ญี่ปุ่นมีพระราชวังแวร์ซายด้วยเหรอ? สรุปไฮไลต์สำคัญของพระราชวังอากาซากะในโตเกียว และทำเนียบรับรองแขกของพระราชวังเกียวโต

รู้ไหม? โตเกียวมีพระราชวังแวร์ซายเวอร์ชั่นญี่ปุ่นที่ได้รับการยกย่องเป็นสมบัติของชาติอยู่ด้วยนะ แวร์ซายเวอร์ชั่นญี่ปุ่นงั้นเหรอ? ที่ญี่ปุ่นจะเรียกสถานที่ทางการทูตที่ใช้ในการรับรองประมุขแห่งรัฐและแขกผู้มีเกียรติจากทั่วทุกมุมโลกว่า「เรือนรับรอง」ซึ่งเรือนรับรองแห่งแรกคือ 「เรือนรับรองพระราชวังอากาซากะ」ในโตเกียว ส่วนอีกแห่งหนึ่งคือ「เรือนรับรองแขกของพระราชวังเกียวโต 」การตกแต่งภายในของเรือนรับรองพระราชวังอากาซากะที่เรียกได้ว่าสูสีกับพระราชวังแวร์ซายนั้นจะหรูหราแค่ไหนกันนะ? จุดสำคัญที่ต้องไปเยี่ยมชมเรือนรับรองทั้งสองแห่งนี้คืออะไร? มาติดตามในบทความพิเศษนี้เพื่อค้นหาคำตอบกันเถอะ!

มีเรือนรับรองสองแห่งในญี่ปุ่นที่ใช้รับรองรับประมุขแห่งรัฐและทูตต่างประเทศนั่นก็คือ

พระราชวังสไตล์ตะวันตกที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น:เรือนรับรองพระราชวังอาคาซากะ Akasaka Palace State Guest House

พระราชวังตะวันตกที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชวังบักกิงแฮมและพระราชวังแวร์ซายส์ในสหราชอาณาจักร สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยสถาปนิกและศิลปินชั้นนำในขณะนั้น เรือนรับรองพระราชวังอาคาซากะเดิมทีเป็นหนึ่งในสามบ้านของตระกูลโทคุงาวะ เป็นที่อยู่อาศัยของตระกูลโทกุกาวะ สายคิชูที่รับรองแห่งนี้ได้ถูกยกให้กับราชวงศ์ในปีเมจิที่ 5 (ค.ศ.1872 ) ต่อมา จักรพรรดิเมจิได้เชิญคาตายามะ โทคุมะ สถาปนิกผู้โด่งดังในขณะนั้น ให้สร้างสถานที่แห่งนี้ขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของมกุฎราชกุมารโยชิฮิโตะ (ต่อมาคือจักรพรรดิไทโช) และถูกเรียกว่า "พระราชวังฝั่งตะวันออก" คาตายามะ โทคุมะใช้เทคโนโลยีล่าสุดของยุโรปและอเมริกาในขณะนั้นผสมผสานเข้ากับเอกลักษณ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่น จนในที่สุดก็สร้างแล้วเสร็จในปีเมจิที่ 42 (ค.ศ. 1909) กลายเป็นพระราชวังสไตล์ตะวันตกที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และทุกที่ก็มีตราแผ่นดินลายดอกเบญจมาศซึ่งเป็นตัวแทนของราชวงศ์ญี่ปุ่นตกแต่งอยู่

ที่ทางเข้าด้านหน้า พื้นหินอ่อนสีดำและสีขาวมีทั้งเบญจมาศสไตล์ญี่ปุ่นและพื้นลายตารางหมากรุกตะวันตก (ถ่ายภาพ:issue)

หลังจากที่จักรพรรดิไทโชขึ้นครองบัลลังก์ ก็ได้เปลี่ยนชื่อสถานที่เป็น "พระราชวังอาคาซากะ" พระราชวังแห่งนี้ได้รับความเสียหายจากกระสุนปืนใหญ่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และหลังจากสงครามก็ถูกส่งกลับคืนให้อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของประเทศ และถูกหอสมุดแห่งชาติ คณะกรรมการจัดงานโอลิมปิกโตเกียว และหน่วยงานอื่นๆ ใช้งาน ต่อมา เมื่อญี่ปุ่นฟื้นตัวหลังสงครามและมีกิจกรรมทางการทูตเพิ่มมากขึ้น จึงมีการตัดสินใจเปลี่ยนพระราชวังอากาซากะให้เป็นที่รับรองแขก โครงการปรับปรุงนี้เรียกว่า "การปรับปรุงครั้งใหญ่ของโชวะ" มูราโนะ โทโงะ สถาปนิกที่ได้รับรางวัลได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบอาคารหลัก ซึ่งในขณะเดียวกัน ก็มีการสร้างส่วนต่อขยายสไตล์ญี่ปุ่น โดยมีโยชิโระ ทานิกุจิเป็นผู้รับผิดชอบ ในปีโชวะ ที่ 49 ( ค.ศ. 1974) และแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 2009 ที่แห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็น สมบัติประจำชาติของญี่ปุ่นและกลายเป็นอาคารแห่งแรกที่ได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติของชาตินับตั้งแต่สมัยเมจิ


ผนังประตูเรือนรับรองพระราชวังอากาซากะ มีตราดอกเบญจมาศสีทองอยู่ตรงกลางด้านบน

เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องโลก

เมื่อจักรพรรดิโชวะยังคงเป็นมกุฎราชกุมารได้จัดงานอภิเษกสมรสที่นี่ (ค.ศ 1924) ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสถานที่นี้ก็ถูกใช้ต้อนรับราชวงศ์และประมุขแห่งรัฐของต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธแห่งสหราชอาณาจักร ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐอเมริกา และกษัตริย์ฟิลิปที่ 6 ของสเปน เป็นต้น เดิมทีที่แห่งนี้จะเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้เฉพาะช่วงเวลาที่กำหนด แต่ตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมาก็มีการปรับเปลี่ยน จากให้เข้าชมโดยต้องไม่กระทบต่อหลักการรับแขกต่างชาติ มาเป็นเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ตลอดทั้งปี และต่อไปนี้ก็เป็นจุดไฮไลต์ที่ต้องไปเยี่ยมชมภายในพระราชวังอากาซากะ

ห้องรับรองอันงดงามสำหรับปาร์ตี้เต้นรำและงานต้อนรับ: ห้องโถงฮาโกโรโมะ

ห้องบอลรูมที่งดงาม(ถ่ายภาพ:issue)

ห้องโถงฮาโกโรโมะ (Hagoromo Hall) เป็นห้องบอลรูมที่มีโคมไฟระย้าคริสตัลทรงฝรั่งเศสขนาดใหญ่สามดวง ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงค็อกเทลและงานเลี้ยงต้อนรับ ชื่อนี้ได้มาจากภาพวาดบนเพดานขนาดใหญ่ที่วาดโดยจิตรกรชาวฝรั่งเศส ในธีมเพลงบัลลาดของญี่ปุ่น "ฮาโกโรโมะ" โดยอิงจากท่อนเพลงบัลลาดที่ว่า "ดอกไม้ร่วงหล่นจากนภาพร้อมบทเพลงและกลิ่นหอมแห่งจิตวิญญาณ พลังงานแผ่กระจายไปทั่วสารทิศ"

ห้องโถงฮาโกโรโมะมักถูกใช้เป็นที่จัดงานเต้นรำ และโคมไฟระย้าคริสตัลก็แกะสลักเป็นลวดลายด้วย(ถ่ายภาพ:issue)

บนชั้นสองเป็นพื้นที่สำหรับบรรเลงดนตรี(ถ่ายภาพ:issue)

ห้องจัดเลี้ยงทางการของรัฐตะวันออก-ตะวันตก:ห้องโถงบุปผาและสกุนา (Hall of Flowers and Birds)

ห้องจัดเลี้ยงที่เป็นไม้แกะสลัก(ถ่ายภาพ:issue)

ที่นี่เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการของญี่ปุ่น โดยมีชื่อเสียงจากภาพวาดดอกไม้และนก "ชิปโปยากิ" กว่า 30 รูป ซึ่งเป็นที่มาของชื่อห้องโถงแห่งนี้ จิตรกรโชเท วาตานาเบะวาดภาพตามธีมของดอกไม้ พืช และนกในสี่ฤดูของญี่ปุ่น จากนั้นจึงรังสรรค์ผลงานโดยใช้เทคนิคชิปโป-ยากิและได้รับความช่วยเหลือจากปรมาจารย์ ชิปโป โทกาวะ โซ ในส่วนของเพดานก็ถูกวาดโดยจิตรกรชาวฝรั่งเศส ในธีมการล่านกและสัตว์สไตล์ยุโรป ในห้องโถงบุปผาและสกุนาแห่งนี้จึงมีความงดงามแบบตะวันออกและตะวันตกผสมผลานกันอย่างกลมกลืน


ภาพวาดบนผนังสไตล์ชิปโปยากิ(ถ่ายภาพ:issue)

การออกแบบห้องโถงบุปผาและสกุนาอันวิจิตรงดงาม เพดานภาพวาดสีน้ำมันโดยจิตรกรชาวฝรั่งเศส(ถ่ายภาพ:issue)

ชิปโปยากิคืออะไรนะ?
ชิปโปยากิ (ชิปโป-ยากิ) เป็นเทคนิคการเผาโลหะแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น โลหะอ่อน เช่น ทอง เงิน ทองแดง เหล็ก ทองแดง จะถูกเคลือบด้วยเทคนิคการเชื่อมติด แล้วเผาที่อุณหภูมิสูง ที่มาของชื่อ "ชิปโป" มาจากคัมภีร์ในพระพุทธศาสนาที่บรรยายถึงความงามของสมบัติเจ็ดอย่าง ดังนั้นความหมายโดยนัยก็คือ ศิลปะชิปโปยากิ นั้นงดงามและล้ำค่าพอๆ กับสมบัติทั้งเจ็ดในคัมภีร์ทางพุทธศาสนา ชิปโปยากิของญี่ปุ่นมีความสง่างามและสูงส่ง จึงเป็นตัวเลือกแรกที่ญี่ปุ่นจะส่งให้เป็นของกำนัลในการทูตระหว่างประเทศ

พื้นที่อันงดงามที่ผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นและตะวันตก:ห้องโถงไซรัน Sairan no Ma

ทันทีที่เข้าไปในห้องโถงไซรัน (Sairan no Ma) ความงดงามของบรรยากาศจะทำให้คุณต้องตกตะลึง ด้วยนกศักดิ์สิทธิ์ "กระเรียนทองคำ" ที่สยายปีกอยู่เหรือกระจกบานใหญ่ทั้งสองบานและเตาหินอ่อน ด้วยความงดงามของที่แห่งนี้ จึงถูกใช้สำหรับการประชุมสำคัญอยู่บ่อยครั้ง

นกกระเรียนทองคำศักดิ์สิทธิ์แกะสลัก(ถ่ายภาพ:issue)

ภายในห้องโถง สามารถเห็นงานแกะสลักซามูไรญี่ปุ่นเลี่ยมทองได้ ในส่วนของรูปทรงตรงช่องระบายอากาศยังมีการออกแบบที่แตกต่างกันไปในแต่ละห้องโถง ทั้งหมดล้วนมีรายละเอียดค่อนข้างประณีต(ถ่ายภาพ:issue)

ในห้องโถงนี้ส่วนใหญ่ตกแต่งสไตล์ "จักรวรรดิ (Empire style)" ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยนโปเลียนที่ 1 นอกเหนือจากนกจินหลวนจากตำนานจีนโบราณและข้างๆ ที่มีสฟิงซ์เป็นตัวแทนของอียิปต์ หากสังเกตให้ดีก็จะพบว่ามี สัญลักษณ์ ชุดเกราะซามูไรของญี่ปุ่น และดาบ "สไตล์แบบต่างประเทศ" เพราะในขณะที่สร้างพระราชวังอากาซากะ (ที่ปัจจุบันคือเรือนรับรอง) ญี่ปุ่นเพิ่งเอาชนะราชวงศ์ชิงและรัสเซียไปได้ ดังนั้นค่านิยมลัทธิจักรวรรดินิยมแบบญี่ปุ่นจึงอาจอธิบายได้ว่าเหตุใดในห้องโถงไซรันจึงมีการตกแต่งเหล่านี้

ห้องรับรองที่หรูหราที่สุด:โถงแห่งรุ่งอรุน หรือ ห้องโถงอาซาฮี (Asahi no Ma)

การตกแต่งภายในที่ดูสูส่งของห้องโถงอาซาฮี แสดงออกถึงสไตล์ที่ไม่ธรรมดา(ถ่ายภาพ:issue)

โถงรุ่งอรุน (ห้องโถงอาซาฮี) ถูกเรียกว่า "ห้องรับรองแรก" ที่มีหน้าที่คล้าย 「ห้องรับแขก」 ของพระราชวังยุโรปและเป็นห้องที่ดีที่สุดในเรือนรับรองแห่งนี้ หลังจากปรับปรุงแล้ว ได้เปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนมีนาคม 2019 ไฮไลท์ของห้องนี้คือภาพวาดบนเพดานซึ่งสร้างสรรค์โดยจิตรกรชาวฝรั่งเศส มีดวงอาทิตย์ขึ้นเป็นพื้นหลัง เป็นรูปเทพีออโรร่า ผู้เป็นเทพีแห่งรุ่งอรุณที่กำลังขับรถม้าผ่านฟากฟ้า ที่มาของชื่อห้องโถงอาซาฮีคือความหวังและความมีชีวิตชีวา บนพื้นปูด้วยพรมรูปดอกซากุระที่ทำมาจากผ้าซาตินที่ใช้ด้ายทอ 47 ชนิด แสดงการสลับเฉดสีอย่างละเอียดปราณีต

เทพีแห่งรุ่งอรุณที่อยู่บนเพดาน(ถ่ายภาพ:issue)

ดอกซากุระที่กระจัดกระจายบนพื้น ตอบรับกับภาพดอกซากุระที่อยู่ข้างๆเทพีแห่งรุ่งอรุณ เป็นการออกแบบที่วิจิตรงดงาม(ถ่ายภาพ:issue)

รู้จัก Katayama Tokuma ในหนึ่งนาที
สถาปนิก คาตะยามะ โทคุมะ ได้รับรางวัล "เครื่องราชอิสริยาภรณ์อาทิตย์อุทัยชั้นหนึ่ง" ของญี่ปุ่น ผลงานที่เป็นตัวแทนในอาชีพของเขา ได้แก่ "พระราชวังโทโนมิยะ" (ปัจจุบันคือ "พระราชวังอากาซากะแห่งรัฐ") และพระราชวังอิมพีเรียลชินจูกุเกียวเอ็น (พ.ศ. 2431) , พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินารา (พ.ศ. 2437), พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเกียวโต (พ.ศ. 2438) และอีกมากมาย อาคารทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดถือเป็น "ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ" ของญี่ปุ่นทั้งสิ้น

เรือนรับรองพระราชวังอากาซากะ
・ที่ตั้ง:2-1-1 อากาซากะ มินาโตะ-คุ โตเกียว
・เวลาทำการ:10:00~17:00(และอาคารเสริมสไตล์ญี่ปุ่น)
・วันปิดทำการ:ทุกวันพุธ
・ค่าเข้าชม: (ขอบเขตการเข้าชม: อาคารหลัก + สวนและอาคารเสริมสไตล์ญี่ปุ่น + สวนหย่อม) ค่าเข้า 1,500 เยนสำหรับผู้ใหญ่ทั่วไป และ 500 เยนสำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี (ขอบเขตการเข้าชม : อาคารเสริมสไตล์ญี่ปุ่น + อาคารหลัก + สวนหย่อม) ค่าเข้าผู้ใหญ่ทั่วไปคือ 2,000 เยน และ 700 เยน สำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ; รับเงินสดเท่านั้น
・วิธรการเดินทาง: เดินประมาณ 7 นาทีจากสถานี Tokyo Metro Marunouchi Line "Yithitani" หรือ สถานี"Yithitani" สายJR Chuo Line
เว็บไซต์ทางการ

อาคารสไตล์ญี่ปุ่นสมัยใหม่ที่ผสมผสานงานฝีมือแบบดั้งเดิม: ทำเนียบรับรองแขกพระราชวังเกียวโต

เมื่อเปรียบเทียบกับเรือนรับรองพระราชวังอาคาซากะสไตล์ตะวันตกที่มีอายุเก่าแก่หลายศตวรรษแล้ว ทำเนียบรับรองแขกของพระราชวังเกียวโตนั้นมีอายุน้อยกว่ามากและมีสถาปัตยกรรมที่สื่อถึงความงดงามสไตล์ญี่ปุ่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ ที่แห่งนี้สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 2005 จุดประสงค์ดั้งเดิมในการก่อตั้งคือต้องการสถานที่ทางการเพื่อรับแขกต่างชาติและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างญี่ปุ่นและสากลโลกในเมืองเกียวโต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมญี่ปุ่น ทำเนียบรับรองแขกพระราชวังเกียวโตได้รับการออกแบบโดย Nikken Sekkei บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมชื่อดังที่สร้างโตเกียวทาวเวอร์ โดยใช้หลังคาอิริโมยะแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นและสร้างอาคารสไตล์สุกิยะ-ซึคุริแบบญี่ปุ่นสมัยใหม่ที่มีเสน่ห์โดดเด่น นับตั้งแต่เปิดให้บริการก็ได้รับรองแขกสำคัญจากต่างประเทศ เช่น อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เทเรซา เมย์ ประธานาธิบดีคนที่ 7 ของสิงคโปร์ เป็นต้น。

ด้านหน้าของทำเนียบรับรองแขกพระราชวังเกียวโตใช้สไตล์การตกแต่งแบบญี่ปุ่นสมัยใหม่

หลังคาแบบดั้งเดิมและอาคารสไตล์สุกิยะ-ซึคุริคืออะไรกันนะ?
รูปแบบของหลังคาเป็นหนึ่งในลักษณะเด่นที่สำคัญของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม โดย "หลังคาอิริโมยะ" และ "หลังคาสึมากิริ" จะพบได้บ่อยที่สุด รูปแบบหลังคาของบ้านหลังหลักจะเป็น"หลังคาทรงปั้นหยา" ซึ่งถูกใช้ในวัดหลายแห่ง ตัวอย่างสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียง ได้แก่ ห้องโถงหลักของวัด ซันจูซันเก็นโด (Sanjusangendo Temple) ในเกียวโตและ ห้องโถงทองคำของวัดโทจิ (Toji Kondo :Golden Hall)ห้องโถงชิชินเด็นของพระราชวังเกียวโต (Kyoto Imperial Palace:Shishinden ) ส่วนสุกิยะ-ซุคุริเป็นหนึ่งในรูปแบบสถาปัตยกรรมของญี่ปุ่น "ซุกิโย-ซุคุริ" หมายถึงความชอบสิ่งหรูหรา เช่น พิธีชงชาและการจัดดอกไม้ สถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียง ได้แก่ สถาบันศึกษาใหม่ของพระตำหนักคัตสึระ, ห้องชงชาของศาลเจ้าฟูชิมิอินาริไทฉะ เป็นต้น


ห้องรับรองที่ใหญ่ที่สุด: ห้องโถงวิสทีเรีย (Wisteria Hall)

ภาษาดอกไม้ของดอกวิสทีเรียคือ「การต้อนรับ」จึงเป็นที่มาของชื่อ Wisteria Hall (Fuji no Room) ห้องนี้คือห้องโถงที่ใหญ่ที่สุดในทำเนียบรับรองแขกพระราชวังเกียวโต นอกจากจะใช้ในงานดินเนอร์สไตล์ตะวันตกและพิธีต้อนรับแล้ว ยังมีเวทีสำหรับแสดงละครและเต้นรำแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นอีกด้วย ทันทีที่เดินเข้าไปในห้องโถงวิสทีเรียก็จะต้องถูกผ้าที่ประดับอยู่บนผนังดึงดูดใจแน่นอน ผ้าเหล่านั้นทอโดยใช้เทคนิค "การเย็บ" ที่เรียกว่า "Lihua" มีดอกไม้และพืชพรรณที่เป็นตัวแทนของญี่ปุ่นทั้งหมด 39 ชนิด รวมถึงดอกซากุระ ดอกวิสทีเรีย ดอกโบตั๋น ดอกเบญจมาศและอื่นๆ พรมบนพื้นสอดคล้องกับการตกแต่งผนัง เป็นการบรรยายฉากบรรยากาศดอกวิสทีเรียที่กำลังร่วงหล่น


ไฮไลท์ของห้องโถงวิสทีเรียคือเพดานแสงธรรมชาติและประตูไม้ของเวที ที่ล้วนเป็นการแสดงออกถึงสุดยอดงานฝีมือแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ตัวเพดานใช้เทคนิคกระดาษที่เป็นตัวแทนของญี่ปุ่น อย่างกระดาษมิโนะและเคียวชิโมโนะแบบดั้งเดิม สามารถเลื่อนขึ้นลงเพื่อสร้างลวดลายที่แตกต่างกัน 15 รูปแบบ
ส่วนประตูไม้ที่ใช้สำหรับเวทีแสดงละครและการเต้นรำสร้างขึ้นโดยเอริ ซาโยโกะ ที่ถูกยกย่องว่าเป็น "สมบัติประจำชาติที่มีชีวิต" ในสมัยญี่ปุ่นตอนปลายเธอใช้เทคนิค "ตัดทอง" ที่เป็นการละลายแผ่นเงินหรือแผ่นทองคำขาว จากนั้นตัดเป็นเส้นที่ละเอียดมาก แล้วก็ใช้กาวผสมกับเจลาตินค่อยๆ ติดลงไปทีละชิ้น ทั้งหมดเป็นงานที่ทำด้วยมือและใช้เวลาหลายปีกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ ทำให้ผู้คนต่างอยากยกย่องในฝีมือความปราณีต

เพดานแสงธรรมชาติ

เทคนิคการตัดทองอันน่าทึ่ง

งานไม้แบบเกียวโตหรือเคียว ชิโมโนะคืออะไร?
พูดง่ายๆ เคียว ชิโมโนะก็คืองานไม้แบบเกียวโต เป็นผลิตภัณฑ์จากไม้ที่สร้างขึ้นโดยไม่ต้องใช้ตะปู ถ้ามองจากจากรูปลักษณ์ภายนอกก็จะมองวิธีการประกอบไม่ออก เกียวโตเป็นศูนย์กลางของงานฝีมือแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ ผลิตภัณฑ์งานไม้แบบนี้มีคุณภาพสูงมาก ดังนั้นจึงถูกเรียกว่า "เคียว ชิโมโนะ" และส่วนใหญ่จะใช้ในราชสำนัก วัด และผู้เชี่ยวชาญด้านพิธีชงชา นอกจากนี้ "เอโดะชิโมโนะ" ยังมีไว้สำหรับซามูไรและเชิงพาณิชย์เป็นหลัก

ห้องอาหารสไตล์ญี่ปุ่นที่สุด: Kiri no Ma

โถงคิริโนมะ (Kiri no Ma) ใช้เทคนิคสถาปัตยกรรมโรงน้ำชาที่มีลักษณะเฉพาะแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ลวดลายตกแต่งในห้องหลักๆ คือ "ลายเพาโลเนียห้ายอด" ที่สื่อถึงรัฐบาลญี่ปุ่น และยังมี กระดาษคาระที่ประตูบานเลื่อนแบบญี่ปุ่นและด้านหลังเบาะนั่ง แขกชาวต่างชาติสามารถเพลิดเพลินกับอาหารเกียวโตแท้ๆ ได้ที่นี่ ขณะที่เพลิดเพลินกับทิวทัศน์สวนกลางแจ้ง การแสดงไมโกะ ก็จะมีการแสดงกู่เครื่องดนตรีต่างๆ ร่วมด้วย

ส่วนด้านหลังเบาะตกแต่งด้วยลาย Government Seal of Japan ด้วยเทคนิค “มากิเอ”

สิ่งที่น่าสนใจก็คือโต๊ะยาวนี้สามารถรองรับแขกได้ถึง 24 คน โดยมีความยาว 12 เมตรและทำจากไม้ชิ้นเดียวโดยไม่มีรอยต่อ ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อให้ด้านบนของโต๊ะสะท้อนทิวทัศน์ของสวนได้ราวกับกระจก ดังนั้นจึงต้องเคลือบสารที่สกัดจากต้นแล็คเกอร์ซ้ำๆ หลายชั้นจนเงางาม สิ่งนี้ถือเป็นการแสดงทักษะอันยอดเยี่ยมของช่างฝีมือชาวญี่ปุ่น

โต๊ะยาวที่แวววาวเหมือนเคลือบกระจก แหล่งที่มาภาพ:เรือนรับรองแห่งรัฐ

ส่วนที่ตกแต่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ: สวนสไตล์ญี่ปุ่น (Teioku-ichinyo)

ความงดงามของสวนแบบญี่ปุ่นมีชื่อเสียงไปทั่วโลก สวนของทำเนียบรับรองแขกพระราชวังเกียวโตมีศูนย์กลางอยู่ที่สระน้ำขนาดใหญ่และมีการ "หยิบยืม" ทิวทัศน์จากพระราชวังเกียวโตมาช่วยเสริมความซับซ้อนของสถาปัตยกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล แนวคิดการออกแบบเช่นนี้เป็นลักษณะที่อยู่อาศัยของญี่ปุ่นโบราณ: Teioku-ichinyo หมายถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของบ้านและสวน

สะพานมีหลังคาแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงสะพานเชื่อมระหว่างอาคารเท่านั้น แต่ยังแบ่งสวนออกเป็นสองส่วน ได้แก่ "มหาสมุทร" และ "ทุ่งนา" แนวหินเป็นตัวแทนของเกาะกลางทะเล ส่วนอีกด้านที่ปลูกด้วยพืชน้ำที่เขียวชอุ่มตลอดปี เช่น ต้นกก แสดงให้เห็นภาพทุ่งนาญี่ปุ่น นอกจากนี้ แขกผู้มีเกียรติยังสามารถนั่งเรือญี่ปุ่นลำนี้เพื่อสัมผัสวัฒนธรรม "ท่องเที่ยวทางเรือ" ของญี่ปุ่นได้อีกด้วย การตีความที่สมบูรณ์แบบของลานบ้าน: สวน Hezhou

สะพานมีหลังคาและทุ่งนาในน้ำ

แขกผู้มีเกียรติสามารถนั่งเรือญี่ปุ่นเพื่อชมความงามของสวนได้

ทำเนียบรับรองแขกพระราชวังเกียวโต
・ที่อยู่:: Kyoto Gyoen 23, Kamigyo-ku, เมืองเกียวโต
・เวลาทำการ:10:00 น. - 17:00 น
・วันหยุด:ทุกวันพุธ
・ค่าเข้าชม:ผู้ใหญ่ 1,500 เยน และเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี 500 เยน ,ไกด์ทัวร์ 2,000 เยนสำหรับผู้ใหญ่ทั่วไป และ 700 เยนสำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 รับเงินสดเท่านั้น
・วิธีเดินทาง:ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Karasuma แล้วลงสถานี Imadegawa จากนั้นเดินประมาณ 15 นาที
เว็บไซต์ทางการ

สิ่งที่ควรทราบเมื่อไปเยี่ยมชม

อ่านข้อมูลการเยี่ยมชม


เห็นแบบนี้แล้วก็อยากลองไปสัมผัสความงามด้วยตัวเองเลยใช่ไหมล่ะ? ไม่ว่าจะเป็นเรือนรับรองในโตเกียวหรือเกียวโต โดยทั่วไปทัวร์จะมี 2 ประเภทได้แก่ "ทัวร์อิสระ" และ "ทัวร์พร้อมไกด์" การเข้าชมอิสระไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า หลังจากมาถึงแล้วก็ต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยแล้วก็สามารถซื้อตั๋วเองผ่านเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ สำหรับไกด์ทัวร์และ "อาคารเสริมสไตล์ญี่ปุ่น" ของเรือนรับรองพระราชวังอาคาซากะ เนื่องจากการจำกัดจำนวนผู้เข้าชม จึงต้องทำการจองทางออนไลน์ล่วงหน้า นอกจากภาษาญี่ปุ่นแล้ว ยังมีไกด์ทัวร์ภาษาอังกฤษให้บริการอีกด้วย นอกจากนี้ กำหนดการเปิดให้เยี่ยมชมงอาจถูกระงับหรือเปลี่ยนแปลงเนื่องจากต้องใช้รับรองแขกชั่วคราว โปรดตรวจสอบ "กำหนดการเปิด" ได้บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการเพื่อยืนยันก่อนไปเชี่ยมชม「ตารางวันทำการ」

ทำรายการต่างๆได้ผ่านทางappเรือนรับรองโตเกียว


 นอกจากนี้ ขอแนะนำว่าทุกคนสามารถใช้หน้าภาษาอังกฤษบนแอปพลิเคชั่น (แอป) ของเรือนรับรองเกียวโต เมื่อเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ ให้มองหาป้ายนำทาง จากนั้นถ่ายรูป แล้วก็โหมดคำอธิบาย "เสียง" "ข้อความ" หรือ "วิดีโอ" แอพนี้ยังแสดงหน้าจอแผนที่ของพิพิธภัณฑ์พร้อมคำอธิบายง่ายๆ และการเปรียบเทียบรูปภาพสำหรับการจัดแสดง (เช่น ภาพเคลื่นไหวตามทางเดิน) ซึ่งมีความชัดเจนและเข้าใจง่าย นอกจากนี้ ก่อนเข้าไปในเรือนรับรองเกียวโต ต้องสวมรองเท้าแตะภายในอาคารที่ทางเรือนรับรองเตรียมไว้ให้เท่านั้น

ไฟส่องสว่างทางอ้อมแสดงให้เห็นถึงแก่นแท้ของการออกแบบของญี่ปุ่น

บนฝ้าเพดานของโถงทางเดินมีรูปแมลงและผีเสื้อแกะสลักอยู่

เรื่องที่ควรระวัง


 สุดท้ายนี้ ก็มีข้อควรที่ต้องระวัง! ทางเรือนรับรองทั้งสองจะดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยก่อนเข้าชม นอกจากห้ามรับประทานอาหารและดื่มภายในแล้ว ยังมีข้อจำกัดในการแต่งกาย รวมถึงห้ามสวมเสื้อผ้าวาบหวิว ชุดแต่งงาน หรือเสื้อผ้าที่คล้ายกับเครื่องแบบราชการ นอกจากนี้ ห้ามไม่ให้ถ่ายภาพภายในอาคารหลักของเรือนรับรองพระราชวังอากาซากะโดยเด็ดขาด แต่ภายในเรือนรับรองพระราชวังเกียวโตส่วนใหญ่จะสามารถถ่ายภาพได้ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดดูที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ Yingbin Hotel「ข้อห้ามและข้อควรระวังในพิพิธภัณฑ์」

ญี่ปุ่นเป็นประเทศเดียวในโลกที่ยังคงรักษาชื่อยุคเอาไว้ และหัวข้อเกี่ยวกับราชวงศ์ญี่ปุ่นยังคงเป็นที่นิยมเสมอ หากคุณชอบท่องเที่ยวไปในโตเกียวและเกียวโต แนะนำว่าอย่าพลาดสถาปัตยกรรมอันงดงามทั้งสองแห่งนี้ สถานที่ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์อันทรงเกียรติของราชวงศ์ สุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่น รวมไปถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างใกล้ชิด

採訪撰文:Mandy 2019.05.10 (issue 2020.01更新)
責任編輯:NeNe