อยากลองไปเที่ยวโตเกียวแบบใหม่บ้างไหม? ลองไปเที่ยวเกาะดูมั้ย? รู้มั้ยว่า บริเวณทะเลใกล้โตเกียวมีเกาะมากกว่า 100 เกาะกระจายตัวกันอยู่ และในบรรดาเกาะเหล่านั้น「หมู่เกาะอิซุ"」เป็นเกาะที่ ใหญ่ที่สุด、ประกอบด้วย เกาะโอชิมะ、เกาะนิอิจิมะ、เกาะชิคิเนะจิมะ、เกาะโคซูชิมะ、เกาะมิยาเคะจิมะและเกาะฮาจิโจจิมะ เกาะเหล่านี้ต่างก็เหมาะสำหรับไปท่องเที่ยว ไม่ว่าจะไปแช่น้ำทะเล ดำน้ำตื้น แช่น้ำพุร้อน เดินป่า ปีนเขา หรือจะปั่นจักรยานรอบเกาะล้วนแล้วแต่น่าสนุกทั้งนั้น一มาดูกิจกรรมสนุกๆ ในแต่ละเกาะและวิธีการเดินทางกันดีกว่า
เกาะโอชิมะ: พื้นที่ส่วนใหญจะเป็นแนวชั้นหินภูเขาไฟที่มีทิวทัศน์อันน่าทึ่ง และอุดมไปด้วยน้ำมันโอชิมะซึ่งใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงามอันโด่งดัง
แหล่งที่มาภาพ:©TCVB
ชื่อเต็มของเกาะโอชิมะคือ "อิซุโอชิมะ" ซึ่งอยู่ห่างจากโตเกียวไปทางใต้ประมาณ 120 กิโลเมตร และเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาหมู่เกาะอิซุ เนื่องจากอิทธิพลของกระแสน้ำคุโรชิโอะ ทำให้มีอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี ตรงกลางของเกาะแห่งนี้จะมีภูเขาไฟ "มิฮาระ" ตั้งอยู่จึงทำให้มีภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก โดยเฉพาะ "ชั้นหิน" ที่อยู่ริมถนนจากท่าเรือโมโตมาชิ ไปยังท่าเรือฮาบุทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ ที่เป็น "ชั้นดินหน้าตัดขนาดใหญ่" ที่เกิดจากเศษเถ้าที่ตกลงมาจากภูเขาไฟที่จะมีการปะทุครั้งใหญ่ทุกๆ 100 ถึง 150 ปี และเมื่อเถ้าเหล่านั้นตกลงมาก็จะทับถมเป็นชั้นๆ จนทำให้ได้ชื่อเล่นสุดน่ารักว่าเหมือนเป็น "เค้กขอนไม้" หากได้มาปีนภูเขามิฮาระก็จะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิอยู่ทางทิศเหนือ และยังสามารถมองเห็นเกาะอื่นๆ บนคาบสมุทรอิซุทางทิศตะวันตก เมื่ออยู่บนเขาก็จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ต่างๆได้แบบพาโนรามา และแน่นอนว่าเมื่อพูดถึงภูเขาไฟ ก็จะขาดน้ำพุร้อนไปไม่ได้เลย ที่นี่มีบ่อน้ำพุร้อนสาธารณะ "โมโตมาจิ ฮามาโนะยุ" อยู่บนโอชิมะ ที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับวิวทะเลพลางแช่น้ำพุร้อนไปได้อีกด้วย!
จุดเด่นที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกาะโอชิมะคือน้ำมันที่ทำจากดอกคามีเลีย ในน้ำมันจะมีส่วนผสมของกรดโอเลอิก (oleic acid) ที่เหมือนกับในผิวหนังมนุษย์ ดังนั้นจึงส่งผลดีต่อเส้นผมและผิวพรรณได้อย่างดีเยี่ยม ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่คนที่รักสวยรักงามต้องมี นอกจากนี้ ที่เกาะโอชิมะยังมีฟาร์มโคนมที่รุ่งเรืองมาก ดังนั้นอย่าลืมไปลองดื่ม "นมโอชิมะ" ที่มีกลิ่นหอมและบริสุทธิ์ เนื่องจากภูมิประเทศเป็นลาวา เกาะโอชิมะจึงเป็นแหล่งที่มีกุ้งล็อบสเตอร์ชุกชุม เมื่อมาที่เกาะแห่งนี้ก็จะสามารถเพลิดเพลินไปกับล็อบสเตอร์ตัวโตๆ สดๆ และซูชิที่ทำจากปลาในท้องถิ่น
วิธีเดินทางไปยัง เกาะโอชิมะ
บนเกาะโอชิมะจะมีท่าเรือสองแห่ง ได้แก่ "ท่าเรือโอคาดะ" และ "ท่าเรือโมโตมาจิ" โดยจะมีเวลาเทียบท่าและออกจากท่าเรือที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ นอกจากนี้ยังยังสามารถนั่งเรือจากโอชิมะไปยังเกาะมิยาเกะ โอชิมะ โทชิมะ และสถานที่อื่นๆ สำหรับรายละเอียดเส้นทางและตารางเวลา สามารถดูอย่างละเอียดได้ที่เว็บไซต์ของบริษัทเดินเรือ。
วิธีเดินทาง | ระยะเวลา | รอบเดินเรือ | สถานีต้นทาง | สถานีปลายทาง | ซื้อตั๋วได้ที่เว็บไซต์ |
เครื่องบิน | ประมาณ 25 นาที | วันละ 2 รอบ | สนามบินโชฟุ | สนามบินโอชิมะ | New Central Airservice |
เรือ | ประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที(เรือเฟอร์รี่ความเร็วสูง) | มีรอบไป-กลับ3รอบทุกวัน | สะพานโตเกียวทาเคชิบะ | ท่าเรือโอคาดะหรือท่าเรือโมโตมาจิ (Motomachi Port Pier) | บริษัทTokai Kisen |
เกาะนิอิจิมะ:จุดชมวิวนอกชายฝั่งญี่ปุ่น ศิลปะวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์
แหล่งที่มาภาพ:photo AC
เกาะนิอิจิมะมีขนาดและพื้นที่เล็กมาก แต่มีกิจกรรมให้ทำอย่างมากมายเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นดำน้ำตื้น พายเรือแบบยืน ตกปลา เดินเขา ปั่นจักรยานรอบเกาะ และอีกมากมาย ที่แห่งนี้เป็นทะเลโซนคลื่นสงบที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ชายฝั่งที่เต็มไปด้วยคลื่นจากมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนทางฝั่งตะวันออก ก็มีหาดฮาบุชิอุระ (Habushiura Coast) ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสถานที่ที่มีคลื่นสวยงามจนดืงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติมายมายมาที่นี่ หากอยากมาเล่นทรายขาวและน้ำทะเลใสก็สามารถมาอาบแดดบน `หาดมามะชิตะ' หลังจากทำกิจกรรมทางน้ำจนเต็มอิ่มแล้ว ก็ไปแช่น้ำพุร้อนเพื่อวอร์มร่างกายกัน! ในนิอิจิมะมีบ่อน้ำพุร้อนถึง 3 แห่งด้วยกัน รวมถึง "ออนเซ็นกลางแจ้งยูโนะฮามะ" ซึ่งเป็นบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งสาธารณะที่เข้าฟรี 24 ชั่วโมง และ "ออนเซ็นมามะ-ชิตะ" ซึ่งมีห้องซาวน่าและอุปกรณ์อาบน้ำอย่างครบครัน คุณจะได้รับประสบการณ์ในการแช่ออนเซ็นที่ไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน
ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเกาะนิอิจิมะเริ่มมีการพัฒนามาตั้งแต่แรกเริ่ม นักโบราณคดีมีการค้นพบโบราณวัตถุที่สามารถสัญนิษฐานได้ว่าเริ่มมีมนุษย์อาศัยอยู่บนเกาะนี้มาตั้งแต่สมัยโจมง ดังนั้น ศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่นี่จึงได้รับการพัฒนาให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก หนึ่งในสิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ "แก้วนิอิจิมะ" ซึ่งเป็นแก้วที่ประกอบด้วยสารไบโอไทต์ สารชนิดนี้ นอกจากพบที่เกาะลิปาริในอิตาลี ก็ถูกค้นพบในในนิอิจิมะเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นหินที่มีลักษณะคล้ายรูปปั้นโมอายบนเกาะอีสเตอร์ สามารถพบเห็นได้ทุกที่บนเกาะ พวกมันถูกเรียกว่า "รูปปั้นโมอาย" และมีความหมายแฝงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียว เป็นรูปปั้นที่ถูกแกะสลักจากไบโอไทต์ไรโอไลท์ ส่วน "รูปปั้นโมอาย" ที่ชิบูย่าก็ได้รับการบริจาคจากนิอิจิมะเช่นกัน ถ้ามีโอกาสได้มาเยือนที่นี่ ก็อย่าลืมนับว่าที่นี่มีโมอายทั้งหมดกี่ตัวด้วยล่ะ!
วิธีเดินทางไปเกาะนิอิจิมะ
สามารถนั่งเรือจากนิอิจิมะไปยังเกาะโอชิมะ เกาะโทชิมะ เกาะชิคิน และสถานที่อื่นๆ ได้ สำหรับเส้นทางและตารางเวลาโดยละเอียด สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ทางการของบริษัทเดินเรือ。
วิธีเดินทาง | ระยะเวลา | รอบ | สถานีต้นทาง | สถานีปลายทาง | ซื้อตั๋วได้ที่เว็บไซต์ |
เครื่องบิน | ประมาณ40นาที | ในหนึ่งวัน มีรอบไป-กลับ4รอบ | สนามบินโชฟุ | สนามบินนิอิจิมะ | สายการบินNew Central Airservice |
เรือ | ประมาณ2ชั่วโมง20นาที(เรือเร็วเฟอร์รี่) | วันละ 1 รอบ | สะพานโตเกียวทาเคชิบะ | ท่าเรือนิอิจิมะ | บริษัทTokai Kisen |
เกาะชิคิเนะจิมะ:เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อันสวยงามน่าทึ่ง ชายหาด ลำธารธรรมชาติ และน้ำพุร้อน
แหล่งที่มาภาพ:©TCVB
เกาะชิคิเนะจิมะอยู่ห่างจากเกาะนิจิมะเพียง 15 นาที ดังนั้นเมื่อวางแพลนเที่ยว นักเดินทางหลายคนจึงมักรวมเกาะทั้งสองแห่งนี้ไว้ในแผน เกาะชิกิเนะจิมะมีขนาดเล็กและบรรยากาศที่สวยงาม โดยทั้งเกาะมีระยะทางโดยรอบเพียง 12 กิโลเมตรเท่านั้น เกาะแห่งนี้เหมาะสำหรับการปั่นจักรยาน และเดินป่าเที่ยวรอบเกาะ เนื่องจากเป็นชายฝั่งเว้าแหว่ง จึงมีภูมิประเทศรูปทรงซิกแซก ทำให้มีแหลมและท่าเรือหลายแห่งที่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม หากอยากชมวิวตามแนวชายฝั่งก็สามารถไปที่ "จุดชมวิวคันบิคิ" ได้ ปากอ่าวอันเงียบสงบหลายแห่งเป็นชายหาดที่สามารถไปเล่นน้ำได้ และยังมี "หาดโทมาริ" ที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 88 ชายหาดที่น่าลองไปเล่นน้ำในญี่ปุ่น เนื่องจากบนเกาะมีคนอยู่อาศัยไม่มากนัก ทำให้มีถนนเพียงไม่กี่สาย ทั่วทั้งเกาะมีสัญญาณไฟจราจรเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีแสงสีที่ทำให้แสบตาแน่นอน ในวันที่อากาศดีก็จะเห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวในตอนกลางคืน ช่างโรแมนติกมากเลยทีเดียว
ที่เกาะชิคิเนะจิมะมีบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งฟรี 3 แห่งที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง เพียงแค่นำชุดว่ายน้ำมาด้วย ก็สามารถไปแช่บ่อน้ำพุร้อนได้ทุกเมื่อ บ่อน้ำพุร้อนที่โดดเด่นมากที่สุดคือ "จินาตะออนเซ็น" เนื่องจากมีแนวบ่อน้ำที่สวยงาม แต่น้ำพุร้อนแห่งนี้มีอุณหภูมิถึง 80 องศา จึงต้องรอให้น้ำทะเลผสมกับแอ่งน้ำธรรมชาติเพื่อปรับอุณหภูมิก่อน ถึงจะลงไปแช่ได้ แต่ไม่ว่าจะไปแช่บ่อน้ำร้อนที่ไหนก็ตาม ทิวทัศน์ที่มองเห็นก็จะงดงามมากจนได้รับการจัดอันดับโดยนักวิจารณ์น้ำพุร้อนให้เป็น "โยโกะสึนะแห่งตะวันออก" นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำพุร้อน"อาชิสุเกะออนเซ็น" ที่ว่ากันว่าคนที่เคยมาแช่น้ำที่นี่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บที่เท้าจนหายได้ เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่ไม่มีสีและน้ำใสจนสะท้อนเงาเพียงแห่งเดียวบนเกาะ อีกทั้งเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มนุษย์สร้างขึ้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องระดับอุณหภูมิ จึงสามารถเพลิดเพลินกับบ่อน้ำแร่เหล็กซัลไฟด์แบบเดียวกับจินาตะออนเซ็นได้ตลอดเวลา ใครเป็นสายบ่อน้ำพุร้อนละก็ รับรองว่ามาเกาะชิคิเนะจิมะแล้วจะไม่ผิดหวังแน่นอน!
วิธีเดินทางไป「เกาะชิคิเนะจิมะ」
เนื่องจากไม่มีเที่ยวบินตรง หากต้องการไปที่เกาะชิคิเนะจิมะ จะต้องไปลงที่สนามบินโชฟุ บนเกาะชินิจิมะก่อน แล้วค่อยนั่งเรือต่อ「NISHIKI站」รอบเรือที่มุ่งหน้าไปยังเกาะชิคิเนะจิมะจะมี 3 รอบต่อวัน นอกจากนี้บริษัทเรือยังมีเส้นทางและตารางเวลาโดยละเอียดสำหรับการเดินทางไปยังโอชิมะ โทชิมะ โคซุชิมะ โดยสามารถเช็กรายระเอียดได้ที่เว็บทางการ。
วิธีเดินทาง | ระยะเวลา | รอบ | สถานีต้นทาง | สถานีปลายทาง | ซื้อตั๋วได้ที่เว็บไซต์ |
เครื่องบิน | ปะรมาณ40นาที | ในหนึ่งวัน มีรอบไป-กลับ4รอบ | สนามบินโชฟุ | สนามบินนิจิมะ | บริษัทNew Central Airservice |
เรือ | ประมาณ 2 ชั่วโมง 25 นาที(เรือเร็วเฟอร์รี่) | มีรอบไปกลับวันละรอบ | สะพานโตเกียวทาเคชิบะ | ท่าเรือชิกิเนจิมะ | บริษัทTokai Kisen |
เกาะโคซูชิมะ:เกาะลึกลับอันเป็นที่รวมตัวของเทพเจ้า พร้อมอุทยานท้องฟ้าที่คุณจะได้เพลิดเพลินกับดวงดาวบนท้องฟ้าอันงดงาม
แหล่งที่มาภาพ:©TCVB
เกาะโคซูชิมะตั้งอยู่ใจกลางหมู่เกาะอิซุ ว่ากันว่าเมื่อนานมาแล้ว เทพเจ้าแห่งหมู่เกาะอิซุมารวมตัวกันที่นี่เพื่อหารือเกี่ยวกับการกระจายน้ำในเกาะอิซุ ด้วยตำนานโบราณนี้ ทำให้ที่นี่ไม่เพียงแต่มีน้ำทะเลที่ใสสะอาดที่สุดในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ "น้ำแร่ทาโกะ" ของเกาะนี้ยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 57 น้ำแร่อันโด่งดังของโตเกียวอีกด้วย เมื่อไปเยือนเกาะโคซูชิมะก็สามารถเพลิดเพลินกับการเล่น้นำที่ชายฝั่งนางาฮามะที่มีน้ำทะเลใสและทรายขาว หรือดำน้ำตื้นที่เส้นทางอากาซากิยอดนิยมเพื่อชมโลกใต้ทะเลอันอุดมสมบูรณ์ได้
นอกจากเล่นน้ำแล้ว เดินป่าก็ยังเป็นอีกกิจกรรมที่พลาดไม่ได้ ที่แห่งตอบโจทย์ทั้งขึ้นเขาลงน้ำ โดยสามารถปีนขึ้นไปบนจุดชมวิวบน "ภูเขาเท็นโจ" เพื่อเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของเกาะทั้งหมด ในวันที่อากาศแจ่มใสก็จะมองเห็นเกาะเล็กๆ น้อยๆ ของหมู่เกาะอิซุและภูเขาไฟฟูจิจากที่ไกลๆ ได้อีกด้วย อีกทั้งบนยอดเขายังมี "บ่อน้ำฟูโด" รูปหัวใจ และยังมีเขตทะเลทรายที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟสองแห่ง ได้แก่ "ทะเลทรายโอโมเตะ(Omote Desert )" และ "ทะเลทรายอุราสะบากุ (Urasabaku Desert)" นอกจากนี้เกาะโคซูชิมะยังมีชื่อที่สวยงามว่า "เกาะแห่งดวงดาวใกล้โตเกียว" และได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสาม "เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืด (Dark Sky Places)" ของโลก ในเวลากลางคืนที่อากาศแจ่มใสก็จะสามารถมองเห็นดวงดาวได้อย่างเต็มท้องฟ้า ดังนั้นอย่าลืมลองปูเสื่อปิกนิกบนชายหาด นอนเอนหลังและจ้องมองดวงดาวที่งดงามจนได้รับการยอมรับระดับโลกดูนะ
วิธีเดินทางไปเกาะโคซุชิมะ
คุณสามารถนั่งเรือโดยสารจากเกาะโคซุชิมะไปยังเกาะโอชิมะ เกาะโทชิมะ เกาะชิคิเนะจิมะ และสถานที่อื่นๆ ได้อีกด้วย สำหรับเส้นทางและตารางเวลาโดยละเอียด โปรดดูที่เว็บทางการ。
วิธีเดินทาง | ระยะเวลา | รอบ | สถานีต้นทาง | สถานีปลายทาง | ซื้อตั๋วได้ที่เว็บไซต์ |
เครื่องบิน | ประมาณ45นาที | มีรอบไป-กลับ วันละ 3รอบ | สนามบินโชฟุ | สนามบิน Kouzushima Airport | สายการบินNew Central Airservice |
เรือ | ประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที(เรือเฟอร์รี่ความเร็วสูง) | มีรอบไป-กลับวันละ1รอบ | ท่าเรือโตเกียวทาเคชิบะ | ท่าเรือโคซูชิมะ | บริษัทTokai Kisen |
เกาะมิยาเกะ:ส่องนกสายพันธุ์หายากและชมโซนหินลาวาสุดตระการตาอย่างใกล้ชิด
ที่มาของภาพ:photo AC
ภูเขาไฟที่อยู่บนเกาะมิยาเกะจิมะยังคุกรุ่นอยู่ โดยคาดว่าจะปะทุในประมาณ 20 ถึง 60 ปี ดังนั้นทั้งเกาะจึงมีภูมิทัศน์ภูเขาไฟที่น่าประทับใจและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในปี 1983 เกิดการปะทุใต้น้ำขึ้น จนกลายเป็นหน้าผาอันเป็นเอกลักษณ์อย่าง "นิพพานะ ชินซัน (Nippana Shinzan)" จุดชมวิวแห่งนี้เป็นการก่อตัวของลาวาสีแดงและสีดำตัดกับสีฟ้าครามที่สวยงามของมหาสมุทรและท้องฟ้า เมื่อปี พ.ศ. 2007 เกาะแห่งนี้ได้สร้างเส้นทางชมวิวจากลาวาที่ไหลจากการปะทุของภูเขาไฟไว้เป็นพิเศษ ที่คุณสามารถมาเดินเล่นเพื่อชมความยิ่งใหญ่ของภูเขาไฟและความมหัศจรรย์ของธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด
เนื่องจากเกาะมิยาเกะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์นกสายพันธุ์หายากอย่างนกอากากกโกะ และมีนกป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้ชื่อว่า "เกาะนก" อีกทั้งยังมี "บ่อน้ำโอจิ"ที่ถูกยกย่องว่ามี "ทิวทัศน์ของหมู่นกที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น" เป็นสถานที่ที่ต้องมาสัมผัสระบบนิเวศของนกป่าที่นี่ อีกทั้งด้วยภูมิประเทศภูเขาไฟ ทำให้มีบ่อน้ำพุร้อนและสัตว์ทะเลชุกชุม ในเกาะมิยาเกะมี "ซาโตะโยโนะเรียวกัง" ที่สามารถทำกิจกรรมได้มากมายไม่ว่าจะเป็นแช่น้ำพุร้อน เล่นน้ำ หรือตกปลาชิลๆ ก็ได้ !
วิธีเดินทางไปเกาะมิยาเกะ
ในเกาะมิยาเกะมีท่าเรืออยู่ 3 แห่ง ได้แก่ท่าเรือ "มิอิเกะ" "ซาบิกาฮามะ" และ "อิกายะ" โดยรอบเทียบท่าหรือออกจากท่าเรือนั้นจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ นอกจากนี้ยังสามารถนั่งเรือโดยสารจากเกาะมิยาเกะไปยังเกาะฮาจิโจได้อีกด้วย สำหรับเส้นทางและตารางเวลาโดยละเอียด สามารถดูได้ที่เว็บทางการของทางบริษัทเรือเว็บทางการ。
วิธีเดินทาง | ระยะเวลา | รอบ | สถานีต้นทาง | สถานีปลายทาง | ซื้อตั๋วได้ที่เว็บไซต์ |
เครื่องบิน | ประมาณ 50 นาที | มีรอบไป-กลับ วันละ 3รอบ | สนามบินโชฟุ | เกาะมิยาเกะ | บริษัทNew Central Airservice |
เรือ | ประมาณ 6 ชั่วโมง 30 นาที(เรือยอร์ชขนาดใหญ่รอบดึก) | มีรอบไป-กลับ วันละ 1รอบ | ท่าเรือโตเกียวทาเคชิบะ | ท่าเรือ"มิอิเกะ" "ซาบิกาฮามะ" และ "อิกายะ" | บริษัทTokai Kisen |
เกาะฮาจิโจ: ว่ายน้ำเล่นกับเต่าทะเลแสนน่ารักในน้ำทะเลสีฟ้าใส "ฮาจิโจบลู"
ที่มาของภาพ:photo AC
ที่เกาะฮาจิโจมีสภาพอากาศเหมือนอยู่ในฤดูร้อนต่อเนื่องเป็นเวลา 10 เดือนต่อปี จนถูกเรียกขาน "เกาะฮาวายญี่ปุ่น" เกาะแห่งนี้รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของภูเขาและทะเล เมื่อมาที่นี่ก็จะรู้สึกเหมือนได้หลีกหนีจากโลกความเป็นจริง จนแทบไม่อยากเชื่อว่ากำลังอยู่ในโตเกียวจริงๆ น้ำทะเลของเกาะฮาจิโจใสและมีสีสันที่สวยงามมาก ดังนั้นผืนทะเลแห่งนี้จึงถูกเรียกว่า "ฮาจิโจบลู" เมื่อมาที่นี่แล้วก็สามารถฝึกดำน้ำตื้น ตกปลาทะเล และทำกิจกรรมในน้ำอื่นๆ ได้มากมาย หากโชคดีล่ะก็ คุณยังสามารถว่ายน้ำเล่นไปกับเต่าทะเลหรือดูหนอนเรืองแสงที่ก้นทะเลพร้อมสนุกไปกับการผจญภัยใต้ท้องทะเลได้อีกด้วย!
เกาะฮาจิโจมีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่สองลูก ภูเขาฝั่งตะวันออกนั้นมีรูปร่างคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิและเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในหมู่เกาะอิซุ จึงมีชื่อเล่นว่า "ฟูจิแห่งฮาจิโจ " ทิวทัศน์อันงดงามที่ได้เห็นหลังจากปีนขึ้นไปบนยอดแล้ว จะต้องเป็นวิวที่คุณไม่มีวันลืมแน่นอน เมื่อเปรียบเทียบกับเกาะอื่นๆ ในหมู่เกาะอิซุ เกาะฮาจิโจทางใต้มีพันธุ์ไม้เขตร้อนและกึ่งเขตร้อนมากมาย การออกสำรวจป่าลับก็ถือว่าเป็นกิจกรรมยามว่างที่ไม่เลว หรืออยากจะแช่น้ำผ่อนคลายในบึงกำมะถัน น้ำตก หรือน้ำพุร้อนก็ได้เช่นกัน การเดินทางของเกาะฮาจิโจก็สะดวกครบครันมากไม่ว่าจะเช่ารถ ขี่จักรยาน ขึ้นรถบัส หรือเดินไปรอบๆ เกาะฮาจิโจ ก็วางแผนการเดินทางได้ง่ายๆ
วิธีเดินทางไปเกาะฮาจิโจ
บนเกาะฮาชิโจมีท่าเรือสองแห่ง ได้แก่ "ท่าเรือซูซูโกะ" และ "ท่าเรือยาเก็น" โดยจะเทียบท่าและออกจากท่าเรือที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ จากเกาะฮาจิโจยังสามารถนั่งเรือไปยังเกาะมิยาเกะ, โอชิมะ, โทชิมะ และที่อื่นๆ ได้อีกด้วย สำหรับเส้นทางและตารางเวลาอย่างละเอียด สามารถดูได้ที่บริษัทเว็บทางการ。
วิธีเดินทาง | ระยะเวลา | รอบ | สถานีต้นทาง | สถานีปลายทาง | ซื้อตั๋วได้ที่เว็บไซต์ |
เครื่องบิน | ประมาณ 55 นาที | มีรอบไป-กลับ วันละ 3รอบ | สนามบินฮาเนดะ | สนามบินฮาจิโจจิมะ | ANA SKY WEB |
เรือ | ประมาณ10ชั่วโมง20นาที(เรือยอร์ชขนาดใหญ่รอบดึก) | มีรอบไป-กลับ วันละ 1รอบ | ท่าเรือโตเกียวทาเคชิบะ | ท่าเรือคามินาโตะหรือท่าเรือเยเกน | บริษัทTokai Kisen |
แม้ว่าหมู่เกาะอิซุจะตั้งอยู่ในเขตโตเกียว แต่ก็ปราศจากความวุ่นวาย แสงสีและเสียงรบกวนจากโตเกียวจะไม่มีวันเดินทางมาถึง คุณจะสามารถเพลิดเพลินไปกับการพักผ่อนที่ผ่อนคลายในวันหยุดได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งในแต่ละเกาะก็มีจุดเด่นของตัวเองและมีกิจกรรมไม่น้อยให้ลองไปสัมผัส ครั้งต่อไปที่มาญี่ปุ่น คุณอาจจะแบ่งเวลาสักสองสามวันมาสัมผัสกับโตเกียวที่แตกต่างออกไปก็ได้นะ
採訪撰文:Anita 2024.02
責任編輯:Kay 2024.02