โดยส่วนใหญ่แล้ว เมื่อมาโตเกียว นักเดินทางส่วนใหญ่มักเลือก สนามบินนาริตะ เป็นจุดแลนด์ดิ้ง ที่สามารถเดินทางเข้าเมืองโตเกียวได้ภายในเวลา 40 นาที และยังสามารถเดินทางไป ภูเขาไฟฟูจิ ทะเลสาบคาวากุจิโกะ คารุอิซาวะ โยโกฮาม่า ได้อีกด้วย การเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสายรถไฟถือว่าเป็นอะไรที่สะดวกสบายสุดๆ บทความนี้ "Japai Japan" เลยจะมาสรุปวิธีการเดินทางจากสนามบินนาริตะไปยังสถานที่ยอดฮิตในเขตชานเมืองของโตเกียว รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องแวะในแต่ละที่ งานนี้บอกได้เลยว่าห้ามพลาด
3 พื้นที่แนะนำที่เดินทางได้ง่ายจากสนามบินนาริตะ:
.ภูเขาไฟฟูจิ / ทะเลสาบคาวากุจิโกะ
.โยโกฮาม่า
.คารุอิซาวะ
แผนที่สนามบินนาริตะและพื้นที่โดยรอบ
"สนามบินนาริตะ" เปิดทำการในปี 1978 ที่เมืองนาริตะ จังหวัดชิบะ เป็นสนามบินนานาชาติหลักของโตเกียว เที่ยวบินระหว่างประเทศส่วนใหญ่เข้าและออกจากที่นี่ ว่ากันว่าความจุผู้โดยสารของสนามบินนาริตะนั้นใหญ่เป็นอันดับสองในญี่ปุ่น รองจากสนามบินฮาเนดะ หลังจากมาถึงสนามบินนาริตะแล้ว ผู้โดยสารสามารถเลือกรถประจำทางหรือรถไฟเพื่อเข้าไปยังตัวเมืองโตเกียวได้ หรือถ้าหากต้องการตรงไปยังสถานที่ท่องเที่ยวในเขตชานเมืองของโตเกียว ก็ยังมีขนส่งสาธารณะสายตรงอื่นๆ ที่แสนจะสะดวกสบาย ทำให้คุณสามารถออกสตาร์ทการเดินทางได้ทันที!
3 พื้นที่แนะนำที่เดินทางได้ง่ายจากสนามบินนาริตะ
ภูเขาไฟฟูจิ / ทะเลสาบคาวากุจิโกะ
“ภูเขาไฟฟูจิ” ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในจิตใจของคนญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต่างกระตือรือร้นที่จะไปเยี่ยมเยือน หากคุณต้องการไปชมภูเขาไฟฟูจิ สถานที่แรกที่เราอยากแนะนำคือบริเวณ “ทะเลสาบทั้งห้าแห่งฟูจิ” ซึ่งเป็นบริเวณรอบเชิงเขาฟูจิ สามารถจัดทริปไปกลับหนึ่งวันได้ หรือจะเป็นทริปสั้นๆ 2 ถึง 3 วัน ก็เหมาะมากๆ เพราะมีโรงแรมน้ำพุร้อนและจุดชมวิวมากมายในบริเวณโดยรอบคอยต้อนรับอยู่
ภูเขาไฟฟูจิ / ทะเลสาบคาวากุจิโกะ
【ปักหมุด ①】ทะเลสาบคาวากุจิโกะ
"ทะเลสาบคาวากุจิโกะ" เป็นศูนย์กลางของ "ทะเลสาบทั้งห้าแห่งฟูจิ" เนื่องจากทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิจากทะเลสาบคาวากุจิโกะนั้นสมบูรณ์ที่สุด วันไหนที่อากาศแจ่มใสเราจะสามารถถ่ายภาพ "ฟูจิสะท้อนกลับ" แบบคลาสสิกได้จากเงาสะท้อนที่เหมือนกระจกในทะเลสาบ ดังนั้นทะเลสาบคาวากุจิโกะจึงดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายนับไม่ถ้วนอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวมากมายรอบๆ บริเวณทะเลสาบ เช่น สวนเท็นโจยามะ พิพิธภัณฑ์ศิลปะทะเลสาบคาวากุจิโกะ พิพิธภัณฑ์ชีวิตธรรมชาติทะเลสาบคาวากุจิโกะ เป็นต้น ควรค่าแก่การเยี่ยมชมอย่างละเอียด หากคุณไม่รีบล่ะก็ เราขอแนะนำให้พักที่นี่หนึ่งคืนเพื่อที่คุณจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพของทะเลสาบคาวากุจิโกะตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงยามค่ำคืน หรือในฤดูใบไม้ผลิ ทะเลสาบคาวากุจิโกะก็ยังเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการชมดอกซากุระและใบเมเปิ้ลอีกด้วย!
【ปักหมุด ②】ศาลเจ้า Kawaguchi Asama
"ศาลเจ้า Kawaguchi Asama" ตั้งอยู่ที่เชิงเขาทางตอนเหนือของภูเขาไฟฟูจิ ถูกสร้างขึ้นในปีหลังจากการปะทุครั้งใหญ่ของภูเขาไฟฟูจิในญี่ปุ่น โดนมีเป้าประสงค์หวังเอาใจเทพเจ้าแห่งภูเขาไฟ ที่นี่ยังได้รับเลือกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลกอีกด้วย นอกจากนี้ยังมี "เสาโทริอิลอยฟ้า" สีแดงตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังศาลเจ้าโดยมีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง ทิวทัศน์อันงดงามและศักดิ์สิทธิ์ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเช่นกัน
【ปักหมุด ③】Oshino Hakkai
"โอชิโนะฮักไก" เป็นหมู่บ้านที่ประกอบด้วยสระน้ำ 8 สระ ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบคาวากุจิโกะและทะเลสาบยามานากะ โดยค่อยๆ พัฒนาขึ้นหลังการปะทุครั้งใหญ่ของภูเขาไฟฟูจิระหว่างปีคริสตศักราช 800 ถึง 802 น้ำจากหิมะจากภูเขาไฟฟูจิที่ไหลผ่านแนวหินมานานหลายทศวรรษ ได้รับการกรองมาเป็นเวลาหลายปีจนกลายเป็นน้ำพุใสที่นี่ นอกจากนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติแห่งชาติและยังเป็นหนึ่งใน 100 บ่อน้ำที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นอีกด้วย ทิวทัศน์ที่เงียบสงบงดงามนี้ทำให้ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกหลงใหลมานักต่อนัก
【ปักหมุด ④】Fuji-Q Highland
"Fuji-Q Highland" ตั้งอยู่ที่เชิงเขาภูเขาไฟฟูจิ มีชื่อเสียงจากเครื่องเล่นหวาดเสียวที่ได้ชื่อว่า "Scream Machine" เช่น รถไฟเหาะ "FUJIYAMA" ที่ได้รับการบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ถึง 4 รายการ บ้านผีสิงสุดสยองในธีมโรงพยาบาลร้าง และสไลเดอร์ที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น ผู้เล่นที่ชื่นชอบการท้าทายขีดจำกัดของประสาทสัมผัสไม่ควรพลาด นอกจากนี้ยังมีของเล่นเสมือนจริง "Fuji Airways" ในพาร์คที่มักจะมีการ Collaboration กับอนิเมะยอดนิยม หากใครไม่อยากพลาดก็อย่าลืมเช็คข้อมูลกันดีๆล่ะ!
วิธีเดินทางไปภูเขาไฟฟูจิ / ทะเลสาบคาวากุจิโกะ จากนาริตะ
【วิธีที่ ① 】รถบัสสายตรง
หากต้องการไปทะเลสาบคาวากุจิโกะโดยตรงหลังจากลงเครื่องบินที่สนามบินนาริตะแล้ว คุณสามารถขึ้นรถบัสทางหลวงที่ดำเนินการโดย "Keisei Bus" ได้ ตารางเวลาใหม่จะออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2023 ปัจจุบันมีเพียงรอบเดียวเท่านั้น ซึ่งจะออกเดินทางเวลา 10.25 น. จากอาคารผู้โดยสาร 3, 2 และ 1 ของสนามบินนาริตะ ตามลำดับ และเดินทางถึง "ฟูจิคิวไฮแลนด์", "สถานีฟูจิ" และสถานีปลายทาง "สถานีคาวากุจิโกะ" การจองทางเว็บไซต์。
【วิธีที่ ②】รถไฟ + รถไฟ
อีกวิธีหนึ่งคือการเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟ ขั้นแรกโดยสาร "Narita Express / N’EX" จากสนามบินนาริตะตรงไปยังชินจูกุ จากนั้นจึงเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟด่วนพิเศษ JR "Fuji Express" ที่จะเดินทางตรงไปยังทะเลสาบคาวากุจิโก หากแต่ Fuji Express จะออกเดินทางจากชินจูกุเพียงสามครั้งต่อวันในวันธรรมดา และวันละสี่เที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์ โดยทั้งหมดจะเน้นเป็นเวลาในช่วงเช้า หากคุณไม่สามารถขึ้น Fuji Express ได้ คุณสามารถนั่งรถไฟ JR "Kaiji" ไปลงที่สถานี "โอสึกิ" จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟด่วนพิเศษสายฟูจิคิวไปยังทะเลสาบคาวากุจิโกะได้
☞ สอบถามรอบ Narita Express
・Klook สนามบินนาริตะ อาคารผู้โดยสาร 1 → ชินจูกุ
・Klook ชินจูกุ → สนามบินนาริตะ อาคารผู้โดยสาร 1
・Klook สนามบินนาริตะ อาคารผู้โดยสาร 1 → ชิบูย่า
・Klook ชิบูย่า → สนามบินนาริตะ อาคารผู้โดยสาร 1
【วิธีที่ ③】รถไฟ + รถบัส
วิธีที่สามคือนั่ง "Narita Express" ตรงไปยังชินจูกุ จากนั้นจึงเปลี่ยนไปขึ้น "รถบัสด่วนพิเศษ" จากชินจูกุไปยังทะเลสาบคาวากุจิโกะโดยตรง เมื่อเปลี่ยนรถ คุณต้องออกจากทางออก "South Exit" ของสถานี JR ชินจูกุ และคุณจะเห็นสถานีขนส่ง Shinjuku Expressway Bus Terminal ที่คุณสามารถขึ้นรถบัสฟูจิคิว "สาย Fujigoko" เพื่อไปยังทะเลสาบคาวากุจิโกะได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อความชัวร์ คุณสามารถเข้าไปดู ตาราง เวลาเดินรถได้ เพื่อง่ายต่อการวางแผนการเดินทางมากขึ้น
【วิธีที่ ④】เช่ารถ
หากคุณต้องการไปคาวากุจิโกะโดยรถยนต์ส่วนตัว แน่นอนว่าไม่มีปัญหาใดๆ เพราะมีเคาน์เตอร์ของบริษัทเช่ารถรายใหญ่ตั้งอยู่ที่อาคารผู้โดยสารที่ 1 และ 2 ของสนามบินนาริตะ จะมีเคาน์เตอร์รับรถของคุณเมื่อคุณมาถึงสนามบิน ข้อดีของการขับรถด้วยตนเองคือคุณสามารถแวะเยี่ยมชมจุดชมวิวต่างๆ ในพื้นที่ได้อย่างง่ายดาย คุณจึงสามารถจัดแผนการเดินทางได้ตามต้องการ อย่างไรก็ตาม ค่าเช่ารถยนต์ (ขั้นต่ำสองวันหนึ่งคืน) และจากทะเลสาบคาวากุจิโกะ ต้องเสียค่าผ่านทาง หากมากันเป็นครอบครัวหรือมากกว่า 4 คนก็แนะนำให้เช่ารถเพื่อความคุ้มค่า
การคมนาคม | กำหนดการ / เวลา | เวลาเดินทาง | ค่าโดยสารเที่ยวเดียว |
รถบัสสายตรง | Keisei Bus | ประมาณ 3.5~4 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร) | ตั๋วเต็ม 5,000 เยน ตั๋วเด็ก 1,000 เยน |
รถไฟ + รถไฟ (1 รอบ) | เส้นทาง: สนามบินนาริตะ — (นั่งรถไฟ Narita Express ประมาณ 100 นาที) — ชินจูกุ —(นั่งรถ รถไฟ Fuji Express ประมาณ 116 นาที) – ทะเลสาบคาวากุจิโกะ | ประมาณ 3 ชั่วโมง 40 นาที | 7,600 เยน |
รถไฟ + รถไฟ (เปลี่ยนรถ 2 เที่ยว) | เส้นทาง: สนามบินนาริตะ - (นั่งรถไฟ Narita Express ประมาณ 100 นาที) - ชินจูกุ - (นั่งรถไฟ JR "Kaiji" ประมาณ 1 ชั่วโมง) - Otsuki (นั่งรถไฟสาย Fujikyu ประมาณ 1 ชั่วโมง) - ทะเลสาบคาวากุจิโกะ | 3.5~4 ชั่วโมง | 7,000 เยน |
รถไฟ + รถบัส | เส้นทาง: สนามบินนาริตะ — (นั่งรถไฟ Narita Express ประมาณ 100 นาที) — ชินจูกุ— (นั่งรถรถบัสฟูจิคิว ประมาณ 2 ชั่วโมง) - ทะเลสาบคาวากุจิโกะ | 3.5 ~ 4 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรของรถบัส) | รถไฟ 3,250 เยน + รถบัสด่วน (ผู้ใหญ่ 2,000 เยน เด็ก 1,000 เยน) |
เช่ารถและขับเอง | - | ประมาณ 3 ชั่วโมง (ห่างออกไปประมาณ 180~200 กิโลเมตร) |
・เว็บไซต์เปรียบเทียบราคารถเช่า ・สอบถามค่าทางด่วนญี่ปุ่น |
☞ อ่านเพิ่มเติม
・[เที่ยวทะเลสาบคาวากุจิแบบฟรีสไตล์] 10 ที่เที่ยวย่านภูเขาไฟฟูจิ พร้อมมุมถ่ายภาพห้ามพลาด!
・[คาวากุจิโกะ] ลิสต์ของฝากน่าซื้อกว่า 16 รายการ ทั้งขนมปังฟูจิ พุดดิ้ง และแกงกะหรี่แสนอร่อย !
・13 ที่พักแนะนำใกล้ทะเลสาบคาวากุจิโกะแห่งปี 2024 ให้คุณแช่น้ำพุร้อนพลางชมวิวฟูจิแบบสุดชิล
โยโกฮาม่า
"โยโกฮาม่า" เป็นเมืองของจังหวัดคานากาว่าที่อยู่ทางตอนใต้ของโตเกียว เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ยอดนิยมของชาวโตเกียว จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ ท่าเรือโยโกฮาม่าเป็นท่าเรือแห่งแรกในญี่ปุ่นที่เปิดทำการค้า โดยเป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลจากฝั่งตะวันตกโดยตรงตั้งแต่ปลายยุคเอโดะ ทำให้เกิดบรรยากาศท่าเรือที่มีเอกลักษณ์และสไตล์ที่แปลกใหม่ เมื่อมาเยือนเมืองโยโกฮาม่า ไม่ว่าคุณต้องการไปช้อปปิ้ง จัดแผนการเดินทางสำหรับครอบครัว หรือสัมผัสศิลปะและวัฒนธรรม รับรองว่าที่นี่จะมีสถานที่เดินเล่นและจับจ่ายซื้อของมากมายให้คุณได้เลือกสรร!
สถานที่ท่องเที่ยวโยโกฮาม่า
【ปักหมุด ①】Minatomirai 21
"โยโกฮาม่า มินาโตะมิไร 21" คือบริเวณสถานที่กลางแจ้งและอาคารสูง มีศูนย์กลางอยู่ที่สถานีมินาโตะมิไรและสวนสาธารณะ Rinko Park ซึ่งหันหน้าไปทางฝั่งอ่าวทะเลโตเกียว ซึ่งรวมถึงโยโกฮาม่าแลนด์มาร์คทาวเวอร์ โยโกฮาม่าสเปซเวิลด์ โอฟุนะนิปปอนมารุ พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีมิตซูบิชิ มินาโตะมิไร และสถานที่สำคัญอื่นๆ อาคารต่างๆ ที่ว่านี้ มีทั้งแหล่งช้อปปิ้ง ความบันเทิง และการพักผ่อนหลายรูปแบบ ถือว่าเป็นไฮไลต์การกินลมชมวิวเมืองที่เป็นจุดเด่นที่สุดของโยโกฮาม่า แสงไฟยามค่ำที่สว่างไสวและภาพวิวทะเลก่อให้เกิดฉากยามค่ำคืนอันมหัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยความงดงามแสนโรแมนติก
【ปักหมุด ②】Red Brick Warehouse
"โกดังอิฐแดง" อันแปลกตาประกอบด้วยโกดังสองแห่งที่สร้างขึ้นในสมัยไทโชและเมจิ สถานที่นี้ถูกใช้เป็นคลังสินค้าทัณฑ์บนในช่วงปีแรกๆ และในปี 2002 ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นอาคารพาณิชย์ ปัจจุบันกลายเป็นห้างขนาดเล็ก ภายในมีร้านขายอาหาร คาเฟ่ และของที่ระลึกหลายสิบร้าน เช่น "Bill" คาเฟ่ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็น "ร้านที่มีอาหารเช้าที่ดีที่สุดในโลก" , "ห้างสรรพสินค้านิปปอน" ที่จำหน่ายสินค้าพิเศษจากจังหวัดต่างๆ ในญี่ปุ่น , ดิสนีย์คาเฟ่ "Disney HARVEST MARKET" ฯลฯ Red Brick Warehouse Square ยังมีตลาดนัด การแสดงแสงสี ฯลฯ ในช่วงเทศกาลพิเศษและกิจกรรมต่างๆ อันเต็มไปด้วยความหลากหลายที่น่าตื่นเต้น
【ปักหมุด ③】GUNDAM FACTORY YOKOHAMA
"GUNDAM FACTORY YOKOHAMA" ซึ่งตั้งอยู่ที่ท่าเรือ Yamashita ในเมืองโยโกฮาม่า เป็นโปรเจ็กต์ที่เปิดตัวด้วยความร่วมมือกับ Yokohama City เนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปีของ "Mobile Suit Gundam" ในปี 2019 ปัจจุบันคาดว่าจะเปิดให้บริการจนถึงฤดูใบไม้ผลิปี 2024 สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือ "Walking Giant Gundam" ที่สูงถึง 18 เมตร สร้างในอัตราส่วน 1:1 ไม่ว่าจะเป็นการงอเข่า หันหัว ก็ไหลลื่นราวกับมีจิตวิญญาณของตัวเอง! ในระหว่างงาน คุณสามารถซื้อของที่ระลึกเกี่ยวกับกันดั้มต่างๆ ได้ หรือลองชิมอาหารรสเลิศที่คาเฟ่กันดั้มก็ไม่ควรพลาด
วิธีเดินทางไปโยโกฮาม่า จากนาริตะ
【วิธีที่ ① 】รถไฟสายตรง
วิธีที่ง่ายที่สุดในการเดินทางจากสนามบินนาริตะไปยังโยโกฮาม่าคือการนั่งรถไฟ “Narita Express (N’EX)” มุ่งหน้าไปยังสถานี “Ofuna” จากนั้นสามารถนั่งตรงไปยังโยโกฮาม่าได้ แต่โปรดทราบว่ารถไฟ Narita Express ไม่ได้ไปโยโกฮาม่าทุกครั้ง มีรถไฟประมาณสองขบวนไปชินจูกุ และอีกหนึ่งขบวนไปโอฟุนะ อย่าลืมเช็คให้ดีก่อนขึ้นรถไฟเพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ขึ้นรถไฟผิดขบวน!
【วิธีที่ ② 】เปลี่ยนสายรถไฟ
ไม่ต้องกังวลหากคุณไม่สามารถขึ้นรถไฟสายตรงได้ เพราะคุณยังสามารถใช้รถไฟทั่วไปเพื่อเปลี่ยนรถไปยังโยโกฮาม่าได้ หากไม่รวมเวลารอสำหรับการเปลี่ยนรถ ระยะเวลาในการเดินทางก็จะไม่ต่างกันเท่าไหร่ จากสนามบินนาริตะ คุณสามารถเลือกใช้บริการ "Narita Express" หรือ "Skyliner" ไปยังตัวเมืองโตเกียว จากนั้นจึงเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสายอื่นที่ตรงไปยังโยโกฮาม่าได้ โดยมีรายละเอียดเส้นทางดังนี้
เส้นทางรถไฟ | เวลาเดินทาง | ค่าโดยสารเที่ยวเดียว |
สนามบินนาริตะ — (ใช้เส้นทาง Narita Express ไป “Ofune” ประมาณ 1.5 ชั่วโมง) — โยโกฮาม่า | ประมาณ 1.5 ชั่วโมง | 4,370 เยน |
สนามบินนาริตะ — (โดย Narita Express ประมาณ 77 นาที) — ชินากาวะ — (โดยสาย JR Yokosuka ประมาณ 23 นาที) — โยโกฮาม่า | ประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที (ไม่รวมเวลารอรถ) | 3,710 เยน |
สนามบินนาริตะ — (โดย Skyliner ประมาณ 66 นาที) — อุเอโนะ — (โดยสาย Ueno Tokyo ประมาณ 35 นาที) — โยโกฮาม่า | ประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที (ไม่รวมเวลารอรถ) | 3,150 เยน |
☞ อ่านเพิ่มเติม
・[เที่ยวโยโกฮาม่าด้วยตัวเอง] รายละเอียดสถานี และทางออกแบบละเอียดยิบ!
คารุอิซาวะ
"คารุอิซาวะ" เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเขตชานเมืองของโตเกียว ด้วยอากาศบริสุทธิ์และทิวทัศน์ของป่าที่เยียวยาจิตใจทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับกำลังท่องเที่ยวอยู่ในหนังสือภาพ! คารุอิซาวะสามารถแบ่งย่อยออกเป็น 5 พื้นที่หลักๆ รอบๆ ได้แก่สถานีคารุอิซาวะ คารุอิซาวะเก่า คารุอิซาว่าตอนกลาง คารุอิซาว่าตอนเหนือ และคารุอิซาวะตอนใต้ แต่ละพื้นที่มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันและเหมาะมากสำหรับการวางแผนเที่ยวค้างคืนด้วยการเดินทางแบบ 2-3 วัน เพื่อดื่มด่ำชื่นชมความงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรมของคารุอิซาวะอย่างเต็มที่
สถานที่ท่องเที่ยวคารุอิซาวะ
【ปักหมุด ①】สระน้ำ Kumoba
"สระน้ำ Kumoba" ที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีคารุอิซาวะมีอีกชื่อหนึ่งว่า "ทะเลสาบหงส์" ทุกๆ ฤดูหนาว คุณจะมีโอกาสเห็นหงส์ว่ายน้ำในทะเลสาบ มีบรรยากาศโรแมนติกจะเห็นได้ชัดเจนตลอดทั้งปี ไม่ว่าคุณจะมาเยือนเมื่อไหร่ ฤดูไหน ก็รูุ้สึกสดชื่น เช่น สีเขียวสดในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ต้นเมเปิลสีแดงในฤดูใบไม้ร่วง และทิวทัศน์ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะในฤดูหนาว ล้วนเป็นทิวทัศน์ชวนฝันที่ไม่ควรพลาด
【ปักหมุด ②】น้ำตก Shiraito
"น้ำตก Shiraito" ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางเหนือของคารุอิซาวะ และสามารถเข้าถึงได้ในเวลาประมาณ 20 นาทีโดยรถบัสจากสถานีคารุอิซาวะ ตัวน้ำตกมีขนาดไม่ใหญ่นัก มีกำแพงหินกว้างประมาณ 70 เมตร และมีความสูงประมาณ 3 เมตร ตั้งอยู่ในหุบเขาที่มีลำธารไหลเชี่ยว มีเหล่าแมลงและนกส่งเสียงร้องตามธรรมชาติ ร่องรอยบนโขดหินที่ราวกับริบบิ้นสีขาวสร้างบรรยากาศเหมือนบทกวีที่แสนงดงาม เป็นสถานที่ที่มีเสน่ห์มากๆ
【ปักหมุด ③】Harunire Terrace
ตั้งอยู่ใน "คารุอิซาวะ โฮชิโนะ รีสอร์ท" ในคารุอิซาวะตอนกลาง เป็นอาคารไม้ที่ล้อมรอบด้วยต้นเอล์มหลายร้อยต้นราวกับเมืองในเทพนิยาย มีร้านขายอาหารและของที่ระลึกพิเศษมากมาย เช่น มี ร้านอาหารฝรั่งเศสสุดหรู "CERCLE", กาแฟแบรนด์ท้องถิ่นของคารุอิซาวะ "Maruyama Coffee", อาหารสไตล์ญี่ปุ่นแบบบ้านๆ "Village Cafeteria", ร้านไอศกรีมอิตาเลียน "Nagai Farm" ฯลฯ นอกจากนี้ยังมี "Dragonfly Yu" ติดกับเมืองอีกด้วย เป็นน้ำพุร้อนที่คุณสามารถอาบน้ำพร้อมเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ซึ่งช่วยบำบัดได้ดีมาก
【ปักหมุด ④】Old Karuizawa Ginza Street
"ถนนเมืองเก่าคารุอิซาวะกินซ่า" เรียกได้ว่าเป็นย่านการค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในคารุอิซาวะ บรรยากาศสบายๆ ของถนนเรียงรายไปด้วยของที่ระลึก อาหารริมทาง ร้านขายของเบ็ดเตล็ด ง่ายต่อการเดินเล่นจับจ่ายซื้อของ เช่น ร้านแยมที่มีมายาวนาน "ซาวายะ", "พุดดิ้งปาโอมุ" ที่ได้รับรางวัลพุดดิ้งแห่งชาติของญี่ปุ่น, ร้านโซบะ "คาวาคามิอัน", ร้านไส้กรอกทอด "อิสุกุยะ" เป็นต้น
วิธีเดินทางไปคารุอิซาว่า จากนาริตะ
【วิธีที่ ① 】รถบัสสายตรง
วิธีที่สะดวกที่สุดในการเดินทางโดยตรงจากสนามบินนาริตะไปยังคารุอิซาวะคือการนั่งรถบัสทางหลวงที่ดำเนินการโดย "รถบัส Goryo" หลังจากออกจากอาคารผู้โดยสาร 3 ของสนามบินแล้ว ก็จะผ่านอาคารผู้โดยสาร 2 และ 1 ตามลำดับ และตรงไปยังจุดสุดท้าย จุดจอดคือ "Karuizawa Prince Hotel West" การเดินทางเที่ยวเดียวใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 45 นาที โดยจะมีจุดพักรถระหว่างทางด้วย
【วิธีที่ ② 】รถไฟ
อีกวิธีหนึ่งคือการใช้รถไฟ ขอแนะนำให้โดยสาร "Keisei Skyliner" จากสนามบินนาริตะไปยัง "อุเอโนะ" จากนั้นจึงเปลี่ยนไปขึ้น "JR Shinkansen" โดยตรงไปยังคารุอิซาวะ โปรดทราบว่าเนื่องจากสถานีโตเกียวมักจะมีผู้คนหนาแน่น จึงควรเผื่อเวลาประมาณ 20 ถึง 30 นาทีในการเปลี่ยนไปขึ้นชานชาลาชินคันเซ็น
【วิธีที่ ③】เช่ารถ
คารุอิซาวะกินบริเวณพื้นที่กว้างใหญ่และมีจุดชมวิวมากมาย นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับการแวะพักตามที่ต่างๆ ด้วยการขับรถด้วยตนเองอีกด้วย ในอาคารผู้โดยสาร 1 และ 2 ของสนามบินนาริตะมีเคาน์เตอร์ของบริษัทเช่ารถรายใหญ่ที่คุณสามารถทั้งรับและคืนรถได้ คุณสามารถไปที่เว็บไซต์เปรียบเทียบราคารถเช่าเพื่อตรวจสอบแผนล่วงหน้าได้ เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ขอแนะนำให้ทำการนัดหมายล่วงหน้าเพื่อเช่ารถจะดีที่สุด
การเดินทาง | กำหนดการ / เวลา | เวลาเดินทาง | ค่าโดยสารเที่ยวเดียว |
รถบัสสายตรง | Goryo Bus | ประมาณ 3 ชั่วโมง 45 นาที (ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร) | ตั๋วผู้ใหญ่ 5,000 เยน ตั๋วเด็ก 2,500 เยน |
รถไฟ | เส้นทาง: สนามบินนาริตะ — (โดย Skyliner ประมาณ 66 นาที) — อุเอโนะ — (ขึ้น Hokuriku Shinkansen ประมาณ 56 นาที) — คารุอิซาวะ | ประมาณ 2 ชั่วโมง (ไม่รวมเวลาการอรถ) | 8,380 เยน |
เช่ารถและขับเอง | - | 3 ถึง 3.5 ชั่วโมง (ประมาณ 240 ถึง 260 กิโลเมตร) |
・เว็บไซต์เปรียบเทียบราคารถเช่า ・Japan Expressway Toll Inquiry |
เมื่อเดินทางไปโตเกียว แม้ว่าสนามบินนาริตะอยู่ห่างจากใจกลางโตเกียว แต่ก็มีทางเลือกในการคมนาคมมากมายไปยังชานเมืองโตเกียว ไม่ว่าคุณจะนั่งรถไฟ รถบัสสนามบิน ก็สามารถเดินทางได้สะดวกรวดเร็ว ข้อมูลข้างต้นนั้นเราสรุปวิธีการเดินทางและสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปชมในสามพื้นที่ยอดนิยม ที่เริ่มต้นจากสนามบินนาริตะได้ง่ายๆ อย่าลืมลองวางแพลนการเดินทางไปท่องเที่ยวให้ได้ล่ะ!
☞ อ่านเพิ่มเติม
・วันเดียวก็เที่ยวได้! 10 สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดสำหรับ "ทริปไปกลับโตเกียว": คารุอิซาวะ, ฮาโกเน่, คาวาคุจิโกะ, คามาคุระ...เคยไปมาหมดนี่หรือยัง??
・ตามรอยจอห์น เลนนอน ไปจิบน้ำบลูเบอร์รี กินบาแกตต์ และจิบชายามบ่ายที่คารุอิซาวะกันเถอะ!
เรียบเรียงและเขียนบทความ:Nene 2023.7
บรรณาธิการ:Zita