"ภูเขาฟูจิ" สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในใจชาวญี่ปุ่น ถึงขนาดมีคำกล่าวว่า "ถ้าเติบโตมาพร้อมกับการมองเห็นภูเขาฟูจิ คุณจะกลายเป็นคนที่มีจิตใจกว้างขวางแน่นอน!" นี่คือคำพูดของนางเอกในละครญี่ปุ่นเรื่องหนึ่ง วันนี้ "JapaiJAPAN" เลยจะพาทุกคนเดินเที่ยวรอบ ๆ เชิงเขาฟูจิ ชมความงามของภูเขาฟูจิจากทุกมุมมอง ทุกช่วงเวลาและทุกฤดูกาลกันให้จุก ๆ ไปเลย!
ทะเลสาบทั้งห้าแห่งฟูจิ
ทะเลสาบฟูจิทั้งห้าเป็นทะเลสาบภูเขาไฟที่อยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิและเป็นจุดที่เหมาะที่สุดสำหรับการชมวิวภูเขาไฟฟูจิ เมื่อคุณขับรถเลียบริมทะเลสาบ ภาพของภูเขาไฟฟูจิที่สะท้อนบนผิวน้ำระยิบระยับจะยิ่งเพิ่มความงดงามให้กับทัศนียภาพ แต่ละทะเลสาบมีเสน่ห์และจุดเด่นที่น่าสนใจแตกต่างกันไป ใครเห็นจะต้องประทับใจแน่นอน!
ภูเขาไฟฟูจิสุดอลังการที่สะท้อนในทะเลสาบยามานากะ
ภูเขาฟูจิสุดอลังการที่ทะเลสาบโมโตสุ
ทะเลสาบคาวากุจิโกะ
ทะเลสาบคาวากุจิโกะเป็นศูนย์กลางของทะเลสาบฟูจิทั้งห้า และเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดีที่สุด สามารถเดินทางจากชินจูกุโดยรถบัสใช้เวลาเพียงกว่าชั่วโมงเท่านั้น หลายคนใช้คาวากุจิโกะเป็นฐานในการเดินทางไปยังสถานที่อื่น ๆ ซึ่งทันทีที่ลงจากรถ ก็จะเห็นภูเขาไฟฟูจิโผล่ขึ้นมาด้านหลังสถานีคาวากุจิโกะเมื่อขึ้นกระเช้าคาจิคาจิไปบนเขา ก็จะได้ชมวิวอันงดงามของภูเขาไฟฟูจิ ทุ่งนาและบ้านเรือนที่กระจัดกระจายอยู่เชิงเขาและสวนสนุกฟูจิคิวไฮแลนด์ที่ดูน่าสนุกเมื่อมองจากที่สูง นอกจากนี้ ยังสามารถล่องเรือชมทะเลสาบและชื่นชมภูเขาไฟฟูจิจากบนผิวน้ำ และฝั่งตรงข้ามของทะเลสาบมีโรงแรมน้ำพุร้อนมากมาย บางแห่งมีบริการแช่น้ำพุร้อนแบบไม่พักค้างคืน อีกทั้งยังมี "พิพิธภัณฑ์ดนตรีคาวากุจิโกะ" (Kawaguchiko Music Forest) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอีกแห่งริมทะเลสาบ ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปอันงดงามและคอลเลกชันกล่องดนตรีที่น่าทึ่ง ทำให้นักท่องเที่ยวต้องตะลึงไปกับความสวยงาม
กระเช้าลอยฟ้าเทนโจซังและมาสคอตกระต่ายน่ารัก
ป่าดนตรีริมทะเลสาบคาวากุจิโกะ สวรรค์แห่งความโรแมนติก
ทะเลสาบยามานากะ
ทะเลสาบยามานากะเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาทะเลสาบทั้งห้าแห่งฟูจิ และยังเป็นทะเลสาบที่อยู่สูงที่สุดเหนือระดับน้ำทะเล เมื่อนั่งรถบัสมาลงที่ "สถานีรถบัสอาซาฮิกาโอกะ ยามานากะโกะ" จะสามารถเปลี่ยนไปนั่งรถสะเทินน้ำสะเทินบกรูปฮิปโปที่เป็นเอกลักษณ์ของทะเลสาบยามานากะ หลังจากวิ่งบนถนนสักพัก รถจะพุ่งลงน้ำด้วยเสียงดังสนั่น กลายเป็นเรือนำเที่ยวในพริบตา! หากลงที่ "ป้ายรถบัสอาซาฮิกาโอกะ" ก็สามารถนั่งเรือหงส์ขนาดใหญ่ได้ ในทะเลสาบยามานากะมีหงส์และเป็ดมากมาย บ่อยครั้งที่ก็จะได้เห็นภาพน่ารักของหงส์น้อยเคียงข้างหงส์ใหญ่ และที่สวนฮานะโนะมิยาโกะริมทะเลสาบก็ยังเป็นจุดชมวิวภูเขาฟูจิที่สวยงามมาก ในสวนมีดอกไม้บานสะพรั่งตลอดสามฤดู ยกเว้นฤดูหนาว ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความงามของดอกไม้ควบคู่ไปกับการชมภูเขาอันยิ่งใหญ่
ฝูงหงส์รวมตัวกันที่ทะเลสาบยามานากะ
ที่มาของภาพ：เว็บไซต์ทางการของทะเลหงส์ขาว
ทะเลสาบโมสุโกะ
ทะเลสาบโมโตสุโกะเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในบรรดาทะเลสาบทั้งห้า แต่สิ่งที่โด่งดังที่สุดเกี่ยวกับทะเลสาบโมโตสุโกะก็คือ── "ภูเขาฟูจิบนธนบัตร 1,000 เยน" ซึ่งถ่ายจาก "ช่องเขาอาโอมิ" ทางฝั่งเหนือของทะเลสาบโมโตสุโกะนั่นเอง! ถ้ามาเที่ยวทะเลสาบโมโตสุโกะ ให้ลองหยิบธนบัตร 1,000 เยนขึ้นมาเปรียบเทียบภาพบนธนบัตรกับภูเขาฟูจิตรงหน้าดูสิ แม้ว่าการเดินทางไปทะเลสาบโมโตสุโกะจะผ่านเส้นทางที่ต้องปีนเขาเล็กน้อย แต่วิวสวย ๆ ที่มีเฉพาะที่นี่เท่านั้นคุ้มค่ากับการออกกำลังขาแน่นอน!
ทะเลสาบไซโกะ
เนื่องจากมีภูเขาบังอยู่ ทำให้ที่ทะเลสาบไซโกะ สามารถมองเห็นภูเขาฟูจิได้เฉพาะทางฝั่งตะวันตกที่ "เนโกบะฮามะ" เท่านั้น ทะเลสาบไซโกะมีจุดท่องเที่ยวสำคัญ 3 แห่ง สามารถไปผจญภัยที่มหัศจรรย์ทางธรรมชาติอย่าง "ถ้ำน้ำแข็ง" และ "ถ้ำลม" ซึ่งทั้งสองแห่งนี้มีน้ำแข็งตลอดทั้งปี แม้แต่ในช่วงกลางฤดูร้อนก็ยังเย็นสบายมาก ทางตอนใต้มี "ป่าอาโอกิกาฮาระ" ซึ่งเป็นสถานที่ฆ่าตัวตายในตำนานของชาวญี่ปุ่น ทุกปีมีการพบศพเกือบร้อยศพในป่าแห่งนี้ เล่ากันว่าเพราะป่ามีพื้นที่กว้างใหญ่ ผู้ที่ต้องการฆ่าตัวตายจึงเดินทางไกลมาที่นี่ด้วยความคิดที่ว่า "อยากให้ไม่มีใครพบศพของตัวเอง" นักท่องเที่ยวบางคนเล่าว่า "แค่เดินวนเวียนอยู่แถวทางเข้าแต่กลับหลงทางโดยไม่รู้ตัว หาทางกลับไม่เจอ" ถ้าผ่านไปที่นี่ก็ระวังอย่าหลงทางนะ!
ทะเลสาบโชจิ
ทะเลสาบโชจิเป็นทะเลสาบที่เล็กที่สุดในบรรดาทะเลสาบทั้ง 5 แห่ง เมื่อมองไปทางทะเลสาบโชจิ ก็จะเห็นภูเขาไฟฟูจิซ้อนทับกับภูเขาโอมุโระที่อยู่ด้านหน้าและมีความสูงน้อยกว่า ภาพที่เห็นนี้ดูคล้ายกับแม่อุ้มลูกน้อย จึงได้รับการขนานนามว่า "ฟูจิอุ้มลูก" เป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจมากเลยทีเดียว
โอชิโนะ ฮัคไค
โอชิโนะ ฮัคไคคือบ่อน้ำแปดแห่งที่อยู่ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ ทั้งหมดมีต้นกำเนิดจากน้ำใต้ดินที่ไหลออกมาตามธรรมชาติจากภูเขาไฟฟูจิ น้ำในบ่อเหล่านี้มาจากหิมะและฝนที่ตกลงบนยอดเขาไฟฟูจิ ผ่านการกรองโดยธรรมชาติมาเป็นเวลานานหลายปีแล้วสะสมอยู่ใต้ดิน ทำให้น้ำมีความใสสะอาดบริสุทธิ์ มีปลาหลากหลายชนิดว่ายอยู่ในน้ำสีฟ้าใสที่ดูลึกลับ โอชิโนะ ฮัคไคได้รับการขนานนามว่าเป็น "น้ำพุศักดิ์สิทธิ์" นอกจากนี้ที่เรียวกังอิเคโมโตะ ซึ่งอยู่ใกล้กับบ่อน้ำ ยังมีน้ำพุจากภูเขาไฟฟูจิที่ไหลออกมาตามธรรมชาติ เชื่อกันว่าถ้าดื่มน้ำนี้จะทำให้อายุยืนนะ!
บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ
น้ำสวยใสราวกระจก มองทะลุถึงก้นสระ
สวนสนุกฟูจิคิว ไฮแลนด์
ที่มาของภาพ：เว็บไซต์ทางการของสวนสนุกฟูจิคิว ไฮแลนด์
ถ้าอยากจะกรี๊ดให้สุดเสียง บอกเลยว่าที่นี่ตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน! สวนสนุกในโตเกียวส่วนใหญ่เป็นระดับเบา ๆ แบบดิสนีย์แลนด์ คนที่ชอบความตื่นเต้นมักจะยังไม่ค่อยสะใจเท่าไหร่ แต่ที่สวนสนุกฟูจิคิวไฮแลนด์ที่อยู่ข้างภูเขาไฟฟูจินั้น มีรถไฟเหาะที่มีความต่างระดับมากที่สุดในโลกที่ สูงถึง 79 เมตร! นอกจากนี้ยังมีรถไฟเหาะความเร็วสูงที่มีอัตราเร่งและแรงโน้มถ่วงมากที่สุดในโลก รวมถึงบ้านผีสุดหลอนที่จะทำให้ได้สัมผัสความตื่นเต้นแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน รับรองว่าจะทำให้เพื่อน ๆ ที่ชอบความท้าทายได้สนุกสุดเหวี่ยงอย่างแน่นอน!
ปีนเขา
หากใครอยากพิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิ จะต้องรีบหน่อยนะ เพราะคนทั่วไปสามารถขึ้นไปได้เฉพาะในช่วงเปิดฤดูกาลปีนเขาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนกันยายนเท่านั้น การปีนเขาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เชื่อเถอะว่าพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดเขานั้นสวยงามตระการตาจนทำให้ประทับใจไปอีกนาน! สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเลือกปีนเขาด้วยตัวเองหรือเลือกไปกับทัวร์ท้องถิ่นก็ได้ แต่ถ้ายังไม่มีประสบการณ์ในการปีนเขามาก่อน แนะนำให้ไปกับทัวร์ที่มีไกด์นำทางและเช่าอุปกรณ์จากบริษัททัวร์จะดีกว่า เพราะภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครก็จะพิชิตได้นะ!
พระอาทิตย์ขึ้นบนยอดภูเขาไฟฟูจิ
ศาลเจ้าที่อยู่ใกล้สวรรค์ที่สุด
ถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิยังไงให้สวยเป๊ะ! มาดูกันเลย!
ภูเขาไฟฟูจิกลับหัว
ภูเขาไฟฟูจิกลับหัว
ภูเขาไฟฟูจิกลับหัว หรือที่เรียกว่า "ฟูจิกลับด้าน" นั้นคือภาพสะท้อนของภูเขาไฟฟูจิบนผิวน้ำในทะเลสาบ แต่จะเห็นได้เฉพาะในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสและผิวน้ำนิ่งสงบเท่านั้น ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างทั้งแสง ทิศทางลม และอื่น ๆ จึงถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก แต่สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว วิธีที่สะดวกที่สุดคือหาพักที่โรงแรมฝั่งตรงข้ามของทะเลสาบคาวากุจิโกะ แล้วถ่ายภาพจากฝั่งตรงข้ามในช่วงเช้าตรู่ที่ท้องฟ้าเริ่มสว่าง จะมีโอกาสได้ภาพสะท้อนที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดแน่นอน
ภูเขาไฟฟูจิสีแดงเพลิง
ภูเขาไฟฟูจิสีแดงเพลิง
ภูเขาไฟฟูจิสีแดงเพลิง เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายฤดูร้อนถึงต้นฤดูใบไม้ร่วง เมื่อแสงอาทิตย์ยามเช้าส่องกระทบยอดภูเขาไฟฟูจิ ทำให้ภูเขาเปล่งประกายสีแดงสวยงาม การชมภาพนี้ต้องอาศัยสภาพอากาศที่แจ่มใส แสงแดดส่องตรงยอดเขา และฝนตกในคืนก่อนหน้า เพื่อให้แสงอาทิตย์สามารถย้อมหินบนยอดเขาให้เป็นสีแดงได้ โอกาสที่จะได้เห็นภาพนี้มีไม่กี่วันต่อปีเท่านั้น ทะเลสาบโมสึโกะและทะเลสาบยามานากาโกะทางฝั่งตะวันออกของภูเขาไฟฟูจิเป็นจุดชมวิวที่มีโอกาสเห็นภาพนี้ได้มากที่สุด
ฟูจิแดง
แอปเปิ้ลฟูจิแดง
ที่มาของภาพ：photo-ac
ในยามเช้าของฤดูหนาว เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น แสงอาทิตย์จะย้อมหิมะบนยอดภูเขาฟูจิให้เป็นสีแดง ภาพอันงดงามนี้เรียกว่า "ฟูจิแดง" แม้จะเรียกว่าฟูจิแดง แต่สีที่เห็นจริง ๆ จะออกไปทางชมพูมากกว่า แม้จะต้องอาศัยสภาพอากาศที่แจ่มใส แต่ก็มีโอกาสเห็นได้ง่ายกว่า "ฟูจิแดงเพลิง" นะ สามารถถ่ายภาพสวย ๆ นี้ได้จากฝั่งทะเลสาบยามานากาโกะเลยล่ะ ถ้าได้เห็นก็อย่าลืมเก็บภาพความประทับใจนี้ให้เยอะ ๆ กันนะ
ฟูจิเพชรเม็ดงาม
ฟูจิเพชรเม็ดงาม
ที่มาของภาพ：photo-ac
ฟูจิเพชรเม็ดงาม คือปรากฏการณ์การหักเหของแสงที่ทำให้ดวงอาทิตย์ทับซ้อนกับยอดภูเขาฟูจิ ดูราวกับเพชรเม็ดงามประดับอยู่บนยอดเขาฟูจิ ซึ่งมีโอกาสชมความงามอันน่าทึ่งนี้ได้ในช่วงไม่กี่วันก่อนและหลังวันเหมายัน(วันที่กลางวันสั้นที่สุดในรอบปี) โดยเฉพาะที่ทะเลสาบยามานากะหรือทะเลสาบทานุกิในจังหวัดชิซุโอกะ แนะนำให้มาเยือนญี่ปุ่นในช่วงนี้และสัมผัสกับภาพมหัศจรรย์ที่หาชมได้ยากนี้กันให้ได้นะ
ฟูจิไพร์ล
ฟูจิไพร์ล
ที่มาของภาพ：photo-ac
ฟูจิไพร์ล เป็นภาพพระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นอยู่เหนือยอดภูเขาไฟฟูจิพอดิบพอดี แสงจันทร์นวลละมุนโอบล้อมภูเขาไฟฟูจิ ราวกับไข่มุกประดับอยู่บนยอดเขา การถ่ายภาพวิวสวย ๆ แบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ต้องมีท้องฟ้าแจ่มใส แถมยังต้องคำนวณมุมและตำแหน่งของดวงจันทร์อีก... โอกาสที่จะได้เห็นภาพแบบนี้มีมากที่สุดแถว ๆ คาบสมุทรมิอุระและคาบสมุทรโบโซ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่ห้ามพลาดเลยล่ะ
การเดินทางรอบ ๆ ภูเขาไฟฟูจิ
การขับรถเที่ยวเอง
เนื่องจากการเดินทางรอบ ๆ ภูเขาฟูจิไม่ค่อยสะดวกสบายนัก โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่อากาศหนาวจัด ถ้าไม่ระวังอาจต้องรอรถบัสจนรู้สึกว่านิ้วเท้าชาไปหมด ดังนั้นขอแนะนำให้เดินทางจากใจกลางโตเกียวโดยรถบัสด่วนไปยังสถานีคาวากุจิโกะ แล้วเช่ารถขับเอง ที่หน้าสถานีคาวากุจิโกะจะมีร้านเช่ารถ 2 แห่ง พนักงานสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษง่าย ๆ ได้ และสามารถจองรถล่วงหน้าทางออนไลน์ได้ด้วย แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ การขับรถในญี่ปุ่นจะเป็นการขับรถชิดขวา และป้ายจราจรบางส่วนเป็นภาษาญี่ปุ่น ดังนั้นหากไม่ชำนาญในการขับรถ แนะนำให้ใช้บริการขนส่งสาธารณะ เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุในต่างแดน
ข้อมูลการเช่ารถ : ใกล้ทะเลสาบคาวากุจิโกะมีร้านเช่ารถสองแห่งที่น่าสนใจ คือ Nippon Rental Car และ Toyota สาขาฟูจิคาวากุจิโกะทั้งสองร้านอยู่ห่างจากสถานีรถไฟไม่ถึง 5 นาที สะดวกมากเลยทีเดียว ใครสนใจก็อย่าลืมจองเวลารับรถและคืนรถออนไลน์ล่วงหน้าเพื่อการเดินทางที่ราบรื่นด้วยนะ
・Nippon rental car
・Toyota สาขาฟูจิคาวากุจิโกะ
รถบัส
ในบริเวณทะเลสาบคาวากุจิโกะ คุณสามารถเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดได้โดยการนั่ง"RETORO BUS" รถบัสสีเหลืองสไตล์ย้อนยุคที่น่ารักมาก ๆ หากคุณต้องการเที่ยวชมบริเวณทะเลสาบคาวากุจิโกะและทะเลสาบไซโกะแบบสบาย ๆ 2 วัน แนะนำให้ซื้อตั๋วรถบัสท่องเที่ยวรอบทะเลสาบคาวากุจิโกะและทะเลสาบไซโกะแบบ 2 วันของบริษัท Fuji Yamanashi Bus ในราคาเพียง 1,500 เยน จะสามารถนั่งรถ RETORO BUS และรถบัสสายทะเลสาบไซโกะได้ไม่จำกัด หากอยากขยายการเดินทางไปยังพื้นที่อื่น ๆ บริษัท Fuji Kyuko Bus ยังมีตั๋วรถบัสท่องเที่ยวรอบฟุจิโยชิดะ/โอชิโนะฮักไก/ทะเลสาบยามานากาโกะแบบ 2 วัน ในราคาเพียง 1,500 เยนเช่นกัน ซึ่งจะพาไปยังทะเลสาบยามานากาโกะ หมู่บ้านโอชิโนะฮักไกและทะเลสาบคาวากุจิโกะได้อย่างสะดวกสบาย
รถบัสสีเหลืองสุดคลาสสิก
ที่มาของภาพ：เว็บไซต์ทางการขององค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดยามานาชิ
รถบัสฟูจิคิว
ที่มาของภาพ：เว็บไซต์ทางการของรถบัสฟูจิคิว
การเที่ยวภูเขาไฟฟูจิเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด หลังจากอ่านบทความแนะนำภูเขาไฟฟูจิจบแล้ว ทุกคนคงรู้จักและสนใจภูเขาไฟฟูจิในตำนานมากขึ้นใช่ไหมล่ะ? ครั้งหน้าที่วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นแบบอิสระ อย่าลืมแวะไปเที่ยวภูเขาไฟฟูจิสักครั้งนะ รับรองว่าจะเป็นทริปสั้น ๆ ที่น่าประทับใจแน่นอน!