อยากเที่ยวโตเกียวแบบอิสระบ้างไหม? ลองไป"หมู่เกาะอิซุ" ดูมั้ย? รวบรวมกิจกรรมน่าสนใจแบบละเอียดยิบ

อยากลองไปเที่ยวโตเกียวแบบใหม่บ้างไหม? ลองไปเที่ยวเกาะดูมั้ย? รู้มั้ยว่า บริเวณทะเลใกล้โตเกียวมีเกาะมากกว่า 100 เกาะกระจายตัวกันอยู่ และในบรรดาเกาะเหล่านั้น「หมู่เกาะอิซุ"」เป็นเกาะที่ ใหญ่ที่สุด、ประกอบด้วย เกาะโอชิมะเกาะนิอิจิมะเกาะชิคิเนะจิมะเกาะโคซูชิมะเกาะมิยาเคะจิมะและเกาะฮาจิโจจิมะ เกาะเหล่านี้ต่างก็เหมาะสำหรับไปท่องเที่ยว ไม่ว่าจะไปแช่น้ำทะเล ดำน้ำตื้น แช่น้ำพุร้อน เดินป่า ปีนเขา หรือจะปั่นจักรยานรอบเกาะล้วนแล้วแต่น่าสนุกทั้งนั้น一มาดูกิจกรรมสนุกๆ ในแต่ละเกาะและวิธีการเดินทางกันดีกว่า

แหล่งที่มาภาพ:photo AC

เกาะโอชิมะ: พื้นที่ส่วนใหญจะเป็นแนวชั้นหินภูเขาไฟที่มีทิวทัศน์อันน่าทึ่ง และอุดมไปด้วยน้ำมันโอชิมะซึ่งใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงามอันโด่งดัง

"พื้นผิวหน้าตัดแนวหินพันชั้น" ของโอชิมะ เป็นแนวชั้นหินต่างๆ ที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟหลายร้อยครั้งในช่วง 15,000 ปีที่ผ่านมา
แหล่งที่มาภาพ:©TCVB

ชื่อเต็มของเกาะโอชิมะคือ "อิซุโอชิมะ" ซึ่งอยู่ห่างจากโตเกียวไปทางใต้ประมาณ 120 กิโลเมตร และเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาหมู่เกาะอิซุ เนื่องจากอิทธิพลของกระแสน้ำคุโรชิโอะ ทำให้มีอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี ตรงกลางของเกาะแห่งนี้จะมีภูเขาไฟ "มิฮาระ" ตั้งอยู่จึงทำให้มีภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก โดยเฉพาะ "ชั้นหิน" ที่อยู่ริมถนนจากท่าเรือโมโตมาชิ ไปยังท่าเรือฮาบุทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ ที่เป็น "ชั้นดินหน้าตัดขนาดใหญ่" ที่เกิดจากเศษเถ้าที่ตกลงมาจากภูเขาไฟที่จะมีการปะทุครั้งใหญ่ทุกๆ 100 ถึง 150 ปี และเมื่อเถ้าเหล่านั้นตกลงมาก็จะทับถมเป็นชั้นๆ จนทำให้ได้ชื่อเล่นสุดน่ารักว่าเหมือนเป็น "เค้กขอนไม้" หากได้มาปีนภูเขามิฮาระก็จะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิอยู่ทางทิศเหนือ และยังสามารถมองเห็นเกาะอื่นๆ บนคาบสมุทรอิซุทางทิศตะวันตก เมื่ออยู่บนเขาก็จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ต่างๆได้แบบพาโนรามา และแน่นอนว่าเมื่อพูดถึงภูเขาไฟ ก็จะขาดน้ำพุร้อนไปไม่ได้เลย ที่นี่มีบ่อน้ำพุร้อนสาธารณะ "โมโตมาจิ ฮามาโนะยุ" อยู่บนโอชิมะ ที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับวิวทะเลพลางแช่น้ำพุร้อนไปได้อีกด้วย!

ดอกคามิเลียบนเกาะโอชิมะที่บานสะพรั่งอย่างสวยงาม และน้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากดอกคามิเลียนั้นมีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ
ที่มาของภาพ:©TCVB

ทิวทัศน์ท่าเรือของเกาะโอชิมะ
ที่มาของภาพ:photo AC

จุดเด่นที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกาะโอชิมะคือน้ำมันที่ทำจากดอกคามีเลีย ในน้ำมันจะมีส่วนผสมของกรดโอเลอิก (oleic acid) ที่เหมือนกับในผิวหนังมนุษย์ ดังนั้นจึงส่งผลดีต่อเส้นผมและผิวพรรณได้อย่างดีเยี่ยม ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่คนที่รักสวยรักงามต้องมี นอกจากนี้ ที่เกาะโอชิมะยังมีฟาร์มโคนมที่รุ่งเรืองมาก ดังนั้นอย่าลืมไปลองดื่ม "นมโอชิมะ" ที่มีกลิ่นหอมและบริสุทธิ์ เนื่องจากภูมิประเทศเป็นลาวา เกาะโอชิมะจึงเป็นแหล่งที่มีกุ้งล็อบสเตอร์ชุกชุม เมื่อมาที่เกาะแห่งนี้ก็จะสามารถเพลิดเพลินไปกับล็อบสเตอร์ตัวโตๆ สดๆ และซูชิที่ทำจากปลาในท้องถิ่น

วิธีเดินทางไปยัง เกาะโอชิมะ

บนเกาะโอชิมะจะมีท่าเรือสองแห่ง ได้แก่ "ท่าเรือโอคาดะ" และ "ท่าเรือโมโตมาจิ" โดยจะมีเวลาเทียบท่าและออกจากท่าเรือที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ นอกจากนี้ยังยังสามารถนั่งเรือจากโอชิมะไปยังเกาะมิยาเกะ โอชิมะ โทชิมะ และสถานที่อื่นๆ สำหรับรายละเอียดเส้นทางและตารางเวลา สามารถดูอย่างละเอียดได้ที่เว็บไซต์ของบริษัทเดินเรือ

วิธีเดินทาง ระยะเวลา รอบเดินเรือ สถานีต้นทาง สถานีปลายทาง ซื้อตั๋วได้ที่เว็บไซต์
เครื่องบิน ประมาณ 25 นาที วันละ 2 รอบ สนามบินโชฟุ สนามบินโอชิมะ New Central Airservice
เรือ ประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที(เรือเฟอร์รี่ความเร็วสูง) มีรอบไป-กลับ3รอบทุกวัน สะพานโตเกียวทาเคชิบะ ท่าเรือโอคาดะหรือท่าเรือโมโตมาจิ (Motomachi Port Pier) บริษัทTokai Kisen

เกาะนิอิจิมะ:จุดชมวิวนอกชายฝั่งญี่ปุ่น ศิลปะวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์

ภูเขาหินที่เกาะนิอิจิมะ
แหล่งที่มาภาพ:photo AC

เกาะนิอิจิมะมีขนาดและพื้นที่เล็กมาก แต่มีกิจกรรมให้ทำอย่างมากมายเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นดำน้ำตื้น พายเรือแบบยืน ตกปลา เดินเขา ปั่นจักรยานรอบเกาะ และอีกมากมาย ที่แห่งนี้เป็นทะเลโซนคลื่นสงบที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ชายฝั่งที่เต็มไปด้วยคลื่นจากมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนทางฝั่งตะวันออก ก็มีหาดฮาบุชิอุระ (Habushiura Coast) ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสถานที่ที่มีคลื่นสวยงามจนดืงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติมายมายมาที่นี่ หากอยากมาเล่นทรายขาวและน้ำทะเลใสก็สามารถมาอาบแดดบน `หาดมามะชิตะ' หลังจากทำกิจกรรมทางน้ำจนเต็มอิ่มแล้ว ก็ไปแช่น้ำพุร้อนเพื่อวอร์มร่างกายกัน! ในนิอิจิมะมีบ่อน้ำพุร้อนถึง 3 แห่งด้วยกัน รวมถึง "ออนเซ็นกลางแจ้งยูโนะฮามะ" ซึ่งเป็นบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งสาธารณะที่เข้าฟรี 24 ชั่วโมง และ "ออนเซ็นมามะ-ชิตะ" ซึ่งมีห้องซาวน่าและอุปกรณ์อาบน้ำอย่างครบครัน คุณจะได้รับประสบการณ์ในการแช่ออนเซ็นที่ไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน

หาดทรายขาวใต้หน้าผาชิโรมามะ
ที่มาของภาพ:photo AC

เกาะนิอิจิมะมีชื่อเสียงในเรื่องรูปปั้นมายาที่เป็นเอกลักษณ์ รูปปั้นมายาที่พบได้ทุกที่บนเกาะนั้นแกะสลักจากหินหายากที่ผลิตในนิอิจิมะ
ที่มาของภาพ:©TCVB

ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเกาะนิอิจิมะเริ่มมีการพัฒนามาตั้งแต่แรกเริ่ม นักโบราณคดีมีการค้นพบโบราณวัตถุที่สามารถสัญนิษฐานได้ว่าเริ่มมีมนุษย์อาศัยอยู่บนเกาะนี้มาตั้งแต่สมัยโจมง ดังนั้น ศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่นี่จึงได้รับการพัฒนาให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก หนึ่งในสิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ "แก้วนิอิจิมะ" ซึ่งเป็นแก้วที่ประกอบด้วยสารไบโอไทต์ สารชนิดนี้ นอกจากพบที่เกาะลิปาริในอิตาลี ก็ถูกค้นพบในในนิอิจิมะเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นหินที่มีลักษณะคล้ายรูปปั้นโมอายบนเกาะอีสเตอร์ สามารถพบเห็นได้ทุกที่บนเกาะ พวกมันถูกเรียกว่า "รูปปั้นโมอาย" และมีความหมายแฝงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียว เป็นรูปปั้นที่ถูกแกะสลักจากไบโอไทต์ไรโอไลท์ ส่วน "รูปปั้นโมอาย" ที่ชิบูย่าก็ได้รับการบริจาคจากนิอิจิมะเช่นกัน ถ้ามีโอกาสได้มาเยือนที่นี่ ก็อย่าลืมนับว่าที่นี่มีโมอายทั้งหมดกี่ตัวด้วยล่ะ!

วิธีเดินทางไปเกาะนิอิจิมะ

สามารถนั่งเรือจากนิอิจิมะไปยังเกาะโอชิมะ เกาะโทชิมะ เกาะชิคิน และสถานที่อื่นๆ ได้ สำหรับเส้นทางและตารางเวลาโดยละเอียด สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ทางการของบริษัทเดินเรือ

วิธีเดินทาง ระยะเวลา รอบ สถานีต้นทาง สถานีปลายทาง ซื้อตั๋วได้ที่เว็บไซต์
เครื่องบิน ประมาณ40นาที ในหนึ่งวัน มีรอบไป-กลับ4รอบ สนามบินโชฟุ สนามบินนิอิจิมะ สายการบินNew Central Airservice
เรือ ประมาณ2ชั่วโมง20นาที(เรือเร็วเฟอร์รี่) วันละ 1 รอบ สะพานโตเกียวทาเคชิบะ ท่าเรือนิอิจิมะ บริษัทTokai Kisen

เกาะชิคิเนะจิมะ:เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อันสวยงามน่าทึ่ง ชายหาด ลำธารธรรมชาติ และน้ำพุร้อน

เพียงใช้เวลาเดินไม่กี่นาทีเพื่อเดินขึ้นบันไดที่อยู่บนเกาะชิคิเนะจิมะไปยัง "จุดชมวิวคันบิคิ เทนโบได"ก็จะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันน่าทึ่งของชายฝั่งทะเลสีฟ้าครามและท้องฟ้าอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
แหล่งที่มาภาพ:©TCVB

เกาะชิคิเนะจิมะอยู่ห่างจากเกาะนิจิมะเพียง 15 นาที ดังนั้นเมื่อวางแพลนเที่ยว นักเดินทางหลายคนจึงมักรวมเกาะทั้งสองแห่งนี้ไว้ในแผน เกาะชิกิเนะจิมะมีขนาดเล็กและบรรยากาศที่สวยงาม โดยทั้งเกาะมีระยะทางโดยรอบเพียง 12 กิโลเมตรเท่านั้น เกาะแห่งนี้เหมาะสำหรับการปั่นจักรยาน และเดินป่าเที่ยวรอบเกาะ เนื่องจากเป็นชายฝั่งเว้าแหว่ง จึงมีภูมิประเทศรูปทรงซิกแซก ทำให้มีแหลมและท่าเรือหลายแห่งที่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม หากอยากชมวิวตามแนวชายฝั่งก็สามารถไปที่ "จุดชมวิวคันบิคิ" ได้ ปากอ่าวอันเงียบสงบหลายแห่งเป็นชายหาดที่สามารถไปเล่นน้ำได้ และยังมี "หาดโทมาริ" ที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 88 ชายหาดที่น่าลองไปเล่นน้ำในญี่ปุ่น เนื่องจากบนเกาะมีคนอยู่อาศัยไม่มากนัก ทำให้มีถนนเพียงไม่กี่สาย ทั่วทั้งเกาะมีสัญญาณไฟจราจรเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีแสงสีที่ทำให้แสบตาแน่นอน ในวันที่อากาศดีก็จะเห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวในตอนกลางคืน ช่างโรแมนติกมากเลยทีเดียว

「จินาตะออนเซ็น」บนเกาะชิคิเนะจิมะ เป็นบ่อน้ำร้อนที่เกิดจากน้ำพุร้อนไหลลงสู่หินบริเวณชายฝั่ง ดังนั้นในช่วงน้ำลงอุณหภูมิจะสูงมากและไม่เหมาะสำหรับการแช่น้ำ ต้องรอจนกว่าน้ำจะผสมกับน้ำทะเลในช่วงน้ำขึ้นถึงจะสามารถลงไปแช่ได้
แหล่งที่มาภาพ:©TCVB

「ชายหาดโทมาริ」ทางตอนเหนือของเกาะชิคิเนะจิมะ เป็นชายฝั่งน้ำตื้นอันเงียบสงบ เหมาะสำหรับการออกไปเที่ยวกับครอบครัว
แหล่งที่มาภาพ:©TCVB

ที่เกาะชิคิเนะจิมะมีบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งฟรี 3 แห่งที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง เพียงแค่นำชุดว่ายน้ำมาด้วย ก็สามารถไปแช่บ่อน้ำพุร้อนได้ทุกเมื่อ บ่อน้ำพุร้อนที่โดดเด่นมากที่สุดคือ "จินาตะออนเซ็น" เนื่องจากมีแนวบ่อน้ำที่สวยงาม แต่น้ำพุร้อนแห่งนี้มีอุณหภูมิถึง 80 องศา จึงต้องรอให้น้ำทะเลผสมกับแอ่งน้ำธรรมชาติเพื่อปรับอุณหภูมิก่อน ถึงจะลงไปแช่ได้ แต่ไม่ว่าจะไปแช่บ่อน้ำร้อนที่ไหนก็ตาม ทิวทัศน์ที่มองเห็นก็จะงดงามมากจนได้รับการจัดอันดับโดยนักวิจารณ์น้ำพุร้อนให้เป็น "โยโกะสึนะแห่งตะวันออก" นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำพุร้อน"อาชิสุเกะออนเซ็น" ที่ว่ากันว่าคนที่เคยมาแช่น้ำที่นี่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บที่เท้าจนหายได้ เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่ไม่มีสีและน้ำใสจนสะท้อนเงาเพียงแห่งเดียวบนเกาะ อีกทั้งเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มนุษย์สร้างขึ้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องระดับอุณหภูมิ จึงสามารถเพลิดเพลินกับบ่อน้ำแร่เหล็กซัลไฟด์แบบเดียวกับจินาตะออนเซ็นได้ตลอดเวลา ใครเป็นสายบ่อน้ำพุร้อนละก็ รับรองว่ามาเกาะชิคิเนะจิมะแล้วจะไม่ผิดหวังแน่นอน!

วิธีเดินทางไป「เกาะชิคิเนะจิมะ」

เนื่องจากไม่มีเที่ยวบินตรง หากต้องการไปที่เกาะชิคิเนะจิมะ จะต้องไปลงที่สนามบินโชฟุ บนเกาะชินิจิมะก่อน แล้วค่อยนั่งเรือต่อ「NISHIKI站」รอบเรือที่มุ่งหน้าไปยังเกาะชิคิเนะจิมะจะมี 3 รอบต่อวัน นอกจากนี้บริษัทเรือยังมีเส้นทางและตารางเวลาโดยละเอียดสำหรับการเดินทางไปยังโอชิมะ โทชิมะ โคซุชิมะ โดยสามารถเช็กรายระเอียดได้ที่เว็บทางการ

วิธีเดินทาง ระยะเวลา รอบ สถานีต้นทาง สถานีปลายทาง ซื้อตั๋วได้ที่เว็บไซต์
เครื่องบิน ปะรมาณ40นาที ในหนึ่งวัน มีรอบไป-กลับ4รอบ สนามบินโชฟุ สนามบินนิจิมะ บริษัทNew Central Airservice
เรือ ประมาณ 2 ชั่วโมง 25 นาที(เรือเร็วเฟอร์รี่) มีรอบไปกลับวันละรอบ สะพานโตเกียวทาเคชิบะ ท่าเรือชิกิเนจิมะ บริษัทTokai Kisen

เกาะโคซูชิมะ:เกาะลึกลับอันเป็นที่รวมตัวของเทพเจ้า พร้อมอุทยานท้องฟ้าที่คุณจะได้เพลิดเพลินกับดวงดาวบนท้องฟ้าอันงดงาม

ผู้ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งสามารถลองไปพิชิต "ภูเขาเท็นโจ" ภูเขาที่สูงที่สุดบนเกาะโคซูชิมะ และปีนป่ายขึ้นไปบนยอดเขาที่ระดับความสูง 572 เมตรเพื่อยลโฉมสระน้ำรูปหัวใจอย่าง "บ่อน้ำฟูโด" ได้
แหล่งที่มาภาพ:©TCVB

เกาะโคซูชิมะตั้งอยู่ใจกลางหมู่เกาะอิซุ ว่ากันว่าเมื่อนานมาแล้ว เทพเจ้าแห่งหมู่เกาะอิซุมารวมตัวกันที่นี่เพื่อหารือเกี่ยวกับการกระจายน้ำในเกาะอิซุ ด้วยตำนานโบราณนี้ ทำให้ที่นี่ไม่เพียงแต่มีน้ำทะเลที่ใสสะอาดที่สุดในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ "น้ำแร่ทาโกะ" ของเกาะนี้ยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 57 น้ำแร่อันโด่งดังของโตเกียวอีกด้วย เมื่อไปเยือนเกาะโคซูชิมะก็สามารถเพลิดเพลินกับการเล่น้นำที่ชายฝั่งนางาฮามะที่มีน้ำทะเลใสและทรายขาว หรือดำน้ำตื้นที่เส้นทางอากาซากิยอดนิยมเพื่อชมโลกใต้ทะเลอันอุดมสมบูรณ์ได้

ชายฝั่งของเกาะโคซูชิมะมีทิวทัศน์ของธรรมชาติที่สวยงามมาก ผู้ที่รักชายหาดสามารถเพลิดเพลินกับหาดทรายขาวที่ทอดยาวและน้ำทะเลสีฟ้าคราม
แหล่งที่มาภาพ:©TCVB

เส้นทางอากาซากิเป็นทั้งทางเดินเล่นและสนามเด็กเล่นที่สร้างขึ้นตรงแนวหน้าผาหินภูเขาไฟ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่เป็นเอกลักษณ์มากที่สุดบนเกาะโคซูชิมะ
แหล่งที่มาภาพ:©TCVB

นอกจากเล่นน้ำแล้ว เดินป่าก็ยังเป็นอีกกิจกรรมที่พลาดไม่ได้ ที่แห่งตอบโจทย์ทั้งขึ้นเขาลงน้ำ โดยสามารถปีนขึ้นไปบนจุดชมวิวบน "ภูเขาเท็นโจ" เพื่อเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของเกาะทั้งหมด ในวันที่อากาศแจ่มใสก็จะมองเห็นเกาะเล็กๆ น้อยๆ ของหมู่เกาะอิซุและภูเขาไฟฟูจิจากที่ไกลๆ ได้อีกด้วย อีกทั้งบนยอดเขายังมี "บ่อน้ำฟูโด" รูปหัวใจ และยังมีเขตทะเลทรายที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟสองแห่ง ได้แก่ "ทะเลทรายโอโมเตะ(Omote Desert )" และ "ทะเลทรายอุราสะบากุ (Urasabaku Desert)" นอกจากนี้เกาะโคซูชิมะยังมีชื่อที่สวยงามว่า "เกาะแห่งดวงดาวใกล้โตเกียว" และได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสาม "เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืด (Dark Sky Places)" ของโลก ในเวลากลางคืนที่อากาศแจ่มใสก็จะสามารถมองเห็นดวงดาวได้อย่างเต็มท้องฟ้า ดังนั้นอย่าลืมลองปูเสื่อปิกนิกบนชายหาด นอนเอนหลังและจ้องมองดวงดาวที่งดงามจนได้รับการยอมรับระดับโลกดูนะ

วิธีเดินทางไปเกาะโคซุชิมะ

คุณสามารถนั่งเรือโดยสารจากเกาะโคซุชิมะไปยังเกาะโอชิมะ เกาะโทชิมะ เกาะชิคิเนะจิมะ และสถานที่อื่นๆ ได้อีกด้วย สำหรับเส้นทางและตารางเวลาโดยละเอียด โปรดดูที่เว็บทางการ

วิธีเดินทาง ระยะเวลา รอบ สถานีต้นทาง สถานีปลายทาง ซื้อตั๋วได้ที่เว็บไซต์
เครื่องบิน ประมาณ45นาที มีรอบไป-กลับ วันละ 3รอบ สนามบินโชฟุ สนามบิน Kouzushima Airport สายการบินNew Central Airservice
เรือ ประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที(เรือเฟอร์รี่ความเร็วสูง) มีรอบไป-กลับวันละ1รอบ ท่าเรือโตเกียวทาเคชิบะ ท่าเรือโคซูชิมะ บริษัทTokai Kisen

เกาะมิยาเกะ:ส่องนกสายพันธุ์หายากและชมโซนหินลาวาสุดตระการตาอย่างใกล้ชิด

ทางเดินชมวิวที่สร้างขึ้นบนภูเขาไฟลาวาที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ ที่สามารถชมพลังจากแรงปะทุของภูเขาไฟ และพลังการฟื้นฟูจากธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด
ที่มาของภาพ:photo AC

ภูเขาไฟที่อยู่บนเกาะมิยาเกะจิมะยังคุกรุ่นอยู่ โดยคาดว่าจะปะทุในประมาณ 20 ถึง 60 ปี ดังนั้นทั้งเกาะจึงมีภูมิทัศน์ภูเขาไฟที่น่าประทับใจและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในปี 1983 เกิดการปะทุใต้น้ำขึ้น จนกลายเป็นหน้าผาอันเป็นเอกลักษณ์อย่าง "นิพพานะ ชินซัน (Nippana Shinzan)" จุดชมวิวแห่งนี้เป็นการก่อตัวของลาวาสีแดงและสีดำตัดกับสีฟ้าครามที่สวยงามของมหาสมุทรและท้องฟ้า เมื่อปี พ.ศ. 2007 เกาะแห่งนี้ได้สร้างเส้นทางชมวิวจากลาวาที่ไหลจากการปะทุของภูเขาไฟไว้เป็นพิเศษ ที่คุณสามารถมาเดินเล่นเพื่อชมความยิ่งใหญ่ของภูเขาไฟและความมหัศจรรย์ของธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด

สระไทโระ (Tairo Pond) เป็นจุดชมนกป่าที่ยอดเยี่ยม
แหล่งที่มาภาพ:photo AC

เกาะมิยาเกะเป็นที่อยู่อาศัยของนกป่า และยังเป็นที่รู้จักในชื่อ "เกาะแห่งนก"
แหล่งที่มาภาพ:photo AC

เนื่องจากเกาะมิยาเกะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์นกสายพันธุ์หายากอย่างนกอากากกโกะ และมีนกป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้ชื่อว่า "เกาะนก" อีกทั้งยังมี "บ่อน้ำโอจิ"ที่ถูกยกย่องว่ามี "ทิวทัศน์ของหมู่นกที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น" เป็นสถานที่ที่ต้องมาสัมผัสระบบนิเวศของนกป่าที่นี่ อีกทั้งด้วยภูมิประเทศภูเขาไฟ ทำให้มีบ่อน้ำพุร้อนและสัตว์ทะเลชุกชุม ในเกาะมิยาเกะมี "ซาโตะโยโนะเรียวกัง" ที่สามารถทำกิจกรรมได้มากมายไม่ว่าจะเป็นแช่น้ำพุร้อน เล่นน้ำ หรือตกปลาชิลๆ ก็ได้ !

วิธีเดินทางไปเกาะมิยาเกะ

ในเกาะมิยาเกะมีท่าเรืออยู่ 3 แห่ง ได้แก่ท่าเรือ "มิอิเกะ" "ซาบิกาฮามะ" และ "อิกายะ" โดยรอบเทียบท่าหรือออกจากท่าเรือนั้นจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ นอกจากนี้ยังสามารถนั่งเรือโดยสารจากเกาะมิยาเกะไปยังเกาะฮาจิโจได้อีกด้วย สำหรับเส้นทางและตารางเวลาโดยละเอียด สามารถดูได้ที่เว็บทางการของทางบริษัทเรือเว็บทางการ

วิธีเดินทาง ระยะเวลา รอบ สถานีต้นทาง สถานีปลายทาง ซื้อตั๋วได้ที่เว็บไซต์
เครื่องบิน ประมาณ 50 นาที มีรอบไป-กลับ วันละ 3รอบ สนามบินโชฟุ เกาะมิยาเกะ บริษัทNew Central Airservice
เรือ ประมาณ 6 ชั่วโมง 30 นาที(เรือยอร์ชขนาดใหญ่รอบดึก) มีรอบไป-กลับ วันละ 1รอบ ท่าเรือโตเกียวทาเคชิบะ ท่าเรือ"มิอิเกะ" "ซาบิกาฮามะ" และ "อิกายะ" บริษัทTokai Kisen

เกาะฮาจิโจ: ว่ายน้ำเล่นกับเต่าทะเลแสนน่ารักในน้ำทะเลสีฟ้าใส "ฮาจิโจบลู"

ทิวทัศน์อันงดงามของภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น "ฮาจิโจ ฟูจิ" เป็นภาพอันยากจะลืมเลือน
ที่มาของภาพ:photo AC

ที่เกาะฮาจิโจมีสภาพอากาศเหมือนอยู่ในฤดูร้อนต่อเนื่องเป็นเวลา 10 เดือนต่อปี จนถูกเรียกขาน "เกาะฮาวายญี่ปุ่น" เกาะแห่งนี้รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของภูเขาและทะเล เมื่อมาที่นี่ก็จะรู้สึกเหมือนได้หลีกหนีจากโลกความเป็นจริง จนแทบไม่อยากเชื่อว่ากำลังอยู่ในโตเกียวจริงๆ น้ำทะเลของเกาะฮาจิโจใสและมีสีสันที่สวยงามมาก ดังนั้นผืนทะเลแห่งนี้จึงถูกเรียกว่า "ฮาจิโจบลู" เมื่อมาที่นี่แล้วก็สามารถฝึกดำน้ำตื้น ตกปลาทะเล และทำกิจกรรมในน้ำอื่นๆ ได้มากมาย หากโชคดีล่ะก็ คุณยังสามารถว่ายน้ำเล่นไปกับเต่าทะเลหรือดูหนอนเรืองแสงที่ก้นทะเลพร้อมสนุกไปกับการผจญภัยใต้ท้องทะเลได้อีกด้วย!

ทิวทัศน์ชายฝั่งของเกาะฮาจิโจ
แหล่งที่มาภาพ:photo AC

หินนันฮาระเซนโจ งานฝีมือแปลกประหลาดที่รังสรรค์จากธรรมชาติ
แหล่งที่มาภาพ:photo AC

เกาะฮาจิโจมีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่สองลูก ภูเขาฝั่งตะวันออกนั้นมีรูปร่างคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิและเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในหมู่เกาะอิซุ จึงมีชื่อเล่นว่า "ฟูจิแห่งฮาจิโจ " ทิวทัศน์อันงดงามที่ได้เห็นหลังจากปีนขึ้นไปบนยอดแล้ว จะต้องเป็นวิวที่คุณไม่มีวันลืมแน่นอน เมื่อเปรียบเทียบกับเกาะอื่นๆ ในหมู่เกาะอิซุ เกาะฮาจิโจทางใต้มีพันธุ์ไม้เขตร้อนและกึ่งเขตร้อนมากมาย การออกสำรวจป่าลับก็ถือว่าเป็นกิจกรรมยามว่างที่ไม่เลว หรืออยากจะแช่น้ำผ่อนคลายในบึงกำมะถัน น้ำตก หรือน้ำพุร้อนก็ได้เช่นกัน การเดินทางของเกาะฮาจิโจก็สะดวกครบครันมากไม่ว่าจะเช่ารถ ขี่จักรยาน ขึ้นรถบัส หรือเดินไปรอบๆ เกาะฮาจิโจ ก็วางแผนการเดินทางได้ง่ายๆ

วิธีเดินทางไปเกาะฮาจิโจ

บนเกาะฮาชิโจมีท่าเรือสองแห่ง ได้แก่ "ท่าเรือซูซูโกะ" และ "ท่าเรือยาเก็น" โดยจะเทียบท่าและออกจากท่าเรือที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ จากเกาะฮาจิโจยังสามารถนั่งเรือไปยังเกาะมิยาเกะ, โอชิมะ, โทชิมะ และที่อื่นๆ ได้อีกด้วย สำหรับเส้นทางและตารางเวลาอย่างละเอียด สามารถดูได้ที่บริษัทเว็บทางการ

วิธีเดินทาง ระยะเวลา รอบ สถานีต้นทาง สถานีปลายทาง ซื้อตั๋วได้ที่เว็บไซต์
เครื่องบิน ประมาณ 55 นาที มีรอบไป-กลับ วันละ 3รอบ สนามบินฮาเนดะ สนามบินฮาจิโจจิมะ ANA SKY WEB
เรือ ประมาณ10ชั่วโมง20นาที(เรือยอร์ชขนาดใหญ่รอบดึก) มีรอบไป-กลับ วันละ 1รอบ ท่าเรือโตเกียวทาเคชิบะ ท่าเรือคามินาโตะหรือท่าเรือเยเกน บริษัทTokai Kisen

แม้ว่าหมู่เกาะอิซุจะตั้งอยู่ในเขตโตเกียว แต่ก็ปราศจากความวุ่นวาย แสงสีและเสียงรบกวนจากโตเกียวจะไม่มีวันเดินทางมาถึง คุณจะสามารถเพลิดเพลินไปกับการพักผ่อนที่ผ่อนคลายในวันหยุดได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งในแต่ละเกาะก็มีจุดเด่นของตัวเองและมีกิจกรรมไม่น้อยให้ลองไปสัมผัส ครั้งต่อไปที่มาญี่ปุ่น คุณอาจจะแบ่งเวลาสักสองสามวันมาสัมผัสกับโตเกียวที่แตกต่างออกไปก็ได้นะ

採訪撰文:Anita 2024.02
責任編輯:Kay 2024.02