไกโด นั่นก็คือ "ซัปโปโรทีวีทาวเวอร์" ที่ถือเป็นแลนด์มาร์คสุดคลาสสิกในใจของชาวซัปโปโรจำนวนมาก ซัปโปโรทีวีทาวเวอร์ แห่งนี้สร้างเสร็จในปี 1956 ได้รับการออกแบบและสร้างโดยสถาปนิกNaito Tataka หลังจากยกเลิกภารกิจส่งคลื่นวิทยุออกไปแล้ว ที่นี่ก็ถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถปีนขึ้นหอคอยเพื่อชมวิวได้ 360 องศา และมองเห็นวิวถนนของซัปโปโร แถมทิวทัศน์ยามค่ำคืนก็สวยงามมากจนได้รับการรับรองให้เป็นมรดกทิวทัศน์ยามค่ำคืนของญี่ปุ่นเลยทีเดียว หากต้องการถ่ายภาพซัปโปโรทีวีทาวเวอร์จากมุมที่ดีที่สุด เราขอแนะนำให้ไปที่ "สวนโอโดริ" เพื่อเก็บภาพมุมมองซิกเนเจอร์ไม่เหมือนใครและวิวที่แตกต่างกันทั้งระยะใกล้และไกล!
[ซัปโปโร] สวนมารุยามะ
"สวนมารุยามะ" (มารุยะมะ โคเอ็น) เป็นสวนสาธารณะแลนด์มาร์กขนาดใหญ่ในซัปโปโร ด้วยพื้นที่อันกว้างใหญ่ มีทั้งป่าไม้ เส้นทางเดินป่าและสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต เช่น ศาลเจ้าฮอกไกโด และ สวนสัตว์มารุยามะ ที่คุณสามารถมาเพลิดเพลินที่นี่ได้ทั้งวัน แต่แนะนำให้ระวังขณะเดินบนเส้นทางลาดขึ้นเขาตั้งแต่ทางเข้าสวนสาธารณะไปจนถึงทางเข้าสวนสัตว์ ดังนั้น ต้องระมัดระวังมาก ๆ หากใครพาเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุมาด้วย นอกจากนี้ สวนสัตว์ที่นี่ยังมีนักท่องเที่ยวหนาแน่นมาก จึงอยากแนะนำให้มาตั้งแต่เช้าหน่อยเพื่อจะได้ไม่ต้องเจอคนเยอะ!
[ซัปโปโร] ถนนทานูคิโคจิ ช้อปปิ้ง สตรีท
ถึงใครจะเคยไปซัปโปโรมาแล้วแต่ถ้าหากยังไม่เคยไป "ทานูกิโคจิ" ! ก็ถือว่ายังมาซัปโปโรไม่ถึงนะจ๊ะ ถนนช้อปปิ้งทานูกิโคจิแห่งนี้ ตั้งอยู่ใจกลางซัปโปโร มีร้านค้าหลายร้อยร้านรวมตัวกันในพื้นที่ขนาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยร้านรวงต่าง ๆ ครบครันทั้งกิน ชม ช้อปมากมาย เช่น ร้านขายยา ร้านขายของฝาก ร้านอาหาร อิซากายะ เรียกได้ว่าเป็นตรอกสวรรค์แห่งการช้อปปิ้งของนักท่องเที่ยวในฮอกไกโด ตั้งแต่ตรอกที่ 1 ไปจนถึง 7 มีซูเปอร์มาร์เก็ตที่เดินทางสะดวกสุด ๆ ร้านไอศกรีมยามดึกที่ห้ามพลาดและอาหารจานเด็ดอื่น ๆ รวมถึงโรงแรมธุรกิจและโรงแรมขนาดเล็กแบบแบ็คแพ็คเกอร์ที่คุ้มค่าเงินมาก คนรักช้อปปิ้งไม่แวะไม่ได้แล้ว!
[ซัปโปโร] หมู่บ้านบ่อน้ำพุร้อนโจซังเค
"บ่อน้ำพุร้อนโจซังเค" ใช้เวลาขับรถจากใจกลางเมืองมาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ตั้งอยู่ใน อุทยานแห่งชาติชิโกะสึ-โทยะ ตามตำนานเล่าว่า ในปี 1866 พระภิกษุมิอิซุมิ โจซัน ได้ค้นพบแหล่งกำเนิดของน้ำพุและสร้างรีสอร์ตน้ำพุร้อนที่นี่ ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นหมู่บ้านน้ำพุร้อนโจซังเคหรือเป็นที่รู้จักในนาม สวนหลังบ้านของซัปโปโร ถือเป็นจุดชมใบไม้แดงยอดฮิตในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามของหิมะสีขาว แสงไฟประดับในตอนกลางคืนและบ่อน้ำพุร้อนที่จะทำให้ร่างกายอบอุ่นได้ทุกปี ที่นี่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมแล้วประมาณ 2.4 ล้านคน จนกลายเป็นที่เที่ยวชานเมืองยอดฮิตของซัปโปโรไปแล้ว!
[โอตารุ] คลองโอตารุ
โอตารุเป็นเมืองท่าที่สำคัญในสมัยที่ฮอกไกโดเพิ่งเปิดเมืองในอดีตและ "คลองโอตารุ" ก็ได้กลายเป็นแลนมาร์คสำคัญที่ใช้สำหรับขนถ่ายสินค้า หากเดินเที่ยวชมบรรยากาศในตอนกลางวัน ข้างอาคารโกดังอิฐหินตามแนวชายคลอง และเมื่อเดินเข้าไปในอุโมงค์ย้อนรอยประวัติศาสตร์ จะพบกับแสงจากตะเกียงแก๊สริมถนนที่สว่างขึ้นในตอนกลางคืน ก็ได้บรรยากาศโรแมนติกไปอีกแบบ หากใครมีเวลาก็แนะนำให้นั่งเรือเที่ยวชมคลองโอตารุ โดยใช้เวลาประมาณ 40 นาที เพลิดเพลินไปกับการชื่นชมเมืองที่มีเสน่ห์แห่งนี้ได้จากมุมสวย ๆ หลากหลายแบบ
[โอตารุ] สวนซาไกมาจิ
สวนแห่งนี้ อยู่ติดกับคลองโอตารุและมีระยะทางทอดยาวระหว่างสถานี JR โอตารุและสถานีมินามิโอตารุพร้อมถนนช้อปปิ้งที่ยาวเกือบ 1 กิโลเมตรเลยทีเดียว "ถนนซาไกมาชิ" ในย่านนี้เคยเป็นย่านธุรกิจใจกลางเมืองที่ผู้คนพลุกพล่านมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 อาคารยุคไทโซและโชวะ ที่หลงเหลืออยู่จำนวนมากยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้และยังมีอาคารสไตล์ยุโรปตะวันตกอีกจำนวนมาก ทั้งตึกสไตล์ยุโรป โกดังหินและเครื่องจักรสไตล์ญี่ปุ่นถูกนำมาจัดเรียงเข้าด้วยกัน ให้กลิ่นอายย้อนยุคและแปลกใหม่อย่างลงตัว นอกจากการเดินเล่นและช้อปปิ้งเพลิน ๆ แล้ว ยังมีร้านขนมยอดฮิตของโอตารุชื่อดังหลายร้านที่ถนนคนเดินย่านซาไกมาจิอีกด้วย รับประกันว่าหากใครได้มาที่นี่แล้วจะต้องชอบแน่นอน!
[ฮาโกดาเตะ] สวนสาธารณะโกเรียวคาคุ
"โกเรียวคาคุ" เป็นป้อมปราการทางสถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตกที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ สามารถขึ้นไปชมวิวบนหอคอยโกเรียวคาคุที่มีความสูง 107 ที่มองเห็นภูเขาฮาโกดาเตะ ช่องแคบสึการุ และยังมองเห็นทิวทัศน์ของทั้งเมืองฮาโกดาเตะได้แบบพาโนราม่า แถมยังถูกออกแบบให้ดูเป็นรูปทรงดาวอันเป็นไฮไลต์ของสวนโกเรียวคาคุได้อย่างงดงาม อีกทั้งยังเป็นจุดชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียงในฮอกไกโด ซึ่งมีสีสันและบรรยากาศที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดู เช่น ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
[ฮาโกดาเตะ] จุดชมวิวภูเขาฮาโกดาเตะ
ต่อไปก็เป็นการขึ้น กระเช้าเคเบิลคาร์ภูเขาฮาโกดาเตะไปยัง "ภูเขาฮาโกดาเตะ" ที่ระดับความสูง 334 เมตรเพื่อเพลิดเพลินไปกับ "วิวกลางคืนที่ขึ้นชื่อว่าสุดว้าวสามแห่งในโลก" ,"วิวกลางคืนอันดับ 1 ของญี่ปุ่น" "วิวกลางคืนฮาโกดาเตะ "กับบรรยากาศที่สวยต่างกันในแต่ละฤดูกาลและช่วงเวลา แนะนำว่าหากขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกดินในช่วงบ่าย จะได้เห็นบรรยากาศที่ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดมิดไปจนถึงกลางคืน หากโชคดีก็จะได้เห็นดาวบนฟ้าด้วย!
[ฮาโกดาเตะ] ปราสาทฮาโกดาเตะ
ที่นี่เป็นถนนทางลาดทอดยาวไปตั้งแต่ช่วงตีนเขาฮาโกดาเตะไปจนถึงเมืองและท่าเรือ หากก้าวขึ้นไปบนเนินจะได้เห็นทิวทัศน์อันงดงามราวกับภาพยนต์ และยังสามารถชมสถานที่ต่าง ๆ เช่น โบสถ์และอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ที่มีให้เห็นตามถนนที่บอกเล่าเรื่องราวของสมัยเอโดะถึงสมัยเมจิ และสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ "ฮาจิมันซากะ" ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของท่าเรือตั้งแต่ด้านบนจนถึงด้านล่าง นอกจากนี้ยังมีเนินสกี 2 แห่งยอดฮิตที่มีให้เล่นมันส์ ๆ ทั้งหมด 19 เนิน ซึ่งแต่ละเนินก็มีเสน่ห์เฉพาะตัว รวมถึง"เนินจูเกนซากะ" และ "ยาโยอิซากะ" ด้วย
[ฟุราโนะ] ฟาร์มโทมิตะ
"ฟาร์มโทมิตะ" ตั้งอยู่ในพื้นที่นากาฟูราโนะ ที่มีทุ่งลาเวนเดอร์ชื่อดังที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น! เมื่อดอกลาเวนเดอร์บานสะพรั่งในทุกเดือนกรกฎาคม เมื่อเข้าไปในสวน จะได้กลิ่นหอมของดอกลาเวนเดอร์หอมกรุ่นเตะจมูกทันทีอีกทั้งภาพดอกลาเวนเดอร์ที่พลิ้วไหวในอากาศยังให้ความรู้สึกเหมือนความฝัน แฟนตาซีและความงาม นอกจากนี้ ฟาร์มโทมิตะยังมีพื้นที่จัดแสดงดอกไม้แห้ง ร้านขายของที่ระลึกดอกลาเวนเดอร์ รวมถึงขนมหวานต่าง ๆ เช่น ไอศกรีมลาเวนเดอร์ ชีสเค้กลาเวนเดอร์ พุดดิ้งลาเวนเดอร์และอื่น ๆ อีกเพียบที่ต้องไปชมให้ได้ในช่วงฤดูร้อนของฮอกไกโด!
[บิเอะ] บ่อน้ำสีฟ้า Blue Pond (Aoi-ike)
"อาโออิเกะ" หรือบ่อน้ำสีฟ้า ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในภูเขาใกล้กับบริเวณคามิฟูราโนะ เป็นทะเลสาบสีฟ้าที่ชวนฝัน เบื้องหลังการสร้างบ่อน้ำสีฟ้านั้นก็เพื่อป้องกันโคลนไหลจากการปะทุของภูเขาไฟโทคาจิดาเกะ แล้วมีการสร้างเขื่อนกั้นน้ำจากแม่น้ำบิเอ ส่งผลให้บ่อน้ำพุร้อนชิโรกาเนะทางตอนบนของแม่น้ำบิเอมีแม่น้ำมารวมตัวกันเป็นแอ่งน้ำเล็ก ๆ บริเวณตีนเขา และเนื่องจากคุณภาพของน้ำพุร้อนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและอลูมิเนียม เมื่อแสดงแดดได้หักเหลงมากระทบกับบ่อน้ำสีฟ้าแห่งนี้ จึงทำให้มีสีดรีมเลคบลู ยิ่งบรรยากาศในฤดูร้อน จะเห็นภาพบ่อน้ำสีฟ้าที่ล้อมรอบด้วยป่าไม้เขียวชอุ่มแสนสดใสและสะดุดตาแต่ไกล ในขณะที่ในฤดูหนาว จะกลายเป็นทะเลสาบน้ำแข็งและมีหิมะสีขาวสวยงาม มีเสน่ห์ราวกับอยู่ในจินตนาการ โดยทั้งสี่ฤดูกาลมีทิวทัศน์ที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป
[บิเอะ] ทุ่งดอกไม้ชิกิไซโนะโอกะ (Shikisai No Oka) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "Panoramic Flower Gardens Shikisai-no-oka"
"ชิกิไซโนะโอกะ" เรียกได้ว่าเป็นทิวทัศน์อันโด่งดังที่เป็นตัวแทนของฮอกไกโดที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ดนับไม่ถ้วน! บรรยากาศช่วงตั้งแต่เดือนเมษายนถึงพฤษภาคมถึงตุลาคม จะเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ที่ปกคลุมเนินเขาทั้งทิวลิป ลูพิน ลาเวนเดอร์ ดอกเสจ ดอกรักเร่และดอกเล็บแมว ทอดยาวราวกับพรมลายทางหลากสีสัน ครอบคลุมพื้นที่ 7 เฮกตาร์หรือ 40 กว่าไร่ ใหญ่มากจนไม่ว่าจะมองจากระยะไกลหรือใกล้ ก็จะต้องตื่นตาตื่นใจไปกับความงดงามตระการตาของเนินเขาชิกิไซอย่างแน่นอน
[อาซาฮิคาวะ] สวนสัตว์อาซาฮิคาวะ
หากใครมาเที่ยวที่อาซาฮิคาวะ จะต้องไม่พลาดที่จะไป "สวนสัตว์อาซาฮิยามะ" ยอดฮิตและขึ้นชื่อของที่นี่! จุดประสงค์ของการสร้างที่นี่ก็คือการสร้างสวนสาธารณะที่ใกล้ชิดกับแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด โดยหวังว่าเพื่อให้สัตว์ต่าง ๆ ได้ใช้ชีวิตในลักษณะใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด และนักท่องเที่ยวยังสามารถเดินเข้าไปในอุโมงค์ใต้น้ำและเพลิดเพลินกับทัศนียภาพแบบ 360 องศาของนกเพนกวินที่แหวกว่ายน้ำพริ้วไหวอย่างสวยงาม โดยมีกิจกรรมฤดูหนาวยอดฮิตอย่าง "Penguin Walk" ขบวนพาเหรดนกเพนกวินแสนน่ารักที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทุกปี นอกจากนี้ ยังสามารถเห็นหมีขั้วโลกสุดน่ารัดกลิ้งไปมาท่ามกลางผืนหิมะ, แมวน้ำ, หมาป่าที่วิ่งอย่างสง่างามบนหิมะ, นกฮูกหิมะและกระต่ายรองเท้าหิมะที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในหิมะสีขาว ฯลฯ ทั้งน่ารักและฮีลใจมาก ๆ ที่ผู้ใหญ่และเด็ก ๆ โดนตกไปเต๋ม ๆ กับความน่ารักน่าเอ็นดู ทั้งมีความสุขและอดอมยิ้มไม่ได้เลย!
[นิเซโกะ] ภูเขาโยเท
"ภูเขาโยเท"เป็นภูเขาชื่อดังที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นิเซโกะของฮอกไกโด เนื่องจากมีลักษณะคล้ายภูเขาไฟฟูจิ จึงถูกเรียกว่า "เอโซฟูจิ" เป็นหนึ่งใน 100 ภูเขาที่วิวสวยที่สุดในญี่ปุ่น โดยใครที่มาเที่ยวด้วยตัวเองสามารถเลือกเยี่ยมชมจุดชมวิวรอบ ๆ ภูเขาโยเทได้ด้วยการขับรถ เช่น "สวนน้ำยอดฮิตเคียวโกกุ" หรือไปที่ตีนเขาเพื่อชม "ทะเลสาบพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว" ที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของตีนเขา นอกจากนี้ยังมีรีสอร์ต โรงแรมและสกีรีสอร์ทหลายแห่ง นอกจากนี้ที่นี่เป็นรีสอร์ทฤดูหนาวที่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ชั้นนำสำหรับสาวกสกีในฮอกไกโด นอกจากนี้ เนื่องด้วยที่นี่มีฤดูหิมะยาวนานถึงครึ่งปี จึงเป็นสกีรีสอร์ตที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นและมีชื่อเสียงในด้าน "พาวเดอร์สโนว์ที่ดีที่สุดในโลก" และเป็นที่ชื่นชอบของสาวกสกีจำนวนมาก
[โทยะ] บ่อน้ำพุร้อนโทยาโกะ
"ทะเลสาบโทยะ" เป็นสถานที่ที่มีทิวทัศน์ที่สวยงามและภูมิทัศน์ทางธรณีวิทยาที่อุดมสมบูรณ์ จึงทำให้ที่นี่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสามจุดชมวิวในฮอกไกโด ที่ได้รับการยอมรับให้เป็น "อุทยานธรณี" โดย "บ่อน้ำพุร้อนโทยะโกะ" ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางใต้ของทะเลสาบโทยะและมีเกาะกลางทะเลสาบด้วย ซึ่งสามารถนั่งเรือมาขึ้นฝั่งเพื่อเที่ยวชม หรือเช่าจักรยานเพื่อชมบรรยากาศรอบ ๆ ทะเลสาบ นอกจากนี้ ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงปลายเดือนตุลาคมของทุกปีจะมีการจุดพลุดอกไม้ไฟทุกเย็นในบริเวณทะเลสาบ และตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม จะมีการประดับไฟจำนวนมากตามถนนบ่อน้ำพุร้อน ถือว่าสามารถไปชมความสวยงามของที่นี่ได้ทุกช่วง!
[อะบาชิริ] ล่องเรือตัดน้ำแข็งที่เมืองอะบาชิริ "Abashiri Drift Ice Sightseeing & Icebreaker Ship"
ทิวทัศน์ที่มีแค่ฤดูหนาวที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต! ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมของทุกปี จะพบกับน้ำแข็งลอยขนาดใหญ่ที่ลอยจากเบลารุสไปยังบริเวณอาบาชิริ ครอบคลุมพื้นผิวทั้งหมดของทะเลโอค็อตสค์ ดังนั้น จึงถือโอกาสนี้ในการนั่งเรือ "Drift Ice Sightseeing Icebreaker "Aurora" โดยเมื่อทะลุผ่านแผ่นน้ำแข็งหนาทึบก็จะเห็นทิวทัศน์อันน่าตื่นตาที่รายล้อมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะจำนวนมหาศาล หากโชคดีก็อาจจะได้พบกับสัตว์ป่าหาชมยาก รวมถึงนกอินทรีทะเลหางขาวที่บินอยู่บนท้องฟ้าหรือแมวน้ำที่กำลังงีบหลับอยู่บนน้ำแข็ง
สรุปแผนที่สถานที่ท่องเที่ยวในฮอกไกโด
สุดท้ายนี้ ที่ท่องเที่ยวทั้งหมดที่เราได้แนะนำไปในบทความนี้ หวังว่าคุณจะนำไปอ้างอิงในแผนการเดินทาง หากมีแผนที่จะไปเที่ยวฮอกไกโดด้วยตัวเองแล้ว ก็อย่าลืมบันทึกข้อมูลในบทความนี้เอาไว้ด้วยหล่ะ!