แทบทุกเมืองใหญ่ในญี่ปุ่นจะมีสวนสาธารณะที่เป็นสัญลักษณ์ประจำเมือง
และสำหรับชาวเมืองซัปโปโรแล้ว สวนที่เป็นตัวแทนของเมืองก็คือ "สวนมารุยามะ (Maruyama Park)" นั่นเอง! ภายในสวนอันกว้างขวางนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตมากมาย เช่น ศาลเจ้าฮอกไกโดและสวนสัตว์มารุยามะ ทำให้ที่นี่เป็นเส้นทางเที่ยวซัปโปโรวันเดย์ทริปที่ไม่ควรพลาด!
"สวนมารุยามะ" ไปยังไงดี? พร้อมแนะนำแผนเที่ยวแบบวันเดย์ทริป
"มารุยามะ" เป็นเนินเขาเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของใจกลางเมืองซัปโปโร ที่เชิงเขามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่กว่า 70 เฮกตาร์หรือกว่า 400 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ป่าอันกว้างใหญ่และเส้นทางเดินเขา อุดมไปด้วยระบบนิเวศทางธรรมชาติที่หลากหลาย การเดินทางไปมารุยามะนั้นง่ายมาก เพียงแค่ขึ้นรถไฟใต้ดินของเมืองซัปโปโรแล้วลงที่สถานี "มารุยามะโคเอ็น" (Maruyama Koen Station) ก็สามารถเดินทางไปถึงสวนได้เลย แนะนำให้เดินชมสวนไปเรื่อย ๆ เพื่อสัมผัสบรรยากาศ ทั้งยังสามารถแวะเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณนั้นได้ เช่น สวนสัตว์มารุยามะ (Maruyama Zoo) และศาลเจ้าฮอกไกโด (Hokkaido Jingu) ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ เดินทางเที่ยวรอบสวนจนจบเส้นทางก็เหมาะสมสำหรับการเที่ยวในหนึ่งวันพอดี!
จากที่แสดงในภาพข้างต้น ระยะทางจากทางเข้าสวนมารุยามะไปยังทางเข้าสวนสัตว์มารุยามะดูเหมือนจะใกล้กันมาก แต่เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ต้องเดินขึ้นเขาทั้งหมด จึงควรระมัดระวังหากมีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุที่มีปัญหาการเคลื่อนไหวมาเที่ยว การแนะนำคือให้ไปที่ สวนสัตว์มารุยามะ ตั้งแต่เช้า ซึ่งเป็นเวลาที่สวนยังเปิดใหม่ ๆ จะไม่ค่อยมีคนเยอะและสามารถชมสัตว์ได้อย่างสะดวกสบายแล้วหลังเที่ยงค่อยไปเยี่ยมชมศาลเจ้าฮอกไกโดจินกุและศาลเจ้าอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียง ถ้ามีเวลาเหลือตอนขากลับ ยังสามารถแวะช้อปปิ้งและทานอาหารที่ศูนย์การค้าใกล้สถานีมารุยามะโคเอ็นได้อีกด้วย นี่คือแผนเที่ยวสุดเพอร์เฟ็กต์สำหรับวันเดย์ทริปเลยล่ะ!
สวนสัตว์มารุยามะ (Maruyama Zoo)
เมื่อมาฮอกไกโด หลายคนมักจะไปชมเพนกวินที่สวนสัตว์อาซาฮิกาวะอันโด่งดัง (Asahiyama Zoo) แต่จริง ๆ แล้ว สวนสัตว์มารุยามะ (Maruyama Zoo) ในตัวเมืองซัปโปโรก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ไม่ควรพลาดและเหมาะกับการเที่ยวเป็นครอบครัวมาก ๆ โดยเฉพาะที่นี่มีหมีขั้วโลกสุดน่ารักเป็นดาวเด่นที่รอให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมด้วยนะ!
เมื่อเข้าสู่สวนสัตว์มารุยามะแล้ว จะพบกับ "โซนสัตว์แอฟริกา" ทันที ที่นี่มีสัตว์ที่มีชื่อเสียงอย่าง ยีราฟ, ฮิปโป, และสิงโต นอกจากนี้ในบริเวณนี้ยังมี "โซนสัตว์เอเชีย" ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน ซึ่งประกอบด้วย เรือนเพาะพันธุ์สัตว์ในป่าฝนเขตร้อน (Tropical Rainforest House) และ เรือนสัตว์ในพื้นที่ภูเขาสูง (Mountain Animal House) ถัดไปอีกยังมี โรงเลี้ยงช้างและโรงเลี้ยงลิงอุรังอุตังให้ชมอีกด้วย แม้ว่าสวนสัตว์มารุยามะ จะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ทุก ๆ โซนของสวนสัตว์ได้ใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมธรรมชาติที่ดีเยี่ยมในพื้นที่ของสวนมาอย่างเต็มที่ เพื่อจำลองสภาพที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของสัตว์แต่ละชนิดได้อย่างสมจริง นอกจากนี้ยังช่วยให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์สัตว์และระบบนิเวศในแต่ละพื้นที่ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
ส่วนที่ลึกที่สุดของสวนสัตว์คือ "พิพิธภัณฑ์หมีขั้วโลก" ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด! และเป็นหนึ่งในจุดเด่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสวนสัตว์มารุยามะ ภายในมีผนังสีขาวสะอาดตาทั้งแถว ภายในมีพื้นที่จำลองถิ่นที่อยู่อาศัยของหมีขั้วโลกและยังมีสระว่ายน้ำสำหรับแมวน้ำด้วยนะ เมื่อนักท่องเที่ยวเข้าไปในพิพิธภัณฑ์หมีขั้วโลกแล้ว สามารถชมสัตว์ต่าง ๆ ได้ทั้งจากภายในอาคารและกลางแจ้ง นอกจากนี้ยังสามารถชมแมวน้ำที่กำลังว่ายน้ำอย่างสบายอารมณ์ผ่านอุโมงค์ใต้น้ำได้อย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันก็สามารถดูหมีขั้วโลกที่เล่นน้ำหรือพักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่จำลองขึ้นมาอย่างสมจริงอีกด้วย!
แม้ว่าหมีขั้วโลกจะเติบโตในสภาพอากาศหนาวเย็นของขั้วโลก แต่หมีขั้วโลกในสวนสัตว์มารุยามะได้ปรับตัวเข้ากับอากาศในเอเชียได้ดีจากการเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศร้อนมาก ๆ โดยมีอุณหภูมิประมาณ 25 องศาเซลเซียสในวันที่แดดจ้า หมีขั้วโลกก็ยังคงเดินเล่นอย่างสบาย ๆ อยู่กลางแจ้งและบางครั้งก็จะกระโดดลงไปในสระน้ำแล้วแสดงท่าทางน่ารัก ๆ เช่น การลอยน้ำในท่ากลับหลังแบบแสนน่ารักน่าเอ็นดู
สุดท้ายขอแนะนำให้แวะไปที่ "พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์สัตว์" เพื่อซื้อของที่ระลึกและของฝากสุดคิ้วท์ แม้ว่าในสวนสัตว์มารุยามะจะมีร้านค้าย่อยหลายแห่งกระจายอยู่ทั่วบริเวณ แต่ร้านที่ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์สัตว์ จะมีสินค้ามากมายหลากหลายที่สุด จุดเด่นคือมีสินค้ารูปหมีขั้วโลกน่ารัก ๆ นับพันนับหมื่นชนิดให้เลือก รับรองว่าจะทำให้แฟนคลับหมีขั้วโลกอดใจไม่ชอปไม่ได้อย่างแน่นอน!
สวนสัตว์มารุยามะเมืองซัปโปโร
・ที่อยู่:1, Miyagaoka 3, Chuo-ku, Sapporo City
・เวลาทำการ:มีนาคมถึงตุลาคม 9:30~16:30 น. พฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ 9:30~16:00 น.
・วันหยุดนักขัตฤกษ์:วันพุธที่สองและสี่ของทุกเดือน วันจันทร์ถึงวันศุกร์ในสัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายนและวันจันทร์ถึงวันศุกร์ในสัปดาห์ที่สองของเดือนพฤศจิกายน วันที่ 29 ถึง 31 ธันวาคม
・ค่าเข้าชม:ผู้ใหญ่ 600 เยน ฟรีสำหรับนักเรียนมัธยมต้นหรือต่ำกว่า
・เว็บไซต์ทางการ
ศาลเจ้าฮอกไกโด
หลังจากออกจากสวนสัตว์มารุยามะที่เต็มไปด้วยความคึกคักแล้ว ก็ถึงเวลาไปเยือนอีกหนึ่งสถานที่ที่ต้องไปให้ได้ภายในสวนมารุยามะ นั่นคือ "ศาลเจ้าฮอกไกโด (Hokkaido Jingu)" จากสวนสัตว์มารุยามะ สามารถเดินตามเส้นทางเดินในป่าที่เงียบสงบและผ่านต้นสนซีดาร์ไปยังศาลเจ้าฮอกไกโด ซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าสู่สถานที่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์และบรรยากาศที่เงียบสงบตลอดเส้นทางรอบ ๆ ศาลเจ้า ภายในมีการปลูกต้นซากุระ (เชอร์รี่บลอสซัม) ประมาณ 1,400 ต้นและต้น บ๊วย (พลัม) อีกประมาณ 250 ต้น ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ชมดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิที่ได้รับความนิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกซากุระและดอกบ๊วยบานเต็มที่ ทำให้ทุก ๆ ฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่กลายเป็นจุดชมดอกไม้ยอดฮิตที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว!
ศาลเจ้าฮอกไกโด เป็นศูนย์กลางความเชื่อของเกาะฮอกไกโด มีสถานะเป็น "ศาลเจ้าหลัก" ของเกาะ ในปีที่ 2 ของสมัยเมจิ (ค.ศ. 1869) ได้มีพระบรมราชโองการจากจักรพรรดิเมจิให้สักการะ "เทพเจ้าแห่งการบุกเบิก 3 องค์" ของฮอกไกโด ได้แก่ เทพโอคุนิทามะ เทพโอนามุจิ และเทพสุคุนาฮิโคนะ ต่อมาในปีที่ 39 (ค.ศ. 1964) แห่งสมัยโชวะ ได้มีการอัญเชิญดวงวิญญาณของจักรพรรดิเมจิมาประดิษฐานร่วมด้วย นับแต่นั้นมา เทพเจ้าทั้ง 4 องค์นี้จึงกลายเป็นเทพประธานหลักของศาลเจ้าฮอกไกโด
ก่อนที่จะเข้าไปสักการะที่อาคารหลักของศาลเจ้าฮอกไกโด อย่าลืมแวะ "ชิโซะหรือน้ำพุชำระล้างมือ" (ศาลาชำระล้าง) เพื่อตักน้ำล้างมือและบ้วนปาก เพื่อแสดงความเคารพต่อเทพเจ้าของศาลเจ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในมารยาทสำคัญเมื่อมาการสักการะที่ศาลเจ้าญี่ปุ่น! จากนั้นเดินผ่านประตูใหญ่ที่ประดับด้วยเชือกฟางยักษ์และเข้าสู่บริเวณอาคารหลักของศาลเจ้า ซึ่งจะเห็นลานกว้างที่ปูด้วยหินสีขาวที่ดูสะอาดตาและสงบเงียบ ตื่นตาตื่นใจกับความยิ่งใหญ่ของอาคารไม้ศาลเจ้าที่ดูแล้วมีความศักดิ์สิทธิ์และอุดมไปด้วยประวัติศาสตร์ เมื่อมองใกล้ ๆ จะสังเกตเห็นลายดอกเบญจมาศแกะสลักอยู่หลายส่วนของอาคาร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตราสัญลักษณ์ราชวงศ์ญี่ปุ่น (จักรพรรดิญี่ปุ่น) การพบเห็นลวดลายนี้ยังช่วยยืนยันถึงความสำคัญและความเชื่อมโยงของศาลเจ้าฮอกไกโดกับจักรพรรดิและราชวงศ์ญี่ปุ่นอีกด้วย
หลังจากสักการะเสร็จแล้ว สามารถแวะไปที่ "ร้านขายของที่ระลึก" ข้าง ๆ เพื่อซื้อเครื่องราง ที่ศาลเจ้าฮอกไกโดแห่งนี้มีเครื่องรางให้เลือกมากมายหลายแบบ ทั้งรูปทรงและลวดลายสวยงามประณีต แต่ที่พิเศษสุด ๆ ก็คือ "เครื่องราง Hello Kitty" และ "แผ่นไม้อธิษฐาน หมีริลัคคุมะ" ที่มีที่นี่ที่เดียวเท่านั้นนะ! นักท่องเที่ยวหลายคนตั้งใจมาที่นี่เพื่อเก็บสะสมของที่ระลึกสองอย่างนี้โดยเฉพาะเลยล่ะ นอกจากนี้ ข้าง ๆ ร้านขายของที่ระลึกยังมีเซียมซีภาษาจีนตัวเต็มที่จัดไว้สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันด้วยน ถ้าได้เซียมซีดี ก็สามารถเก็บกลับบ้านไปเป็นของที่ระลึกนำโชคได้ แต่ถ้าได้เซียมซีร้าย ก็สามารถผูกทิ้งไว้ที่ศาลเจ้าเพื่อให้เทพเจ้าช่วยขจัดเคราะห์ร้ายให้ได้
ศาลเจ้าฮอกไกโดยังมีสินค้าจำกัดพิเศษอีก 2 อย่างที่น่าสนใจมาก ๆ นั่นคือเหล้าบ๊วย "Jingu no Ume" และชา "Jingu no Sakura" ทั้งสองชนิดนี้ผลิตจากลูกบ๊วยและดอกซากุระที่เก็บจากบริเวณศาลเจ้าโดยตรง มีความประณีตและหรูหราสุด ๆ เหมาะมากที่จะซื้อเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วยนะ!
ศาลเจ้าฮอกไกโด
・ที่อยู่:474 Miyagaoka, Chuo-ku, Sapporo-city, Hokkaido
・เวลาทำการ:
[1 มกราคม] 0:00~19:00
[2 - 3 มกราคม] 6:00~18:00
[4 - 7 มกราคม] 6:00~16:00
[8 - 31 มกราคม] 7:00~16:00
[1- 28 กุมภาพันธ์] 7:00~16:00
[1 - 31 มีนาคม] 7:00~17:00
[1 เมษายน - 31 ตุลาคม] 6:00~17:00
[1 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม] 7:00~16:00
・เว็บไซต์ทางการ
ศาลเจ้าไคทาคุ, ศาลเจ้าโฮตากิ, ศาลเจ้าซัปโปโร โคเรอิ
ภายในบริเวณศาลเจ้าฮอกไกโดจินกุยังมีศาลเจ้าเล็ก ๆ อีก 3 แห่งด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือ "ศาลเจ้าไคทาคุ" ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1938 (ปีโชวะที่ 13) เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของการบุกเบิกฮอกไกโด ที่นี่บูชาวีรบุรุษ 37 ท่านผู้มีคุณูปการต่อประวัติศาสตร์การพัฒนาฮอกไกโด เช่น คุณมัตสึอุระ ทาเคชิโร่ และคุณชิมะ โยชิทาเกะ เป็นต้น
"ศาลเจ้าโฮตากิ" เป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงพนักงานผู้ล่วงลับที่อุทิศตนให้กับธนาคารฮอกไกโดทาคุโชกุตลอดชีวิต หน้าศาลเจ้ามีรูปปั้นสิงโตศักดิ์สิทธิ์ (โคมะอินุ) สองตัว ที่น่าสนใจคือ แทนที่จะเป็นรูปปั้นหินอย่างที่เห็นทั่วไป ที่นี่กลับเป็นรูปปั้นทองสัมฤทธิ์สุดพิเศษ ส่วน "ศาลเจ้าซัปโปโรโคเรอิ" นั้นสร้างขึ้นเพื่อสักการะดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตจากการทำเหมืองแร่และเพื่ออธิษฐานขอให้เหมืองแร่มีความสงบสุข เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่น่าไปเยี่ยมชมเป็นอย่างยิ่ง
ร้านชารคคะเทย์ สาขาศาลเจ้าจิงกู (Rokkatei Jingu chaya)
แบรนด์ขนมหวานชื่อดังเก่าแก่อย่าง "รคคะเทย์ (Rokkatei) " ก็มีสาขาที่ดำเนินการเองอยู่ใกล้ศาลเจ้าฮอกไกโดด้วยนะ!
ตัวร้านเป็นโรงน้ำชาไม้สไตล์ญี่ปุ่นคลาสสิก ที่ออกแบบเหมือนบ้านชาโบราณ มีพื้นที่นั่งพักผ่อนกลางแจ้งให้ได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศสบาย ๆ หลังจากการเยี่ยมชมศาลเจ้า ซึ่งบรรยากาศรอบ ๆ ร้านก็กลมกลืนกับความสงบและเงียบสงบของศาลเจ้าฮอกไกโดอย่างดีเยี่ยม หลังจากเยี่ยมชมศาลเจ้าเสร็จแล้ว ลองแวะมาที่ร้านโรคะเทย์นี้เพื่อลิ้มลองขนม "ฮันกันยากิ" ขนมหวานยอดนิยมที่มีรสชาติอร่อยและเป็นเอกลักษณ์เมนูพิเศษเฉพาะที่ศาลเจ้านี้ดูนะ!
มาลองชิม "ฮันกันยากิ" ขนมญี่ปุ่นสุดฮิตกัน! ขนมนี้เป็นโมจิไส้ถั่วแดงที่นำมาย่างบนกระทะเหล็กจนส่งเสียงซู่ซ่า หอมกรุ่นชวนน้ำลายสอ ด้วยแป้งโมจิกรอบนอกนุ่มเหนียว ผสานกับไส้ถั่วแดงหวานหอม ทำให้ขนมชิ้นเล็ก ๆ นี้เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวและทางร้านยังมีบริการชาฟรีให้ดื่มคู่กับขนมอีกด้วย นอกจากนี้ ร้านสาขาหลักยังจำหน่ายสินค้ายอดฮิตของโรคะเทย์อีกมากมาย เช่น "ฮาจูฮาจิยะ" ดังโงะชาเขียวแสนอร่อย, บิสกิตไส้องุ่นรัมที่ขายดีที่สุด, ช็อกโกแลตสตรอเบอร์รี่และอื่น ๆ อีกเพียบ!
ร้านชาโรคะเทย์ สาขาศาลเจ้าจิงกู
・ที่อยู่:474 Miyagaoka, Chuo-ku, Sapporo-city, Hokkaido
・เวลาทำการ:9:00~17:00
・เว็บไซต์ทางการ
สวนสาธารณะมารุยามะไม่เพียงแต่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่สวยงาม แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยในย่านที่มีชีวิตชีวาของซัปโปโร ไม่ว่าจะเป็นการช้อปปิ้งที่ห้างมารุยามะ คลาส การลิ้มลองขนมหวานที่ร้าน Rokkatei หรือการดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดชิคที่คาเฟ่ Morihiko ทำให้ย่านมารุยามะเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเยือนซัปโปโร ด้วยความหลากหลายของกิจกรรมและสถานที่น่าสนใจ ย่านนี้จึงเป็นตัวแทนที่สมบูรณ์แบบของเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองซัปโปโร ที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติอันงดงามและวัฒนธรรมเมืองที่ทันสมัยได้อย่างลงตัว
☞ อ่านเพิ่มเติมที่นี่
・มาเที่ยวซัปโปโรห้ามพลาด! รวมวิธีการเดินทางและเข้าประเทศผ่าน "สนามบินชินชิโตเซะ" ที่คุณต้องรู้!