10 อันดับรถไฟสายที่ "แออัดที่สุด" ในโตเกียว! อันดับ 1 จะเป็นสายไหนกัน??

สำหรับหลายคนที่ไปเที่ยวโตเกียว เชื่อว่าไม่มากก็น้อยต้องเคยสัมผัสประสบการณ์ "รถไฟแออัด" หรือเห็นชาวญี่ปุ่นอัดกันเข้ารถไฟเป็นปลากระป๋องอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ ทางการญี่ปุ่นจึงมีการคำนวณ "อัตราความแออัดของรถไฟ" ขึ้นมา มาดูกันว่ดีกว่าา 10 อันดับรถไฟสายที่ "แออัดที่สุด" ในโตเกียว คือสายอะไรกันบ้าง เผื่อในอนาคตจะได้หลีกเลี่ยงกันได้

ที่มาของภาพ: Alex Eckermann จาก Unsplash

"อัตราความแออัด" ของรถไฟญี่ปุ่นคืออะไร?

ในทุกๆ ปี "กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น" จะทำสำรวจ "อัตราความแออัด" ของรถไฟในเขตเมืองใหญ่ทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยเรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า "คนซัตสึริสึ (混雑率)" เพื่อทำความเข้าใจสภาพการเดินทางในช่วงเวลาเร่งด่วน โดย "อัตราความแออัด" นี้คำนวณจาก "จำนวนผู้โดยสารต่อความจุของรถไฟ" โดยเกณฑ์ค่าตัวเลข 100% หมายถึง "ที่นั่งเต็ม แต่ยังมีราวให้ยืนจับได้ ไม่แออัด" แต่หากตัวเลขสูงกว่านี้ก็แสดงว่ายิ่งแออัดมากขึ้น

ที่มาของภาพ: 全国エリア別!通勤電車の混雑率ランキング

เกณฑ์ที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือ "ผู้โดยสารสามารถกางหนังสือพิมพ์อ่านได้สะดวกมากแค่ไหน" เนื่องจากคนญี่ปุ่นมักจะชอบอ่านหนังสือพิมพ์บนรถไฟ หากสามารถกางหนังสือพิมพ์ขนาดใหญ่ได้อย่างสะดวก แสดงว่ารถไฟไม่แออัดจนเกินไป ลองมาดูเกณฑ์ "อัตราความแออัด" กันว่ามีอะไรบ้าง

อัตราความแออัด 100% ผู้โดยสารมีที่นั่งหรือห่วงราวให้จับ และมีที่ให้ยืนบริเวณทางเดินและประตู เป็นจำนวนผู้โดยสารที่เหมาะสมตามที่รัฐกำหนด
อัตราความแออัด 150% ที่นั่งและห่วงราวจับเต็มหมด แต่ยังมีพื้นที่ให้ผู้โดยสารกางหนังสือพิมพ์ขนาดใหญ่อ่านได้
อัตราความแออัด 180% ถ้าต้องการอ่านหนังสือพิมพ์ ผู้โดยสารต้องพับหนังสือพิมพ์ให้เล็กลงจึงจะอ่านได้
อัตราความแออัด 200% เริ่มรู้สึกถึงการเบียดเสียดระดับหนึ่ง แต่ยังพออ่านนิตยสารหรือหนังสือเล่มเล็กได้
อัตราความแออัด 250% ผู้โดยสารเบียดเสียดกันจนไม่สามารถขยับตัวได้ เมื่อรถไฟเลี้ยว เบรก หรือออกตัว ผู้โดยสารจะไหลไปตามแรงเฉื่อย
บริเวณประตูมีผู้โดยสารยืนเบียดกันแน่น และอาจมีผู้โดยสารถูกประตูหนีบเมื่อประตูรถไฟปิดลง

มาถึงตรงนี้ หลายคนคงอยากรู้แล้วว่า ในบรรดารถไฟสายต่างๆ ของกรุงโตเกียวและเขตปริมณฑล (โตเกียว, คานากาวะ, ชิบะ, ไซตามะ) รถไฟสายไหน ช่วงเวลาใด ที่มี "อัตราความแออัด" สูงที่สุด ไปดู 10 อันดับแรกจากสถิติประจำปี 2022 กัน! (หมายเหตุ: เนื่องด้วยปี 2022 ญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นฟูการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ อันดับความแออัดของรถไฟจึงสะท้อนถึงพฤติกรรมการเดินทางของคนญี่ปุ่นเป็นหลัก ซึ่ง "อัตราความแออัด" โดยรวมจะต่ำกว่าปกติ)

10 อันดับ รถไฟในโตเกียวที่มี "อัตราความแออัด" สูงสุด ปี 2022

อันดับ 10: [รถไฟโตเกียวเมโทรสาย Hibiya] สถานี Minowa → Iriya

ช่วงเวลาพีค: 7:50~8:50 น. / อัตราความแออัดเฉลี่ย: 135%

มีรถรางสาย "Toden Arakawa" อายุนับศตวรรษอยู่ใกล้สถานี "Minowa"
ที่มาของภาพ: Photo AC


ในปี 2022 มีรถไฟถึง 3 สายที่มี "อัตราความแออัด" อยู่ในอันดับที่ 10 ด้วยค่าเฉลี่ย 135% ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ รถไฟสายแรกคือ รถไฟโตเกียวเมโทรสาย Hibiya จากสถานี "Minowa" ไปยังสถานีถัดไป "Iriya" เส้นทางนี้ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของสถานี "Ueno" อันคึกคัก และถือเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ที่อยู่อาศัยและย่านธุรกิจของกรุงโตเกียว ทำให้ทุกเช้าในช่วงเวลาไปทำงานจะค่อนข้างแออัด แต่หากหลีกเลี่ยงช่วงเวลาเร่งด่วนนี้ ย่านมิโนวะถือเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่เงียบสงบ บรรยากาศสบายๆ ชิลๆ ใกล้กันยังมีรถรางสาย "Toden Arakawa" ที่มีอายุกว่าร้อยปี และมีทิวทัศน์ที่เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจ

อันดับ 10: [รถไฟใต้ดินสาย Toei Mita] สถานี Nishi-Sugamo → Sugamo

ช่วงเวลาพีค: 7:40~8:40 น. / อัตราความแออัดเฉลี่ย: 135%

ถนนชอปปิ้งซูกาโมะ
ที่มาของภาพ: Photo AC


อันดับ 10 อีกสายหนึ่งคือ รถไฟใต้ดินสาย Toei Mita จากสถานี "Nishi-Sugamo" ไปยังสถานี "Sugamo" ย่านซูกาโมะเป็นย่านนักท่องเที่ยวคุ้นเคยเป็นอย่างดี มีย่านร้านค้าอันโด่งดังอย่าง "ถนนชอปปิ้งซูกาโมะ จิโซโดริ (Sugamo Jizodori Shopping Street)" และเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่มีประชากรหนาแน่น ในช่วงเช้าจึงมีผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก หากคุณมาพักแถวย่านนี้ ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการขึ้นรถไฟช่วงเช้าๆ นะ

อันดับ 10: [รถไฟใต้ดินสาย Toei Oedo] สถานี Nakai → Higashi-Nakano

ช่วงเวลาพีค: 7:50~8:50 น. / อัตราความแออัดเฉลี่ย: 135%

สถานี Higashi-Nakano
ที่มาของภาพ: Photo AC


สถานี "Nakai" บนรถไฟใต้ดินสาย Toei Oedo อาจไม่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวมากนัก ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเขตชินจูกุ หากขึ้นรถไฟไปทางทิศใต้หนึ่งสถานี ก็จะถึงสถานี "Higashi-Nakano" ซึ่งเป็นสถานีสำคัญที่ผู้โดยสารใช้เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Chuo-Sobu เพื่อเดินทางไปยังสถานี "Shinjuku" ทำให้มีผู้โดยสารเป็นจำนวนมากในช่วงเช้า ส่วนย่าน "ฮิกาชินากาโนะ" เองก็เป็นย่านที่นักศึกษาและผู้มีรายได้จำกัดนิยมเช่าที่พักอาศัยอยู่ หากมาเที่ยวโตเกียวแล้วอยากหาที่พักใกล้ย่านชินจูกุในราคาประหยัด ลองหาที่พักแถวย่าน "ฮิกาชินากาโนะ" กันดูนะ

อันดับ 8: [รถไฟโตเกียวเมโทรสาย Tozai] สถานี Kiba → Monzen-Nakacho

ช่วงเวลาพีค: 7:50~8:50 น. / อัตราความแออัดเฉลี่ย: 138%

ภาพถ่าย Monzen-Nakamachi
โดย: Nene


อันดับที่ 8 คือ รถไฟโตเกียวเมโทรสาย Tozai จากสถานี "Kiba" ไปยังสถานี "Monzen-Nakacho" สถานี "Kiba" ตั้งอยู่ในเขตโกโต มีบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เงียบสงบ มีการรักษาความปลอดภัยที่ดี แต่เนื่องจากมีผู้คนพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ในช่วงเช้าจึงมีคนมากมายที่ต้องเดินทางเข้าเมืองโตเกียว ทำให้รถไฟแน่นเป็นพิเศษ ส่วนย่าน "มนเซน นากะโจ" ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลายเป็นย่านที่ได้รับความนิยมจากคนหนุ่มสาวในโตเกียว ที่นี่มีวัดเก่าแก่อย่าง "Fukagawa Fudodo" และถนนชอปปิ้งบรรยากาศย้อนยุค เหมาะแก่การเดินเล่นยามบ่ายแบบชิลๆ

อันดับ 8: [รถไฟสาย Tsukuba Express] สถานี Aoi → Kita-Senju

ช่วงเวลาพีค: 7:29~8:29 น. / อัตราความแออัดเฉลี่ย: 138%

สถานี Kitasenju บนรถไฟสาย "Tsukuba Express"
ที่มาของภาพ: Photo AC


รถไฟสาย "Tsukuba Express" เป็นเส้นทางรถไฟที่เชื่อมระหว่างอากิฮาบาระในโตเกียวกับเมืองสึคุบะ จังหวัดอิบารากิ ช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางระหว่างโตเกียวและอิบารากิให้สั้นลง กลายเป็นเส้นทางสำคัญสำหรับผู้สัญจรไปมา ช่วงเช้าระหว่างสถานี "Aoi" ไปยังสถานีถัดไป "Kita-Senju" จะค่อนข้างแออัด เนื่องจากย่าน "คิตะเซ็นจู" เป็นย่านที่คึกคักที่สุดทางตอนเหนือของโตเกียว มีรถไฟหลายสายมาบรรจบกัน นอกจากนี้ "คิตะเซ็นจู" ยังมีชื่อเสียงเรื่องราคาค่าครองชีพต่ำ มีทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านขายยา และถนนช้อปปิ้งบรรยากาศย้อนยุค ที่รอให้คุณมาช้อปปิ้งกันได้อย่างจุใจ

อันดับ 6: [รถไฟ JR สาย Chuo] สถานี Nakano → Shinjuku

ช่วงเวลาพีค: 7:41~8:41 น. / อัตราความแออัดเฉลี่ย: 139%

สถานี Shinjuku
ที่มาของภาพ: Photo AC


อันดับที่ 6 คือ JR สาย Chuo จากสถานี "Nakano" ไปยังสถานี "Shinjuku" เมื่อพูดถึง "นากาโนะ" หลายๆ คนจะนึกถึงสวรรค์ของเหล่าแฟนอนิเมะอย่าง "Nakano Broadway" นอกจากนี้ นากาโนะยังมีระบบขนส่งที่สะดวก ครบครัน เหมาะแก่การอยู่อาศัย จึงทำให้มีประชากรย้ายเข้ามาอยู่หนาแน่น จากสถานี "Nakano" ไปทางทิศตะวันตกสามารถไปยังแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง คิจิโจจิ และ มิตากะ ได้ ส่วนทางทิศตะวันออกนั่งรถไฟด่วน JR สาย Chuo เพียง 5 นาทีก็ถึงสถานี "Shinjuku" ได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยเหตุนี้ทุกเช้าจึงมีนักเรียนและพนักงานออฟฟิศขึ้นรถไฟไปยังใจกลางเมืองกันเป็นจำนวนมาก ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงเวลาเร่งด่วนช่วงเช้าเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง

อันดับ 6: [รถไฟโตเกียวเมโทรสาย Chiyoda] สถานี Machiya → Nishi-Nippori​​

ช่วงเวลาพีค: 7:45~8:45 น. / อัตราความแออัดเฉลี่ย: 139%

สถานี Machiya
ที่มาของภาพ: Photo AC


รถไฟอีกสายหนึ่งที่ได้อันดับ 6 ด้วยอัตราความแออัด 139% คือ รถไฟโตเกียวเมโทรสาย Chiyoda จากสถานี "Machiya" ไปสถานี "Nishi-Nippori"​​ บริเวณนี้อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของโตเกียวในเขตอารากาวะ ซึ่งมีบรรยากาศแบบเมืองเก่าญี่ปุ่น ผู้คนใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย และเป็นย่านที่พักอาศัยที่มีประชากรหนาแน่นสูง ส่วนสถานี "Nishi-Nippori" ถือเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญที่สุดของเขตอารากาวะ มีทั้งรถไฟโตเกียวเมโทรสาย Chiyoda, รถไฟ JR สาย Yamanote และ สาย Nippori-Toneri ผ่านสถานีนี้ เปรียบเสมือนประตูสู่ย่านธุรกิจใจกลางกรุงโตเกียว จึงไม่น่าแปลกใจที่ช่วงเช้าของที่นี่จะเต็มไปด้วยเหล่าพนักงานบริษัทที่จับรถไฟไปทำงาน

อันดับ 5: [รถไฟโตเกียวเมโทรสาย Namboku] สถานี Komagome → ​​Hon-Komagome

ช่วงเวลาพีค: 8:00~9:00 น. / อัตราความแออัดเฉลี่ย: 140%

สวนริคุกิเอ็น ตั้งอยู่ใกล้กับสถานี "Komagome"
ที่มาของภาพ: Photo AC


รถไฟโตเกียวเมโทรสาย Namboku ก็เป็นอีกหนึ่งสายที่ขึ้นชื่อเรื่องความแออัด โดยเฉพาะระหว่างสถานี "Komagome" ไปยังสถานีถัดไป "Hon-Komagome" ย่านนี้เต็มไปด้วยสถานศึกษาชั้นนำ ทั้ง "โรงเรียนประถมโคมาโกเมะ", "โรงเรียนมัธยมโคมาโกเมะ" รวมถึง "มหาวิทยาลัยโตโย" และถัดไปอีกหนึ่งสถานีก็จะถึง "Todaimae" ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยโตเกียว นอกจากนี้ บริเวณสถานี "Komagome" ยังมีสวนริคุกิเอ็น, พิพิธภัณฑ์โทโยบุนโกะ และวัดวาอารามมากมาย รายล้อมไปด้วยธรรมชาติและมีความปลอดภัย กลายเป็นย่านที่พักอาศัยในฝันของใครหลายคน ช่วงเช้าจึงเต็มไปด้วยผู้คนที่มาใช้บริการรถไฟกันอย่างหนาแน่น

อันดับ 4: [รถไฟ JR สาย Keihin-Tohoku] สถานี Kawaguchi → ​​Akabane

ช่วงเวลาพีค: 7:20~8:20 น. / อัตราความแออัดเฉลี่ย: 142%

รถไฟสาย Keihin-Tohoku
ที่มาของภาพ: Photo AC


รถไฟ JR สาย Keihin-Tohoku เป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่างเมืองพื้นที่มหานคร 3 แห่ง ได้แก่ ไซตามะ โตเกียว และโยโกฮาม่า ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางการเดินทางไปทำงานและไปโรงเรียนที่พลุกพล่านที่สุดในโตเกียว นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาโตเกียว ก็มีโอกาสได้ใช้บริการสายนี้อยู่บ่อยๆ เช่นกัน โดยเฉพาะเส้นทางจากสถานี "Kawaguchi" ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของไซตามะไปยังสถานี "​​Akabane" ที่อยู่ทางตอนเหนือของโตเกียว มักจะเนืองแน่นไปด้วยผู้โดยสารที่ไปทำงานในตัวเมือง ช่วงวันธรรมดาผู้คนจะเริ่มทยอยขึ้นรถไฟตั้งแต่เช้าตรู่ประมาณ 6:30 น. และช่วงเวลาที่แออัดที่สุด คือ 7:20-8:20 น. หากไม่อยากขึ้นรถไฟที่แน่นขนัด ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงช่วงเวลานี้นะ

อันดับ 3: [รถไฟ JR สาย Musashino] สถานี Higashi-Urawa → Minami-Urawa

ช่วงเวลาพีค: 7:05~8:05 น. / อัตราความแออัดเฉลี่ย: 148%

รถไฟ JR สาย Musashino
ที่มาของภาพ: Photo AC


อันดับที่ 3 ในการจัดอันดับครั้งนี้ คือ รถไฟ JR สาย Musashino ช่วงสถานี "Higashi-Urawa" ถึงสถานี "Minami-Urawa" ซึ่งรถไฟ JR สาย Musashino เป็นจุดเชื่อมต่อเขตต่างๆ รอบกรุงโตเกียว ตั้งแต่เขตสึรุมิ เมืองโยโกฮาม่า ผ่านไปยังจังหวัดไซตามะและชิบะ เปรียบเสมือนเข็มขัดที่รัดรอบกรุงโตเกียว กลายเป็นเส้นทางรถไฟที่สำคัญสำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้น แต่ที่นี่มีความพิเศษคือ ช่วงเวลาที่รถไฟแออัด จะต่างกันในตอนเช้าและตอนเย็น ช่วงเช้าจากสถานี "Higashi-Urawa → Minami-Urawa" ในจังหวัดไซตามะ เป็นช่วงที่คนพลุกพล่านที่สุด ช่วงเย็นจะเป็น "Nishi-Funabashi → Funabashi Houten" ที่แออัดกว่า เรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยได้พบเห็นบ่อยนักในเส้นทางอื่นๆ

อันดับ 2: [รถไฟ JR สาย Saikyo] สถานี Itabashi → Ikebukuro

ช่วงเวลาพีค: 7:51~8:51 น. / อัตราความแออัดเฉลี่ย: 149%

สถานี Ikebukuro
ที่มาของภาพ: Photo AC


เส้นทางรถไฟ JR สาย "Saikyo" เป็นจุดเชื่อมต่อสถานี Omiya ในจังหวัดไซตามะ ถึงสถานี Osaki ในโตเกียว โดยวิ่งผ่านย่านธุรกิจขนาดใหญ่ทางฝั่งตะวันตกของกรุงโตเกียว เช่น "อิเคะบุคุโระ", "ชินจูกุ" และ "ชิบุย่า" โดยเฉพาะช่วงจากสถานี "Itabashi" ทางตอนเหนือของโตเกียว ไปยังสถานี "Ikebukuro" ผู้คนจะหนาแน่นมากที่สุด "อิตาบาชิ" ตั้งอยู่ชานเมืองของโตเกียว ติดกับจังหวัดไซตามะ ทำให้มีค่าครองชีพต่ำ ค่าเช่าที่พักและราคาสินค้าค่อนข้างถูก จึงมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ส่วน "อิเคะบุคุโระ" เป็นหนึ่งในสามย่านธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของโตเกียว มีการคมนาคมสะดวกสบาย มีทั้งห้างสรรพสินค้า แหล่งบันเทิง และสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ส่งผลให้มีจำนวนผู้โดยสารเดินทางมามากมายในช่วงเช้าและเย็น

อันดับ 1: [รถไฟโตเกียวเมโทรสาย Nippori-Toneri Liner] สถานี Akado-Shogakkomae → Nishi-Nippori

ช่วงเวลาพีค: 7:20~8:20 น. / อัตราความแออัดเฉลี่ย: 155%

รถไฟลอยฟ้าสาย Nippori-Toneri Liner
ที่มาของภาพ: Photo AC


มาถึงอันดับ 1 ที่แออัดที่สุด! นั่นคือรถไฟสาย Nippori-Toneri Liner ที่ดำเนินการโดย Toei Transportation เส้นทางนี้วิ่งบนสะพานยกระดับ เชื่อมต่อเขตอาดาจิ เขตใหญ่ทางตอนเหนือของโตเกียว ไปยังสถานี "Nishi-Nippori" ย่านนี้ถือว่าอยู่ในเขตรอบนอกของโตเกียว ราคาบ้านค่อนข้างถูก มีเขตที่พักอาศัยกว้างขวาง ทุกเช้าจึงมีผู้โดยสารจำนวนมากใช้เส้นทางนี้เพื่อเดินทางเข้าเมือง ส่วนบริเวณ "นิชินิปโปริ" ไปจนถึง "นิปโปริ" มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น ถนนชอปปิ้งยานากะกินซ่า, บันไดยูยาเกะดันดัน และศาลเจ้าเนซุ ตรอกซอกซอยที่นี่เต็มไปด้วยบรรยากาศเมืองเก่าของโตเกียว ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือน แต่หากมาเที่ยวย่านนี้ อย่าลืมเลี่ยงช่วงเวลาเร่งด่วนกันด้วยนะ!

เห็นได้ว่า ช่วง "เวลาเร่งด่วน" ของรถไฟในโตเกียวส่วนใหญ่อยู่ในช่วงเช้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดินทางไปทำงาน สาเหตุหลักคือ โตเกียวเป็นเมืองที่มีลักษณะ "แยกที่อยู่อาศัยกับสถานที่ทำงาน" ออกจากกัน ประชากรจำนวนมากอาศัยอยู่ชานเมือง จำเป็นต้องใช้รถไฟเพื่อเดินทางเข้าตัวเมืองไปทำงาน จึงทำให้ช่วงเช้าเป็นช่วงที่ผู้คนหนาแน่นที่สุด ส่วนช่วงเย็น แม้เส้นทางการเดินทางตอนเลิกงานจะกระจายตัวออกไปบ้าง แต่ก็อาจมีโอกาสที่คุณจะเจอ "รถไฟอันหนาแน่น" ได้อยู่ดี "Japai Japan" จึงขอแนะนำให้ทุกคนที่วางแผนการท่องเที่ยวในโตเกียว พิจารณาในส่วนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพาเด็กหรือผู้สูงอายุเดินทางไปด้วย ควรหลีกเลี่ยงช่วงเวลาเร่งด่วนเพื่อป้องกันการพลัดหลงและเดินทางได้อย่างปลอดภัย ให้ทริปของคุณสนุกสนานยิ่งขึ้นนะ

☞ อ่านเพิ่ม
・[[เที่ยวโตเกียวแบบฟรีสไตล์] อัปเดตสุดในปี 2024! สรุประบบขนส่งและเส้นทางรถไฟของโตเกียว
เคยสัมผัส "เหตุฉุกเฉิน" บนรถไฟบ้างไหม! 4 ประเภทเหตุฉุกเฉินบนรถไฟ รู้ไว้อุ่นใจกว่า

เรียบเรียงโดย: Nene 2024.6
บรรณาธิการที่รับผิดชอบ: Yusho
แหล่งที่มาของวัสดุ: ทั่วประเทศตามพื้นที่! อันดับอัตราความแออัดของรถไฟฟ้า