เมื่อมาเที่ยวโตเกียวก็ต้องนั่งรถไฟสาย Yamanote Line เส้นทางรถไฟวงกลมที่วิ่งรอบใจกลางโตเกียว ผ่านสถานีสำคัญที่มีชื่อเสียงมากมาย เช่น สถานี Ueno, สถานี Tokyo, สถานี Akihabara, สถานี Shibuya, สถานี Harajuku, สถานี Shinjuku, สถานี Ikebukuro เป็นเส้นเลือดใหญ่ด้านการคมนาคมและการค้าของโตเกียว และเป็นเส้นทางสำคัญที่นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ควรพลาด บทความนี้จะแนะนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับสาย Yamanote อย่างละเอียด ทั้งแผนที่เส้นทาง รายชื่อสถานีที่จอด สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง และตั๋วรถไฟราคาพิเศษแบบ 1 วัน มาเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทางไปโตเกียวกัน!

ที่มาของภาพ: Photo AC
สาย Yamanote คืออะไร? แนะนำเส้นทางโดยละเอียด
JR Yamanote Line เป็นรถไฟวงกลมที่วิ่งรอบใจกลางโตเกียว ผ่านสถานีใหญ่ๆ อย่าง สถานี Ueno, สถานี Tokyo, สถานี Shinagawa, สถานี Shibuya, สถานี Shinjuku และสถานี Ikebukuro เป็นเส้นเลือดใหญ่ที่สำคัญมากของโตเกียว เริ่มต้นที่สถานี Shinagawa และสิ้นสุดที่สถานี Tamachi ไม่เพียงแต่เชื่อมต่อกับรถไฟชินคันเซ็นไปยังจังหวัดอื่นๆ ของญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังสามารถเดินทางตรงไปยังสนามบินฮาเนดะได้โดยต่อรถที่สถานี Shinagawa หรือสถานี Hamamatsucho เนื่องจากผ่านย่านธุรกิจที่สำคัญ ดังนั้นช่วงเวลาเร่งด่วนของพนักงานออฟฟิสจะอยู่ในช่วง 7:30-8:40 น. หากมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ แนะนำให้หลีกเลี่ยงช่วงเวลานี้

ที่มาของภาพ: Illust AC
จากภาพด้านล่างจะเห็นได้ว่า สถานีต่างๆ ตามเส้นทางสาย Yamanote ล้วนเป็นสถานีเชื่อมต่อที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นTokyo Metro, Tokyo Monorail, Seibu, Keio, Odakyu และรถไฟเอกชนอื่นๆ ต่างก็ใช้สาย Yamanote เป็นจุดเชื่อมต่อหลัก โดนแบ่งตามสถานีกระจายออกไปทั่วโตเกียวในลักษณะคล้ายดาว ดังนั้นหากต้องการเที่ยวรอบโตเกียว มีโอกาสสูงมากที่จะต้องมาต่อรถที่สาย Yamanote

ข้อมูลการเดินรถสาย Yamanote
JR Yamanote Line มีระยะทางหนึ่งรอบประมาณ 34.5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 60 นาที เนื่องจากเป็นรถไฟที่วนเป็นวงกลม จึงแบ่งทิศทางการเดินรถเป็น 2 เส้นทาง คือ "วงนอก" (ตามเข็มนาฬิกา) และ "วงใน" (ทวนเข็มนาฬิกา) เนื่องจากเป็นเส้นทางวงกลม แม้จะขึ้นผิดทิศทาง ก็จะวนกลับมาที่สถานีเดิมได้ เพียงแค่พิจารณาว่าจะขึ้นทิศทางไหนจะถึงจุดหมายได้เร็วกว่า ในวันธรรมดามีรถไฟวิ่ง "วงนอก" 328 ขบวน และ "วงใน" 322 ขบวน รวมประมาณ 650 เที่ยวต่อวัน ซึ่งมากกว่าวันหยุดสุดสัปดาห์และมีความถี่สูงมาก โดยเฉลี่ยทุก 2 นาที 20 วินาทีจะมีขบวนรถมาหนึ่งขบวน เพื่อรองรับผู้โดยสารที่ไปทำงานในวันธรรมดา

ข้อมูลค่าโดยสารสาย Yamanote
ค่าโดยสารสาย Yamanote คำนวณตามระยะทาง โดยระยะทาง 1-3 กิโลเมตรราคา 150 เยน, 4-6 กิโลเมตรราคา 170 เยน, 7-10 กิโลเมตรราคา 180 เยน, 11-15 กิโลเมตรราคา 210 เยน, 16-20 กิโลเมตรราคา 280 เยน เนื่องจากสาย Yamanote เป็นเส้นทางวงกลม หากเดินทางต่อจากสถานีที่อยู่ตรงข้ามกันไกลที่สุด ราคาก็จะสูง แต่หากเดินทางระยะใกล้สถานีต้นทาง ราคาค่าโดยสารก็จะถูกลงเรื่อยๆ ราคาข้างต้นเป็นราคาตั๋วกระดาษที่ซื้อด้วยเงินสด หากใช้บัตร IC เช่น Suica หรือ Pasmo จะได้ราคาที่ถูกกว่าเล็กน้อย จึงแนะนำให้ใช้บัตร IC ในการเดินทางเพราะประหยัดและคุ้มค่า

ตั๋วโดยสารราคาพิเศษสำหรับสาย Yamanote
สำหรับผู้ที่ต้องการนั่งเฉพาะ JR: Tokunai Pass (ตั๋วเที่ยวชมเมืองโตเกียว)
JR East เปิดตัวตั๋วรายวันสุดคุ้ม "บัตรโดยสารเขตเมืองโตเกียว (Tokunai Pass)": ด้วยราคาเพียง 760 เยน ก็สามารถใช้บริการ JR ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งภายในพื้นที่ที่แสดงในแผนที่ด้านล่างได้ตลอดทั้งวัน ยิ่งใช้บริการมากยิ่งคุ้มค่า และไม่ต้องซื้อตั๋วทุกครั้งที่จะเดินทางให้ยุ่งยาก สามารถซื้อได้ที่ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติที่สถานี JR ทุกแห่ง โดยเลือกที่เมนู "ตั๋วพิเศษ" แนะนำให้ตรวจสอบก่อนว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องการไปในวันนั้นมีรถไฟ JR ผ่านหรือไม่ และคำนวณค่าโดยสารทั้งวันว่าเกิน 760 เยนหรือไม่ หากเกินแนะนำให้ซื้อตั๋วนี้ จะได้เที่ยวได้อย่างสบายใจตลอดทั้งวัน!

Tokunai Pass
・ระยะเวลาที่ใช้ได้: 1 วัน
・ราคา: ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป) 760 เยน, เด็ก (อายุ 6-11 ปี) 360 เยน
・เว็บไซต์ทางการ
JR, รถไฟเอกชน และรถบัสแบบไม่จำกัดเที่ยว: บัตรเที่ยวโตเกียว 1 วัน (Tokyo 1-Day Ticket)
"บัตรเที่ยวโตเกียว 1 วัน (Tokyo 1-Day Ticket)" มีจุดเด่นที่ไม่ได้ใช้ได้เฉพาะ JR เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้กับTokyo Metro, รถไฟใต้ดินโทเอ, สาย Toden Arakawa Line, สาย Nippori-Toneri Liner และรถบัสโทเอ ทั้งหมดในราคา 1,600 เยนต่อวัน! จากแผนที่ด้านล่างจะเห็นว่าเขตการให้บริการของ JR ยังคงเดิม แต่มีเส้นทางสีเทาเพิ่มขึ้นมากมาย ทำให้ครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้น และยังสามารถใช้รถบัสได้ในพื้นที่สีเหลืองทั้งหมด หากต้องการประหยัดเวลาในการเดินและสำรวจโตเกียวและบริเวณใกล้เคียงอย่างละเอียด แนะนำให้ซื้อตั๋วนี้ ซึ่งสามารถซื้อได้ที่ตู้จำหน่ายตั๋วที่นั่งจองของ JR East ในพื้นที่ให้บริการ

Tokyo 1-Day Ticket
・ระยะเวลาที่ใช้ได้: 1 วัน
・ราคา: ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป) 1,600 เยน, เด็ก (อายุ 6-11 ปี) 800 เยน
・เว็บไซต์ทางการ
แนะนำสถานีสำคัญบนสาย Yamanote
สถานี Nippori

ที่มาของภาพ: Photo AC
"สถานี Nippori" เป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟ JR, Tokyo Metro และ Keisei Electric Railway ผู้ที่เดินทางเข้า-ออกโตเกียวผ่านสนามบินนาริตะจะต้องมาเปลี่ยนขบวนรถไฟที่สถานีนี้ ทางออกฝั่งตะวันตกมี ถนนคนเดิน Yanaka Ginza ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแบบดั้งเดิมของย่านชานเมือง มีทั้งขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เสื้อผ้า ของใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงของกินเล่นและขนมหวานหลากหลายชนิด เป็นสถานที่ที่ชาวโตเกียวนิยมมาเดินเล่นในช่วงบ่ายของวันหยุดสุดสัปดาห์ ส่วนทางออกฝั่งตะวันออกมี ย่านผ้า Nippori ที่เป็นแหล่งรวมวัสดุอุปกรณ์งานฝีมือ เช่น ผ้า และไหมพรม นอกจากนี้ การเดินจากสถานี Nippori ไปยังสถานี Ueno ใช้เวลาเพียง 40 นาที ระหว่างทางผ่านสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว พิพิธภัณฑ์ศิลปะโตเกียว และสวนสัตว์อุเอโนะ การเดินเล่นจากสถานี Nippori ไปยังอุเอโนะก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ!
สถานี Ueno

ที่มาของภาพ: Photo AC
"สถานี Ueno" เป็นจุดเชื่อมต่อการคมนาคมที่สำคัญของโตเกียว มีรถไฟ JR East สาย Yamanote, สาย Keihin-Tohoku, สาย Joban และยังมีรถไฟชินคันเซ็นสาย Tohoku, Joetsu และ Hokuriku ที่มุ่งหน้าไปทางตอนเหนือ ช่วยแบ่งเบาความแออัดของสถานีโตเกียว ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดของโตเกียว นอกจากจะมี สวน Ueno Onshi Park ที่เป็นจุดชมซากุระชื่อดังแล้ว ภายในสวนยังมีสวนสัตว์ Ueno Onshi Zoo, พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Ueno no Mori, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว, หอศิลป์กรุงโตเกียว และพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ เมื่อข้ามถนนไปอีกฝั่ง จะพบกับย่าน Ameyoko ที่คึกคักไปด้วยร้านอาหาร, อิซากายะ, คาราโอเกะ รวมถึงร้านขายเครื่องสำอาง และร้านขายของฝากราคาถูก นักท่องเที่ยวมักจะมาช้อปปิ้งที่นี่ในวันสุดท้ายของทริป!
สถานี Akihabara

ที่มาของภาพ: Photo AC
"สถานี Akihabara" เป็นย่านเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีชื่อเสียงระดับโลก และยังเต็มไปด้วยสินค้าที่เกี่ยวกับอนิเมะและเกม นอกจากนี้ยังเป็นจุดกำเนิดของไอดอลใต้ดินญี่ปุ่นหลายคน จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นสวรรค์ของเหล่าโอตาคุ ดึงดูดแฟนอนิเมะญี่ปุ่นจากทั้งในและต่างประเทศให้มาเยี่ยมชม ที่นี่มีเกมเซ็นเตอร์หลายสาขา เช่น SEGA Akihabara และ TAITO STATION Akihabara เมื่อเดินไปตามถนนคุณจะเห็นสาวๆ ในชุดเมดคอยเชิญชวนลูกค้า "วัฒนธรรมเมดคาเฟ่" ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องมาชมเมื่อมาเยือน Akihabara
สถานี Tokyo

ที่มาของภาพ: Photo AC
"สถานี Tokyo" ตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจของโตเกียว เป็นจุดเปลี่ยนรถที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว ไม่เพียงแต่สาย Yamanote, สาย Chuo, สาย Keihin-Tohoku, สาย Sobu และยังมีสาย Maihama ที่มุ่งหน้าสู่ดิสนีย์แลนด์ สำหรับการเชื่อมต่อกับจังหวัดอื่นๆ มีทั้งชินคันเซ็นสาย Tokaido, Joetsu, Hokuriku และ Tohoku ถือเป็นเครือข่ายการคมนาคมที่สะดวกและครอบคลุมที่สุดในญี่ปุ่น สามารถเดินทางไปยังทุกจังหวัดในญี่ปุ่นได้ ทางออกหลักแบ่งเป็นฝั่ง Yaesu และฝั่ง Marunouchi โดยรอบมีตึกสำนักงาน โรงแรมธุรกิจ ห้างสรรพสินค้า และอยู่ใกล้กับพระราชวังอิมพีเรียล รวมทั้งยังผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์
สถานี Yurakucho

ที่มาของภาพ: Photo AC
"สถานี Yurakucho" ตั้งอยู่ถัดจากโตเกียว จึงเป็นเส้นทางคมนาคมหลักใจกลางโตเกียว บริเวณโดยรอบมีอาคารสำนักงานมากมาย รวมถึงโรงภาพยนตร์และโรงละคร ทั้งยังอยู่ติดกับสถานี Ginza และสถานี Hibiya จึงเป็นแหล่งรวมแบรนด์หรูและแบรนด์แฟชั่น เมื่อเดินไปตามถนน Ginza จะเห็นร้านแบรนด์เนมมากมายเรียงรายสองข้างทาง พอถึงยามค่ำคืน ถนนแห่งความบันเทิงจะสว่างไสวด้วยแสงไฟนีออน ตั้งแต่ร้านรับรองระดับไฮเอนด์ไปจนถึงบาร์แฟชั่น บาร์เพลง และไนต์คลับที่คนทั่วไปชื่นชอบ ทำให้ย่านนี้คึกคักตั้งแต่เช้าจรดค่ำด้วยบรรยากาศที่แตกต่างกันไป
สถานี Hamamatsucho

ที่มาของภาพ: Photo AC
ตามเส้นทางสาย Yamanote ลงมา "สถานี Hamamatsucho" ค่อยๆ ห่างออกจากย่านใจกลางเมือง อยู่ติดกับย่านธุรกิจระดับไฮเอนด์ในเขตมินาโตะ มองข้ามทะเลไปเห็นโทโยสุและโอไดบะในเขตโคโตะ นอกจากสาย Yamanote และสาย Keihin-Tohoku แล้ว ที่นี่ยังมีรถไฟโมโนเรลโตเกียวผ่านด้วย ทำให้มีผู้คนจำนวนมากที่ต้องการเดินทางไปสนามบินฮาเนดะมาต่อรถที่นี่ "สวน Hamarikyu" เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในบริเวณนี้ ในสมัยเอโดะเคยเป็นสวนของไดเมียวโชกุน ปัจจุบันเป็นสวนสาธารณะที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าใช้บริการ และยังเป็นสวนสาธารณะริมทะเลแห่งเดียวในโตเกียวที่ยังคงมีการนำน้ำทะเลเข้ามาใช้ เดินไปทางตรงข้ามในเขตมินาโตะประมาณ 20 นาที จะถึง "Tokyo Tower" แลนด์มาร์กที่เป็นตัวแทนของโตเกียว บริเวณใกล้เคียงยังมีสวนชิบะและวัดโซโจจิ ซึ่งในช่วงปีใหม่จะมีผู้คนมากมายมาสักการะ!
สถานี Takanawa Gateway

ที่มาของภาพ: Photo AC
"สถานี Takanawa Gateway" เป็นสถานีใหม่ล่าสุดบนสาย Yamanote ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาชมโอลิมปิกโตเกียว 2020 และเพื่อลดความแออัดของสถานี Shinagawa โดยเปิดให้บริการในเดือนมีนาคม 2020 ด้วยแนวคิดการสร้างสถานีแห่งอนาคต ภายในสถานีมีร้านค้าไร้พนักงาน หุ่นยนต์ลาดตระเวน และศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่ให้บริการโดยพนักงานเสมือนจริง Vtuber หลังจากใช้เวลาก่อสร้างนาน 5 ปี โครงการพัฒนาย่านใหม่ "Takanawa GATEWAY CITY" จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันพุธที่ 27 มีนาคม 2025 โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาพื้นที่ Takanawa Gateway และ Shinagawa ให้เป็นย่านเมืองระดับนานาชาติ ประกอบด้วยศูนย์ประชุมนานาชาติขนาดใหญ่ โรงแรมระดับหรู ย่านสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรม และโรงเรียนนานาชาติ เพื่อให้เป็นย่านนานาชาติแห่งแรกที่เชื่อมต่อระหว่างสนามบินฮาเนดะและใจกลางกรุงโตเกียว!
สถานี Shinagawa

ที่มาของภาพ: Photo AC
"สถานี Shinagawa" เป็นสถานีใหญ่แห่งแรกที่คุณจะได้พบเมื่อเดินทางเข้าเมืองจากสนามบินฮาเนดะ ซึ่งเป็นประตูสู่ประเทศญี่ปุ่น บริเวณรอบสถานีมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ศูนย์การค้า atre Shinagawa และ ecute Shinagawa ที่เชื่อมต่อโดยตรงกับสถานี นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับครอบครัวอย่าง Shinagawa Aquarium และ Aqua Park Shinagawa ด้วย มีชาวญี่ปุ่นจำนวนมากที่เดินทางเข้าออกสนามบินฮาเนดะเพื่อไปทำธุรกิจในประเทศ จึงมีตึกสูงมากมายที่เชื่อมต่อโดยตรงกับสถานี Shinagawa และบริษัทข้ามชาติชั้นนำระดับโลกหลายแห่งก็เลือกตั้งสำนักงานที่ Shinagawa ทำให้เป็นสถานีที่มีความเป็นนานาชาติอย่างมาก
สถานี Shibuya

ที่มาของภาพ: Photo AC
"สถานี Shibuya" มีทางม้าลายที่มีชื่อเสียงระดับโลก เมื่อไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียว ภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจของผู้คนที่ข้ามถนนจากทุกทิศทางไม่เพียงแต่เป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ยังปรากฏในผลงานภาพยนตร์และละครมากมาย เมื่อออกจากสถานี JR จะพบกับ รูปปั้นฮาจิโกะ สุนัขผู้ซื่อสัตย์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ฮาจิโกะเคยรอศาสตราจารย์อุเอโนะ เจ้าของของเขากลับบ้านในอดีต ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แผนการพัฒนาชิบุยะได้สร้างสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ มากมาย เช่น แลนด์มาร์คคลาสสิกใจกลางทางม้าลายอย่าง SHIBUYA TSUTAYA, SHIBUYA SCRUMBLE SQUARE ที่มีชื่อเสียงจากจุดชมวิว SHIBUYA SKY บนชั้นดาดฟ้า Miyashita Park สวนบนดาดฟ้าที่เชื่อมต่อกับสถานี Harajuku และ Shibuya Sakura Stage ที่จะเปิดใหม่ในปี 2024 ทำให้ชิบุยะยังคงรักษาความเป็นผู้นำด้านแฟชั่นที่ทันสมัยและไม่มีวันตกยุค!
สถานี Harajuku

ที่มาของภาพ: Photo AC
"สถานี Harajuku" เป็นแหล่งแฟชั่นชั้นนำของวัยรุ่นญี่ปุ่นมาตั้งแต่ยุค 90 โดยถนน Takeshita ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนตลอดเวลานั้น เต็มไปด้วยสินค้าแฟชั่นสไตล์ญี่ปุ่นและเสื้อผ้ามากมาย อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่ศิลปินญี่ปุ่นหลายคนถูกแมวมองทาบทามจนประสบความสำเร็จ หลังจากการปรับปรุงพัฒนา "อาคารสถานีเก่า" ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทัศนียภาพโดยรอบได้เปลี่ยนโฉมใหม่: มีการเปิดตัว WITH HARAJUKU ตรงข้ามสถานี, OMOHARA ที่ Tokyu Plaza บน Omotesando และ HARAKADO ที่จะเปิดใหม่ในปี 2024 ฝั่งตรงข้าม ในขณะที่ตรอกซอกซอยของ Ura-Harajuku ยังคงซ่อนร้านแบรนด์สตรีท เสื้อผ้ามือสอง และรองเท้าที่รอให้นักท่องเที่ยวไปค้นหา แม้ว่าจะสูญเสียตลาดวัยรุ่นบางส่วนไปเนื่องจากกระแสเกาหลี แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบแบรนด์สไตล์ญี่ปุ่น ฮาราจูกุก็ยังคงเป็นแหล่งแฟชั่นที่ไม่มีที่ไหนทดแทนได้
สถานี Shinjuku

ที่มาของภาพ: Photo AC
"สถานี Shinjuku" เป็นสถานีรถไฟที่มีผู้โดยสารมากที่สุดในญี่ปุ่น ไม่เพียงแต่มีสาย JR เท่านั้น แต่ยังมีสาย Tokyo Metro สาย Toei Subway สาย Odakyu และสาย Keio รวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีสถานีขนส่งทางประตูใต้ที่มีรถบัสไปยังฮาโกเนะ , อาตามิ และคาวากุจิโกะ ระบบการเดินทางที่พัฒนาให้เชื่อมต่อและสะดวกสบาย รายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าและช้อปปิ้งมอลล์มากมาย สามารถหาแบรนด์ญี่ปุ่นยอดนิยมได้ที่นี่ทั้งหมด นอกจากนี้ ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ "คาบูกิโจ" ที่สวยงามยิ่งขึ้นในยามค่ำคืน เต็มไปด้วยป้ายโฆษณาและรถโฆษณาที่น่าสนใจมากมาย ทำให้ชินจูกุยามค่ำคืนคึกคักเป็นพิเศษ เมื่อไม่นานมานี้ยังมีแลนด์มาร์คใหม่ "Tokyu Kabukicho Tower" เปิดตัว พร้อมกับบาร์ใหม่และไนต์คลับทันสมัยที่กำลังทยอยเปิดในบริเวณใกล้เคียง พยายามที่จะแทนที่โรปปงงิและกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับคนหนุ่มสาวในยามค่ำคืน
สถานี Ikebukuro

ที่มาของภาพ: Photo AC
"สถานี Ikebukuro" สถานีสุดท้ายที่จะแนะนำ โดยที่นี่จะแบ่งทางออกคร่าวๆ เป็น "ทางออกฝั่งตะวันออก" และ "ทางออกฝั่งตะวันตก" โดยที่ "ทางออกฝั่งตะวันออก" มีห้างสรรพสินค้า ร้านเสื้อผ้าญี่ปุ่น และร้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมาย นอกจากนี้ยังมีย่านช้อปปิ้งถนนคนเดิน SUNSHINE Street ที่ไม่เพียงแต่เหมาะกับการเดินเล่นและช้อปปิ้ง แต่ยังมีร้านเกมมากมาย เดินไปจนสุดจะเชื่อมต่อกับศูนย์การค้า SUNSHINE CITY ส่วน "ทางออกฝั่งตะวันตก" เป็นที่รู้จักกันดีจากเรื่อง 'Ikebukuro West Gate Park' เมื่อเทียบกับฝั่งตะวันออกแล้ว ที่นี่มีร้านอาหารมากกว่า โดยเฉพาะร้านอาหารจีนและห้างสรรพสินค้าสไตล์จีน ทำให้มีบรรยากาศคล้ายไชน่าทาวน์เล็กๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังจากการเปิดตัวของ Hareza Ikebukuro บริเวณโดยรอบได้กลายเป็นย่านวัฒนธรรมย่อยแห่งใหม่ที่รวมอนิเมะและเกม ทำให้อิเคะบุคุโระมีโฉมหน้าใหม่ที่น่าสนใจ
เรื่องเพิ่มเติม: เรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับชื่อสถานีรถไฟสาย Yamanote

ที่มาของภาพ: Photo AC
การนั่งรถไฟสาย Yamanote ไม่ใช่แค่การเดินทางธรรมดา ถ้าคุณรู้เรื่องราวที่มาของชื่อแต่ละสถานี จะทำให้คุณกลายเป็นนักเดินทางที่มีความรู้ลึกซึ้งเลยทีเดียว! ยกตัวอย่างเช่น ที่มาของชื่อ "สถานี Akihabara" มาจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในโตเกียวเมื่อปี 1869 รัฐบาลเมจิได้สร้างศาลเจ้า Akiba ที่บริเวณใกล้กับที่ตั้งสถานี Akihabara ในปัจจุบัน เพื่อบูชาเทพเจ้าผู้ปกป้องจากไฟไหม้ และต่อมาได้กลายมาเป็นชื่อ "Akihabara" ในปัจจุบัน ส่วน "สถานี Ueno" ได้ชื่อมาจากสภาพพื้นที่ที่มีหญ้าขึ้นรกเหมือนทุ่งหญ้า และเนื่องจากอยู่ในพื้นที่สูง จึงเรียกว่า "Ueno" และ "สถานี Nippori" มีที่มาจากการที่พื้นที่นี้เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ เหมาะแก่การอยู่อาศัย จึงมีความหมายว่า "หมู่บ้านที่เหมาะแก่การใช้ชีวิตประจำวัน" แม้ว่าเวลาจะผ่านไป และที่มาของชื่อหลายแห่งอาจจะไม่หลงเหลือให้เห็นแล้ว แต่การรู้เรื่องราวเหล่านี้ก็ทำให้เราจินตนาการถึงโตเกียวในยุคเอโดะได้อย่างน่าสนใจ!
ก่อนออกเดินทางท่องเที่ยวโตเกียว มาทำความรู้จักเส้นเลือดใหญ่ด้านการคมนาคมที่สำคัญที่สุดของโตเกียวอย่าง "สาย Yamanote" ให้ลึกซึ้งกันก่อน นอกจากจะช่วยให้เข้าใจภาพรวมทางภูมิศาสตร์ของโตเกียวแล้ว ยังช่วยให้การเดินทางในช่วงเวลาสั้นๆ ของคุณราบรื่นไร้อุปสรรค!
☞ อ่านเพิ่มเติม
・วิธีขึ้นรถไฟ JR Yamanote Line โตเกียว - 10 เกร็ดความรู้ วงในวงนอก สถานีสำคัญ [อัพเดต 2025]