ย่านคิจิโจจิในโตเกียวได้รับการยอมรับจากชาวเน็ตชาวญี่ปุ่นว่าเป็น "ถนนที่น่าอยู่ที่สุด" " เป็นเวลา 4 ปีติดต่อกัน! ไม่เพียงแต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันและการคมนาคมสะดวกเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยอาหารแสนอร่อยและของจิปาถะต่างๆ รวมถึงมีถนนสายเล็กๆ ตามตรอกซอกที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ สิ่งเหล่านี้คือจุดเด่นที่ดึงดูดให้คนอยากมาอาศัยที่ย่านคิจิโจจิ ในบทความนี้ "Japai Japan"วิธีการเดินทางในคิจิโจจิ สถานที่ที่ต้องไปเช็คอิน เมนูอาหารและสินค้าต่างๆ และแผนที่ฉบับสมบูรณ์พร้อมแล้วก็มามาสัมผัสเสน่ห์ของย่านคิจิโจจิด้วยกันเถอะ!
・[การเดินทาง] จะเดินทางไปคิจิโจจิได้อย่างไรนะ? ตารางรถของสถานี รวบรวมข้อมูลได้ครบ จบ ที่เดียว
・[สถานที่ท่องเที่ยว] 4 สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปในคิจิโจจิ
・[ช้อปปิ้ง] านที่ต้องไปช็อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้า ตลาด และร้านขายของที่ต้องไปในคิจิโจจิ
・[ช้อปปิ้ง] ชี้เป้า “ของจิปาถะ” ในย่านคิจิโจจิ
・[อาหาร] เมนูเด็ดที่พลาดไม่ได้ในคิจิโจจิ: ร้านอาหาร ของหวาน ชายามบ่าย
・[แผนที่] สรุปแผนที่ในย่านคิจิโจจิฉบับคนรักความสะดวกสบาย
การจะไป[คิจิโจจิ] ต้องเดินทางยังไงนะ? เรียนรู้ตำแหน่งสำคัญทั้งทางเหนือและใต้ และยังสามารถตะลอนไปรอบๆ ได้อย่างง่ายดายโดยไม่หลงทางแน่นอน!
มีรถรางสี่สายที่วิ่งผ่านสถานีอิเคะบุคุโระ ได้แก่ สาย JR Rapid Chuo, สาย JR Chuo Sobu, สาย Keio Inokashira และสาย Narita Express ในจำนวนนั้นสาย JR Chuo และสาย Keio Inokashira จะผ่านชินจูกุและชิบุยะดังนั้น จากใจกลางเมืองเดินทางมาที่นี่ก็จะสะดวกมาก
แหล่งท่องเที่ยวสำคัญตั้งอยู่ที่ทางออกสองทาง "ทางออกทิศเหนือ" และ "ทางออกสวนสาธารณะ" โดย "ทางออกทิศเหนือ" มีย่านช้อปปิ้ง SUNROAD ที่โด่งดังมาก ที่นี่มีลูกชิ้นทอดและไทยากิแสนอร่อย นอกจากนี้ ถนนช้อปปิ้ง "Daishodori" ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ PARCO, ห้างที่ได้รับความนิยมจากวัยรุ่นอย่าง Tokyu และ UNIQLO Kichijoji ก็ตั้งอยู่ที่ทางออกทิศเหนือเช่นกัน ในส่วนของ "ทางออกสวนสาธารณะ" จะเป็นทางไปยังสวนสวนอิโนะคาชิระ (Inokashira Park) ซึ่งเป็นที่ชมซากุระอันโด่งดัง และเมื่อเดินต่อลงไปอีก ก็จะพบกัพิพิธภัณฑ์จิบลิ (Ghibli Museum) นอกจากนี้ที่ทางออกทิศใต้ยังมีห้างสรรพสินค้าที่ต้องไปช้อปปิ้งอย่างห้างสรรพสินค้า Marui และ Don Quijote ตั้งอยู่ด้วย ก่อนจะตัดสินใจว่าจะออกจากสถานีฝั่งไหนก็ให้กำหนดจุดหมายปลายทางเสียก่อนจะได้ไม่เดินผิดทางนะ!
ถ้ายังไม่ได้มาเยือนสถานที่เหล่านี้ ก็อย่าได้บอกว่าเคยมาย่าน "คิจิโจจิ"! 4 สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปเยือน
1. สวนอิโนะคาชิระ: จุดชมดอกซากุระอันโด่งดัง พื้นที่สีเขียวธรรมชาติสำหรับการถีบเรือหงษ์ และพื้นที่ธรรมชาติสีเขียวชะอุ่มที่ทอดยาวไปสู่พิพิธภัณฑ์จิบลิ!
เมื่อพูดถึงคิจิโจจิ สถานที่ท่องเที่ยวแรกที่นึกถึงคือ "สวนอิโนะคาชิระ" ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1917 ไม่เพียงแต่เป็นสวนสาธารณะชานเมืองแห่งแรกในญี่ปุ่น แต่ยังเป็นจุดชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียงในโตเกียวอีกด้วย มีต้นซากุระมากกว่า 200 ต้นตามริมสระน้ำอิโนะคาชิระ ในทุกๆ ฤดูใบไม้ผลิ กลีบดอกซากุระสีชมพูจะปลิวไปตามสายลมและร่วงหล่นลงบนสระน้ำ นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือหงส์ไปในทะเลสาบพร้อมเพลิดเพลินกับสายฝนของดอกซากุระ ป่าและทะเลสาบก่อให้เกิดระบบนิเวศหลากหลาย และแม่น้ำอิโนะคาชิระยังเป็นจุดเริ่มต้นของแม่น้ำคันดะ นอกจากนี้ยังมีสวนธรรมชาติและวัฒนธรรม สวนอิโนะคาชิระเบ็นไซเท็น สนามกีฬา จัตุรัสที่คนจะมาพบปะกัน เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่ผสมผสานการท่องเที่ยวชานเมืองและกิจกรรมทางศิลปะและวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน
สวนอิโนะคาชิระ
・ที่อยู่: 2-8-1 Nishi-Shinjuku, Shinjuku-ku, Tokyo
・การเดินทาง:เดินประมาณ 5 นาทีจากสถานี Kichijoji
・เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
2. พิพิธภัณฑ์จิบลิ Ghibli Museum: ยักษ์เหล็กและโทโทโร่รอทักทายคุณอยู่นะ!
แฟนๆ Ghibli ไม่ควรพลาด! แม้ว่า "พิพิธภัณฑ์จิบลิ " จะตั้งอยู่ในเมืองมิทากะ แต่จริงๆ แล้วพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ค่อนข้างใกล้จากสถานีคิจิโจจิ โดยใช้เวลาเดินไปประมาณ 15 นาทีเท่านั้น ระหว่างทาง ก็จะผ่านสวนสาธารณะอิโนะคาชิระเป็นอันดับแรก ซึ่งป้ายเตือนระวังโทโทโร่จะปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว บรรยากาศป่าอันเขียวชอุ่มทำให้คุณรู้สึกอบอุ่นราวกับเดินอยู่ในโลกการ์ตูนเลยทีเดียว
แม้ทางเข้า "พิพิธภัณฑ์จิบลิ" นั้นจะเรียบง่ายมาก แต่ก็ต้องถูกสิ่งก่อสร้างสีเหลืองสดใสที่อยู่ข้างในดึงดูดแน่นอน! ข้อควรระวัง: การเข้าชมข้างในต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น หากไม่จองล่วงหน้าจะไม่สามารถเข้าไปภายในได้ โดยการจองนั้น สามารถซื้อตั๋วได้ผ่านเว็บไซต์ร้านสะดวกซื้อของญี่ปุ่น หนึ่งสัปดาห์ก่อนออกเดินทาง ดูให้ดี ยักษ์เหล็กคอยต้อนรับทุกคนที่ทางเข้าอยู่นะ!
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่เพียงแต่แนะนำขั้นตอนการผลิตแอนิเมชั่นเท่านั้น แต่ยังมีนิทรรศการพิเศษในแต่ละช่วงเวลา ต้นฉบับผลงานของจิบลิที่วาดด้วยมือ การบูรณะสตูดิโอแอนิเมชั่น ที่จะเปิดเผยความลึกลับของอาณาจักรจิบลิ ทีละขั้นตอน ตั้งแต่การร่างภาพ การวาดภาพ และการลงสี สิ่งที่ทำให้แฟนๆ คลั่งไคล้มากที่สุดคือพื้นที่เล่นบนรถบัส My Neighbor Totoro บนชั้น 3 และ ยักษ์เหล็กในเรื่อง Castle in the Sky ที่จัดแสดงอยู่ที่ชั้นบนสุด! คำเตือน: ห้ามถ่ายรูปภายในพิพิธภัณฑ์ เมื่อเดินทางไปเยี่ยมชม แฟนๆก็อย่าลืมปฏิบัติตามกฎระเบียบ ต้องเป็นนักท่องเที่ยวที่ปฏิบัติตามกฎด้วยนะ!
พิพิธภัณฑ์จิบลิ
・ที่อยู่: 1-83 Shimorenjaku 1-chome, Mitaka City, Tokyo
・เวลาทำการ:ต้องจองล่วงหน้าเพื่อเข้าชม
・ตั๋ว:ผู้ใหญ่ 1,000 เยน, นักเรียนมัธยมต้น 700 เยน, นักเรียนประถม 400 เยน , เด็ก 100 เยน
・การเดินทาง:เดินประมาณ 15 นาทีจากสถานี Kichijoji หรือสถานี JR Mitaka
・เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
☞ ส่วนลดแนะนำ
・Klook โตเกียว |ทัวร์เดินชมพิพิธภัณฑ์มิทากะ โมริ จิบลิ และสวนอิโนะคาชิระ
3. หมู่บ้าน Kichijoji Petit (Small Village ): เข้าสู่อาณาจักรเทพนิยายย่อมๆ สวรรค์ของทาสแมว
สานต่อบรรยากาศชวนฝันของจิบลิด้วย "หมู่บ้านจิ๋ว" ที่เปิดในปี 2018 ตั้งอยู่ที่ถนนคิจิโจจิ ไดโช เป็นเหมือนหมู่บ้านเทพนิยายเล็กๆ ที่มีธีมแมว มีร้านอาหารตามธีมต่างๆ คาเฟ่ที่สามารถเล่นกับน้องแมวได้ และห้องเล็กๆ ให้เช่า ทั้งหมู่บ้าน Petit มีขนาดเล็กๆจึงทำให้รู้สึกราวกับอยู่ในฝัน ไม่ใช่แค่มีน้ำพุรูปแมวเท่านั้นนะ แต่ยังมีกระจกใสที่เปิดกว้างบนผนังที่มีรูปร่างเหมือนอุ้งเท้าแมวอีกด้วย! คนรักแมวที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์เพื่อน้องแมวทุกชนิดไม่ควรพลาดร้านขายของชำแมว หมู่บ้านแมวที่ให้ความรู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่โลกหนังสือภาพเป็นสถานที่ยอดนิยมแห่งใหม่ ที่สามารถ่ายรูปสวย ๆ โพสต์ลงบนอินสตาแกรมได้สบาย
เว็บไซต์ หมู่บ้าน Kichijoji Petite Village
: 2-33-2 Kichijoji Honmachi, Musashino City, Tokyoเว็บไซต์
อย่างเป็นทางการ ของ Kichijoji Petite Village
4. พิพิธภัณฑ์ศิลปะคิจิโจจิ: การผสมผสานระหว่าง ถนน วัฒนธรรมและ Daily Art World
"พิพิธภัณฑ์ศิลปะคิจิโจจิเทศบาลมุซาชิโนะ" ที่ซ่อนอยู่บนถนนสายช้อปปิ้ง เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะในเมืองเล็กๆ แต่วิจิตรงดงาม ทำให้ผู้คนได้ใกล้ชิดกับศิลปะในชีวิตประจำวัน แม้กระทั่งบนท้องถนน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงผลงานภาพวาด ภาพวาดสีน้ำมัน ภาพพิมพ์ และภาพถ่ายของญี่ปุ่นกว่า 2,500 ชิ้น นอกจากนี้ยังจัดแสดงนิทรรศการพิเศษและผลงานที่สร้างสรรค์จากประชาชนเป็นครั้งคราว ซึ่งเพิ่มบรรยากาศความอาร์ตให้กับถนนที่เงียบสงบของคิจิโจจิได้เป็นอย่างดี
พิพิธภัณฑ์ศิลปะคิจิโจจิ
・ที่อยู่:ชั้น 7, FF Hall, No. 8-16, Kichijoji Honmachi 1-chome, Musashino City, Tokyo
・เวลาทำการ: 10:00~19:30 น. (ปิดทุกวันพุธสุดท้ายของทุกวัน) เดือนและสิ้นปีและต้นปี)
・ตั๋ว:นิทรรศการถาวร 100 เยน นิทรรศการพิเศษ/ผู้ใหญ่ 300 เยน นักเรียนมัธยมต้น 100 เยน
・เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
สถานที่ที่ต้องเช็คอินเมื่อมาเยือนคิจิโจจิ! ถนนช้อปปิ้ง SUNROAD ถนนไทโช ตลาดนัดสุดสัปดาห์ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ชื่อดัง
ถนนชอปปิ้ง SUNROAD: ลูกชิ้นเนื้อวากิวทอดและไทยากิที่ต้องลอง!
ออกมาจากทางออกทิศเหนือของคิจิโจจิ ก็จะเห็น "ถนนชอปปิ้งซันโรด" อันแสนสะดุดตา ถนนทั้งสายมีความยาวกว่า 300 เมตร และเป็นถนนชอปปิ้งที่มีหลังคาคลุมโดยรอบ ดังนั้นแม้ว่าจะมีลมแรงหรือฝนตกก็ตาม ก็สามารถเลือกซื้อสินค้าได้อย่างสบายใจ ถนนชอปปิ้ง SUNROAD เป็นแหล่งชอปปิ้งแห่งแรกที่สร้างเสร็จในย่านนี้ จากนั้นก็มีถนนช้อปปิ้งสายอื่นๆ ขยายออกไปรอบๆ ในภายหลัง ดังนั้นจึงถือว่าถนนซันโรดเป็นทางสัญจรหลัก มีร้านขายรองเท้า เสื้อผ้า ของชำ และสแน็คบาร์ สิ่งที่เหล่านักชิมต้องลองก็คือคุโรเกะวากิว "SATOU" และไทยากิยัดไส้ "KURIKOAN"!
"SATOU" ภูมิใจนำเสนอเนื้อคุโรเกะวากิวแสนอร่อยในราคาประหยัด ลูกชิ้นเนื้อคุโรเกะวากิวสุดคลาสสิกจะเริ่มขายเวลา 10:30 น. ลูกชิ้นเนื้อนั้นเต็มไปด้วยรสชาติเข้มข้นและมีน้ำซุปไหลทะลักออกมาทันทีที่กัด! อีกเมนูที่ต้องลองคือเนื้อเสียบไม้ทอด: เนื้อชิ้นโตพร้อมหัวหอมชิ้นโตชุบแป้งทอด หนังด้านนอกกรอบ พร้อมเนื้อวัวชิ้นใหญ่ด้านใน เมื่อรวมกับรสชาติที่สดใหม่และหวานของหัวหอม กินได้แบบไม่เบื่ออย่างแน่นอน ถัดจาก "SATOU" คือไทยากิทอด "KURIKO-อัน" ที่มีต้นกำเนิดจากโยโกฮาม่า: ได้ร่วมมือกับ POKEMON เปิดตัวไทยากิรูปปลา มีให้เลือก 2 รสชาติ ได้แก่ รสคัสตาร์ด และรสช็อกโกแลต ทันทีที่คุณกัดเข้าไป ไส้ช็อกโกแลตเข้มข้นจะพุ่งออกมาทันที ซอสช็อกโกแลตเข้มข้นแต่ไม่หวานจนเลี่ยนเกินไป สาวๆ ที่กลัวหวานก็สามารถทานได้เลยชิลๆ!
ถนนชอปปิ้งคิจิโจจิ
・ที่อยู่: 1-12-1, คิจิโจจิฮมมาจิ, เมืองมูซาชิโนะ
・การคมนาคม:ตรงข้ามทางออกทิศเหนือของสถานีคิจิโจจิ
・เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่มากมาย อย่าง Keio Kichijoji, Atre, Marui Department Store, PARCO
มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่หลายแห่งในคิจิโจจิ หากคุณกลัวหลงทาง โปรดจำไว้ให้ดีว่า: "Atre" และ "PARCO" ตั้งอยู่ตรงทางออกทิศเหนือ เมื่อออกจากสถานีมาแล้วก็สามารถเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าได้ทันทีจากทางเชื่อม ชั้น 2 มีเคาน์เตอร์เครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่น "BRUNO" ที่เมื่อเร็วๆ นี้กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก "PARCO" ก็ตั้งอยู่ที่ทางเข้าทิศเหนือตรงข้ามกับร้านเรือธงของ Uniqlo เช่นกัน ส่วนบนชั้น 8 มีร้าน "ซูชิโระ" และข้างๆ กันก็มีพายแอปเปิ้ลเจ้าดังอย่าง「GRANNY SMITH」ไส้แอปเปิ้ลทำจากวัตถุดิบชั้นยอด หากเริ่มเหนื่อยจากการชอปปิ้งก็สามารถซื้อสักชิ้นเพื่อเติมพลังได้
ทางออกทิศใต้ยังมี "เคโอคิจิโจจิ" และ "Don-Quijote ดองกิโฮเต้" ขนาดยักษ์ และ "ห้างสรรพสินค้ามารุอิ" ที่อยู่ในอาคารเดียวกับสถานี มีซูเปอร์มาร์เก็ต "BIO-RAL" อยู่ที่ชั้น 1 ของห้าง สินค้าทั้งหมดได้รับการโฆษณาว่าเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกและมาจากธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์จำพวกถั่วที่จำหน่ายโดยใช้วิธีลดการใช้พลาสติก กินได้เท่าไหร่ก็สามารถห่อไปได้เท่านั้น คุณสามารถซื้อไอศกรีมที่ทำจากนมถั่วเหลืองได้ที่นี่ ซึ่งไม่เพียงแต่มีน้ำตาลและแคลอรี่น้อยเท่านั้น แต่ยังมีรสชาติที่เยี่ยมยอด ไอศกรีมที่ดีต่อสุขภาพและมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์จะทำลายภาพจำของไอศกรีมถั่วที่คุณมีไปเลย
ถนนไทโช: ถนนขายของจุกจิกอันแปลกตาที่รู้จักกันในชื่อ "ถนนยุโรปเหนือ"
"ถนนไทโช" ก็คือถนนชอปปิ้งที่ประกอบด้วยไดโชโดริและโชวะโดริ ซึ่งอยู่ห่างจากห้างสรรพสินค้าโตคิวไปทางตะวันตก 300 เมตร เนื่องจากเต็มไปด้วยร้านค้าที่มีเอกลักษณ์ เข่น ร้านขายของชำสไตล์ยุโรป ร้านอาหาร และมีบรรยากาศที่ไม่เหมือนใครจึงถูกเรียกว่า "ถนนนอร์ดิก" ไม่ว่าจะเป็นกราฟฟิตี้นอกหน้าต่างร้าน เฟอร์นิเจอร์ที่วางอยู่ด้านนอก หรือผนังด้านนอกที่ปกคลุมไปด้วยมอสและเถาวัลย์ ก็ช่วยทำให้บรรยากาศดูสบายๆ เพราะเหตุนี้คิจิโจจิจึงกลายเป็นสถานที่รวมตัวแห่งใหม่ของคนหนุ่มสาว
ตลาดเช้า Harmonica Yokocho: ตลาดเช้าที่จะมีแค่ในวันอาทิตย์ที่ 3 ของทุกเดือนเท่านั้น!
ใครที่ชอบตามหาของแรร์ไอเทมจะต้องหลงรักตลาด Harmonica Yokocho อย่างแน่นอน ตลาดนี้ตั้งอยู่ที่ทางออกทิศเหนือของสถานีคิจิโจจิ เป็นตรอกที่เต็มไปด้วยบรรยากาศย้อนยุค จุดเด่นที่สุดคือโคมสีแดงที่เรียงรายเป็นแถว ตลาดเช้าจะมีทุกๆ วันอาทิตย์ที่สามของทุกเดือน มีแผงขายของทำมือ เครื่องประดับ ของว่าง บิสกิต ผัก ของชำ รวมกันมากกว่า 100 ร้านจากร้านค้าใกล้คิจิโจจิ เนื่องจากตรอกมีขนาดเล็ก จึงต้องเบียดเสียดเล็กน้อย แต่ก็สนุกสนานอย่างคาดไม่ถึงเชียวล่ะ!
ตลาด Haikou Yokocho
・ที่อยู่: 1-1 Kichijoji Honmachi, Musashino City, Tokyo
・การคมนาคม:ตรงข้ามทางออกทิศเหนือของสถานี Kichijoji
・เวลาเปิดทำการ:วันอาทิตย์ที่สามของทุกเดือน 7:00~10:00 น.
・FB อย่างเป็นทางการ
รวมลิสต์ "ร้านขายของเบ็ดเตล็ด" ในคิจิโจจิ : ร้านขายของชำย้อนยุค Taisho, มินิมอลสไตล์ยุโรป, ร้านขายของชำแบบญี่ปุ่นโบราณ ครบทุกสไตล์ในที่เดียว
อfree design: ร้านขายของชำสไตล์มินิมอลตะวันตก ที่มีแก้วมูมินสุดคิวท์!
"free design" ตั้งอยู่บนถนนไทโช และเป็นร้านขายของชำสไตล์มินิมอลจากตะวันตก เนื่องจากในยุโรปเหนือ มีกลางคืนที่ยาวนาน ผู้คนจึงใช้เวลาอยู่ที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นพวกเขาจึงให้ความสนใจกับการออกแบบและคุณภาพของเฟอร์นิเจอร์เป็นพิเศษ นอกเหนือจากสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของชาวนอร์ดิกแล้ว ทางร้านยังร่วมมือกับศิลปินชาวนอร์ดิกเพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่มีดีไซน์จำนวนจำกัดอีกด้วย ทันทีที่เดินเข้าประตูไป ก็จะเห็นตุ๊กตากระเบื้อง มูมิน มาทักทายคุณ นอกจากนี้ยังมีแก้วมัค ที่รองแก้ว หนังสือภาพ คุกกี้รูปทรงต่างๆ ร้านค้าทั้งร้านเรียบง่ายและสดใส เหมาะสำหรับการใช้เวลาสบายๆ ไม่รีบเร่ง
free design
・ที่อยู่: 2-18-2-2F, Kichijoji Honmachi, Musashino City, Tokyo
・เวลาทำการ: 11:00~19:00
・เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
Tsubame Märkt: ตลาดนัดขายของเก่าสไตล์ยุโรปที่รอคุณมาร่วมค้นพบความสนุกสนานในวัยเด็กอีกครั้ง
"Tsubame Märkt" ยังตั้งอยู่ที่ถนน Taisho ซึ่งโดนเด่นด้านของเล่นโบราณของยุโรป เครื่องประดับ เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร และไอเท็มเบ็ดเตล็ดอื่นๆ ที่นี่เป็นเหมือนตลาดนัดตามถนนของยุโรป จำหน่ายสินค้ามากมาย เช่น หนังสือภาพเก่ามือสอง ป้ายทะเบียนรถจักรยานของสวีเดน กล่องไม้โบราณ ต่างหูหนีบอังกฤษสไตล์วินเทจ บรรยากาศของร้านถูกสร้างขึ้นทีละน้อยด้วยของย้อนยุค จึงรู้สึกราวกับได้เข้าไปในอุโมงค์ย้อนเวลาและกลับไปสู่วันเก่าๆ ที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสาในวัยเยาว์
Tsubame Märkt
/ เว็บไซต์: 2-14-26 Kichijoji Honmachi, Musashino City, Tokyo
/ เวลาทำการ: 11:30 - 19:00 น.
/ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
PukuPuku: เครื่องใช้ย้อนยุคสไตล์ญี่ปุ่นจากเอโดะถึงโชวะ
"PukuPuku" อาจดูเหมือนร้านขายของชำทั่วไปในญี่ปุ่น แต่สิ่งของข้างในนั้นช่างเหนือจินตนาการ เพราะมีทั้งคอลเลกชั่นเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารย้อนยุคตั้งแต่สมัยเอโดะจนถึงยุคโชวะสมัยใหม่ ซึ่งเปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ขนมเล็กๆ ทีเดียว! ไม่ว่าจะเป็นการย้อมเครื่องกระเบื้อง เครื่องอิมาริ เครื่องเขินสีแดงชาด เครื่องถ้วยชามทุกชิ้นจะมีป้ายระบุอายุอย่างชัดเจน และสามารถสัมผัสได้ถึงน้ำหนักทางประวัติศาสตร์บนฝ่ามือ เหมาะสำหรับนักสะสมของเก่ามาขุดหาสมบัติที่นี่
PukuPuku
・ที่อยู่: 4-13-2, Kichijoji Honmachi, Musashino City, Tokyo
・เวลาทำการ: 11:30~19:30
・เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
Xyl: ร้านเฟอร์นิเจอร์ไม้ญี่ปุ่น อุโมงค์ไม้นำไปสู่บ้านต้นไม้สุดพิเศษ!
"Xyl" คือร้านเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ทำจากไม้ญี่ปุ่น เพียงแค่เดินผ่านร้านเข้าไปข้างใน ก็จะถูกดึงดูดใจด้วยอุโมงค์ไม้ที่ตกแต่งไว้ภายในร้าน เพราะ 70% ของญี่ปุ่นเป็นพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นป่าที่ถูกปลูกขึ้นมา "Xyl" ใช้ไม้ของญี่ปุ่นมาทำโต๊ะ โครงเตียง และเก้าอี้สำหรับเด็ก โดยหวังที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรสำหรับอนาคตผ่านการเชื่อมโยงการฟื้นฟูระหว่างผู้คนและต้นไม้ เฟอร์นิเจอร์ที่ให้ความรู้สึกน่ารักและอบอุ่นหัวใจถูกจัดเรียงไว้ในอุโมงค์ไม้ ซึ่งดูเหมือนจะนำไปสู่บ้านต้นไม้สุดโปรดของเด็ก เป็นส่วนตัวและปลอดภัย และสามารถอยู่เคียงคู่การเติบโตของเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี
Xyl
・ที่อยู่: 1-11-1 ชั้น 1 คิจิโจจิ คิตะมาจิ เมืองมูซาชิโนะ โตเกียว
・เวลาทำการ: 11:00~19:00
・เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
ชี้เป้า "อาหาร" ของคิจิโจจิ: เพลิดเพลินกับอาหารหลัก ของหวาน และน้ำชายามบ่าย!
โรงน้ำชามุซาชิโนะ บุงโกะ: โรงน้ำชาแปลกตาที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความหลัง เมนูข้าวแกงกะหรี่ที่ห้ามพลาด!
"มุซาชิโนะ บุนโกะ" เดิมเคยเป็นร้านน้ำชา "วาเซดะ บุนโกะ" ที่ตั้งอยู่ใกล้กับทางเข้าหลักของมหาวิทยาลัยวาเซดะ โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์ความเรียบง่ายเอาไว้ และมาเปิดร้านในคิจิโจจิในปี 1985 เมนูที่ต้องสั่งคือ"ข้าวแกงกะหรี่" ทันทีที่เสิร์ฟ กลิ่นหอมของเครื่องเทศเข้มข้นจะสร้างความประทับใจให้คุณทันที วิธีการปรุงที่สืบทอดมาจากสมัยวาเซดะ บุงโกะคือการผัดหัวหอมและแป้งให้เป็นฐาน จากนั้นจึงใส่ไก่ ผัก และอบเชยลงไปเคี่ยวเพื่อเพิ่มรสชาติ กลิ่นหอมที่เข้มข้นของเครื่องเทศและสมุนไพรมีรสขมเล็กน้อยในปาก รสชาติของเครื่องเทศยังคงอยู่ในปากเป็นเวลานาน ไก่และมันฝรั่งถูกเคี่ยวเป็นเวลานาน เมื่อกัดเข้าไปก็นุ่มละมุน เป็นแกงกะหรี่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ในมุมหนึ่งของร้านมีที่สำหรับจัดวางเครื่องปั้นดินเผาชื่อดัง "เครื่องปั้นดินเผาโคอิชิวาระ" จากฟุกุโอกะ เทคนิคการลงสีแบบพิเศษทำให้เครื่องปั้นดินเผาโคอิชิฮาระมีลวดลายต่างๆ เช่น ลายปืนใหญ่บิน ลายขนแปรง ลายหวี ลายลายนิ้วมือ ลายไหลห้อย และลวดลายห้อย เต็มไปด้วยความเรียบง่ายและให้ความรู้สึกอ่อนโยน เพียงดื่มชาจากถ้วยชาในร้านนี้ ช่วงเวลาน้ำชาก็จะผ่อนคลายและถูกเติมเต็มกว่าเดิม
โรงน้ำชามุซาชิโนะ บุงโกะ
: 2-13-4, Kichijoji Honmachi, Musashino City, Tokyo
เวลาทำการ: 10:00-21:00 น.
, เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
Shippo ร้านใต้ดินที่รวมร้านขายของชำและร้านอาหารเข้าด้วยกัน!
ร้านคิจิโจจิ "Shippo" เป็นร้านใต้ดินที่ซ่อนอยู่ในบ้านส่วนตัว มีภาชนะและตะกร้าหวายวางเรียงรายอยู่ด้านนอกซึ่งดูเหมือนโกดังที่รกรุงรัง ทว่าเมื่อเดินเข้าไปในร้านจะต้องประหลาดใจกับบรรยากาศที่ร่าเริงและมีชีวิตชีวา ร้านค้าแบ่งออกเป็น "พื้นที่รับประทานอาหาร" และ "พื้นที่ร้านขายของชำ" โดยจำหน่ายของใช้ประจำวัน หนังสือภาพ เครื่องประดับ เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร ของว่าง และอาหาร สินค้ามีมากมายและราคาไม่แพง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะช้อปปิ้งอย่างห้ามใจไม่อยู่!
Shippo
/ เว็บไซต์: 1-18-25 Kichijoji Kitamachi, Musashino City, Tokyo
/ เวลาทำการ: 11:30-21:00
/ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
AMRITA Canteen: เพลิดเพลินกับอาหารอร่อย แบบฉบับ "ไทยๆ" ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว!
ร้านอาหารไทยต้นตำรับที่เปิดโดยคนไทย ที่ทุกเมนูมีความอร่อยอันเป็นเอกลักษณ์จนต้องแนะนำ! นอกจากจะเป็นร้านอาหารแล้ว ที่นี่ยังมีบรรยากาศสบายๆ ตกแต่งด้วยผ้าม่านแบบไทยๆ อีกทั้งยังเปิดให้จองเป็นสถานที่จัดงานสัมมนาและมีการแสดงดนตรีเป็นครั้งคราวอีกด้วย อีกทั้งยังมีน้ำชายามบ่ายที่เปิดให้บริการสำหรับการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนภาษาไทย จีน และการเขียนอักษร เมื่อเดินเข้าไปในร้านก็จะรู้สึกได้ถึงความกระตือรือร้นของพนักงาน เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นอย่างมาก!
AMRITA Canteen
・ที่อยู่: 2-17-12 Fujisai Rakuro ชั้น 1 Kichijoji Honmachi เมือง Musashino โตเกียว
・เวลาทำการ:มื้อกลางวัน 11:30~15:30 น. น้ำชายามบ่าย 15:00~17:00 น. มื้อเย็น 17:00~20 น. : 00
・เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
รีวิวเส้นทางคิจิโจจิ! ตามแอพ Google Maps เพื่อเดินทางอย่างสนุกสนานตลอดวัน
ไม่เสียแรงที่คิจิโจจิได้รับการโหวตให้เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น ถนนและร้านค้าทุกแห่งเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความสร้างประหลาดใจให้ผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี ไปแล้วก็ไปซ้ำอีกได้ คุ้มค่าที่จะกลับไปขุดค้นเสน่ห์อันแปลกใหม่เรื่อยๆ หากคุณชื่นชอบการเดินเล่นสบาย ๆ บนท้องถนนของญี่ปุ่น คุณต้องมาที่คิจิโจจิและสัมผัสเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ด้วยตัวคุณเองนะ!