สวนสาธารณะแห่งชาติชินจูกุเกียวเอน (Shinjuku Gyoen National Garden) เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวยอดนิยมอีกแห่งในชินจูกุอย่าง ที่มีถึง 3 สไตล์ที่แตกต่างกันด้านใน และมีเรือนกระจกขนาดใหญ่ ที่สามารถชมดอกไม้หลากหลายชนิดได้ตลอดทั้งปี เรียกได้ว่าเป็นสถานที่พักผ่อนทั้งสำหรับคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ สวนชินจูกุเกียวเอนเองยังเป็นต้นแบบสถานที่ถ่ายทำผลงานของคุณ มาโกโตะ ชินไค ในเรื่อง ยามสายฝนโปรยปราย (The Garden of Words/言の葉の庭) ทำให้มีเหล่าแฟนๆจำนวนมากจากทั่วโลกแวะเวียนมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย ด้านในจะมีบรรยากาศยังไงบ้าง ตาม "JapaiJAPAN" มาเติมกันเลย!

ชินจูกุเกียวเอน สวนที่รวมศิลปะการจัดสวนทั้งแบบตะวันออกและตะวันตกเข้าไว้ด้วยกัน
หากพูดถึงชินจูกุ ใครหลายคนคงนึกถึงแต่ตึกระฟ้า ห้างสรรพสินค้ามากมาย และ สถานีรถไฟชินจูกุอันวุ่นวาย ในย่านพื้นที่ที่ที่ดินมีราคาแพงมากเช่นนี้ยังมี สวนชินจูกุเกียวเอน (Shinjuku Gyoen National Garden) ซ่อนอยู่ ว่ากันว่าต้นกำเนิดของสวนนี้ย้อนไปยังสมัยเอโดะ เมื่อโทกุงาวะ อิเอยาสุมอบที่ดินผืนใหญ่ให้แก่ขุนนางคนสำคัญนายโท คิโยนาริ เพื่อตอบแทนความดีความชอบที่ทำมาหลายปี โดยตั้งชื่อว่า "ไนโตะมาจิ" ในปี 1698 รัฐบาลได้สั่งให้ตระกูลไนโตะคืนที่ดินบางส่วน เพื่อสร้างเป็นสถานีพักใหม่บนถนนโคชุ และตั้งชื่อว่า "ไนโตะชินจูกุ" ซึ่งต่อมาเรียกพื้นที่บริเวณนี้สั้นๆ ว่า "ชินจูกุ" นี่คือที่มาของชื่อชินจูกุในปัจจุบัน
สวนสามแบบที่แตกต่างกัน
ความสนุกของการเที่ยวชมสวนชินจูกุเกียวเอน คือ การได้ชื่นชมสวน 3 รูปแบบที่แตกต่างกัน สวนแบบญี่ปุ่นมีองค์ประกอบของสระน้ำ ภูเขาจำลอง หิน และพืชพรรณที่ได้รับการตัดแต่งอย่างประณีต ทางเดินได้รับการจัดวางอย่างดี ทำให้สามารถชื่นชมความหลากหลายของสวนได้ขณะเดินชม ภายในสวนยังมีโรงน้ำชาสองแห่ง คือ "ราคุโยเท" และ "โชเทนเท" หากเหนื่อยจากการเดินชม สามารถแวะพักดื่มชาหรือนั่งชมความงามอันเงียบสงบของสวนญี่ปุ่น ในสวนแบบญี่ปุ่นมีอาคารพิเศษที่ชื่อ "คิวโกเรียวเท" หรือ "หอไต้หวัน" สร้างขึ้นในปี 1927 โดยชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในไต้หวันเพื่อเฉลิมฉลองการอภิเษกสมรสของจักรพรรดิโชวะอีกด้วย

สวนแบบญี่ปุ่น

หอไต้หวัน ที่สร้างขึ้นในปี 1927
ในปี 1906 สวนของตระกูลไนโตะได้รับการปรับปรุงให้เป็นสวนหลวง มีการสร้างสวนแบบอังกฤษ และสวนแบบฝรั่งเศสซึ่งเป็นตัวแทนของสวนแบบตะวันตก "สวนแบบอังกฤษ" มีลักษณะเด่นคือสนามหญ้าขนาดใหญ่และต้นบีชสูง 30 เมตร พื้นที่เปิดโล่งมีตึกระฟ้าของชินจูกุเป็นฉากหลัง เสมือนเป็นโอเอซิสกลางเมือง ส่วน "สวนแบบฝรั่งเศส" มีลักษณะเด่นโดยมีความสมมาตรซ้ายขวาและการตัดแต่งที่ประณีต ภายในสวนมีกุหลาบมากกว่า 110 สายพันธุ์ประมาณ 500 ต้น และมีแถวต้นเพลนทรีแบบฝรั่งเศสเรียงเป็นระเบียบทั้งสองข้าง เป็นบรรยากาศสวนแบบยุโรปที่สมบูรณ์แบบสุดๆ

สวนสไตล์อังกฤษมีลักษณะเด่นด้วยสนามหญ้ากว้างและต้นไม้ใหญ่
ภาพจาก 東京デート

สวนฝรั่งเศสแบบฟอร์มัลมีต้นแพลทานัสฝรั่งเศส
ภาพจาก 東京デート
เรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลกตะวันออก ที่ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ของญี่ปุ่น
หลังจากเข้าสู่ยุคเมจิ รัฐบาลญี่ปุ่นได้ซื้อที่ดินบางส่วนจากตระกูลไนโตะ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีการเกษตร จึงได้จัดตั้ง "สถานีทดลองไนโตะชินจูกุ" เพื่อทำการวิจัยด้านการเกษตรต่างๆ และส่งเสริมการปรับปรุงเทคนิคต่างๆ เช่น ปศุสัตว์ พืชสวน การผลิตชา การเลี้ยงไหม และเครื่องมือการเกษตร ในปี 1878 สามารถปลูกพืชได้สำเร็จมากกว่า 3,000 สายพันธุ์ และในปีเดียวกันนี้ยังได้สร้างเรือนกระจกแบบตะวันตก กลายเป็นผู้บุกเบิกการพัฒนาเทคโนโลยีเรือนกระจกของญี่ปุ่น เรือนกระจกที่มีอยู่ในปัจจุบันได้สร้างเสร็จในปี 1958 และมีการปลูกพืชเขตร้อนมากกว่า 2,300 สายพันธุ์ จนได้รับการขนานนามว่าเป็นเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลกตะวันออก

เรือนกระจกชินจูกุเกียวเอน สถานที่บุกเบิกเรือนกระจกของประเทศญี่ปุ่น

พืชเขตร้อนมากกว่า 2,300 สายพันธุ์
สถานที่ชมซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีอันดับ 1 ของโตเกียว
ภายในสวนชินจูกุเกียวเอนนั้นปลูกต้นซากุระกว่า 65 สายพันธุ์ จำนวนกว่า 1,100 ต้น ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงปลายเดือนเมษายน สามารถชื่นชมความงามของดอกซากุระหลากหลายสายพันธุ์ ได้ทั่วทั้งสวน โดยเฉพาะในช่วงฤดูซากุระ ถือเป็นสถานที่ขึ้นชื่อและเต็มไปด้วยคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมความงามของดอกซากุระ มีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาปิกนิก นอกจากฤดูใบไม้ผลิแล้ว ในฤดูใบไม้ร่วงก็สวยงามไม่แพ้กัน เมื่อต้นทิวลิปทรีอเมริกาเหนือ ต้นแพลทานัสฝรั่งเศส ต้นแปะก๊วย และต้นเมเปิ้ลเปลี่ยนสี ทำให้สีโดยรวมของชินจูกุเกียวเอนค่อยๆ เปลี่ยนจากสีเขียวเข้มเป็นสีเหลืองและสีแดง เป็นภาพที่สวยงามเกินบรรยาย นอกจากนี้ ตลอดทั้งสี่ฤดูยังสามารถชื่นชมความงามของดอกบ๊วย ดอกคาเมเลีย ดอกกุหลาบ ดอกไฮเดรนเยีย และดอกเบญจมาศ สลับกันไปในแต่ละฤดูได้อีกด้วย

ช่วงฤดูซากุระบาน

ภาพถ่ายช่วงฤดูใบไม้ร่วง ถ่ายโดย issue
ช่วงเปิดพิเศษที่ไม่มีวันหยุด:
・【เปิดพิเศษฤดูใบไม้ผลิ】25 มีนาคม - 24 เมษายน
・【เปิดพิเศษฤดูใบไม้ร่วง】1 พฤศจิกายน - 15 พฤศจิกายน
ความสวยงามอันเป็นสถานที่ต้นแบบอนิเมชั่นดังของ มาโกโตะ ชินไค เรื่อง ยามสายฝนโปรยปราย (The Garden of Words)
ผู้กำกับมาโกโตะ ชินไค ที่โด่งดังจากภาพยนตร์อนิเมะ Your Name นั้น ที่จริงแล้วได้สร้างผลงานดีๆ มาแล้วมากมายก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเรื่อง ยามสายฝนโปรยปราย (The Garden of Words/言の葉の庭) ที่ฉายในปี 2013 ก็เป็นหนึ่งในผลงานเด่นอีกชิ้น อนิเมะเรื่องนี้เล่าถึง ทาคาโอะ อาคิสึกิ นักเรียนมัธยมที่มีความฝันอยากเป็นช่างทำรองเท้า ในเช้าวันฝนตกวันหนึ่ง เขาหนีเรียนมานั่งคิดแบบรองเท้าที่ศาลาในสวนชินจูกุเกียวเอน ที่นั่นเขาได้พบกับ ยูกิโนะ ยูคาริ หญิงสาวที่กำลังดื่มเหล้าและทานช็อกโกแลตอยู่ที่ศาลา ก่อนจากไป เธอได้ทิ้งบทกวีโบราณจาก "มันโยชู" ไว้ หลังจากพบกัน โตเกียวก็เข้าสู่ฤดูฝน ทุกเช้าที่ฝนตก ทั้งสองคนจะมาเจอกันที่ศาลาโดยไม่ได้นัดหมาย เรื่องราวจึงดำเนินไปโดยมีสวนชินจูกุเกียวเอนนี้เป็นฉากหลักสำคัญของเรื่อง

ศาลาหลักในอนิเมชั่น

ซุ้มต้นวิสทีเรีย หนึ่งในอีกฉากสำคัญของเรื่อง
ศาลาที่ทาคาโอะและยูกิโนะใช้หลบฝนและมีซุ้มต้นวิสทีเรียในเรื่อง ตั้งอยู่ในสวนสไตล์ญี่ปุ่นของสวนชินจูกุเกียวเอน เรียกได้ว่าทุกๆ ภาพยนตร์อนิเมชั่นของผู้กำกับ มาโกโตะ ชินไค มักจะแสดงให้เห็นสถานที่จริงแบบสมจริงมากๆ สำหรับคนที่ได้ดูเรื่อง ยามสายฝนโปรยปราย แล้วล่ะก็ ต้องประทับใจเมื่อได้มาเยือนสถานที่จริงอย่างแน่นอน ฉากอื่นๆ ในเรื่องก็เดินหาได้ไม่ยาก นอกจากนี้ผู้กำกับมาโกโตะ ชินไค ยังได้ซ่อนอีสเตอร์เอ้กไว้ในผลงานของเขาด้วย เช่น ฉากที่ยูกิโนะกลับไปเป็นครูที่โรงเรียนบ้านเกิดของเธอนั้น ก็ได้ปรากฏในเรื่อง "Your Name" ที่สร้างออกมาทีหลังเช่นกัน เรียกได้ว่านำเอาผลงานทั้งสองเรื่องเชื่อมต่อเข้าหากันได้อย่างแยบยล

มุมมองของศาลาและซุ้มต้นวิสทีเรียในอนิเมะ

สะพานที่ทาคาโอะเดินข้ามไปยังศาลาเป็นประจำ
หมายเหตุ:ถึงแม้ในอนิเมะจะมีฉากที่ยูกิโนะดื่มเหล้าในศาลา แต่ความจริงแล้ว การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสวนชินจูกุเกียวเอนเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเด็ดขาด !
วิธีการเดินทางไปสวนชินจูกุเกียวเอน
สวนชินจูกุเกียวเอนมีพื้นที่กว้างใหญ่ โดยมีทางเข้า-ออกทั้งหมด 3 ประตู การเที่ยวชมสวนแห่งนี้ไม่มีลำดับการเดินชมที่ตายตัว นักท่องเที่ยวสามารถเลือกวิธีการเดินทางและทางเข้าที่สะดวกที่สุดได้
【ประตูชินจูกุ】

ประตูชินจูกุ
การเดินทาง:
- มาโดยรถไฟ JR , สาย Keio , สาย Odakyu ทางออกใต้ของสถานีชินจูกุ เดิน 10 นาที
- มาโดยรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Marunouchi สถานี Shinjuku Gyoen-mae ทางออก 1 เดิน 5 นาที
- มาโดยรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Fukutoshin สถานี Shinjuku-sanchome ทางออก E5 เดิน 5 นาที
- มาโดยรถไฟ Toei Shinjuku Line สถานี Shinjuku-sanchome ทางออก C1 , C5 เดิน 5 นาที
【ประตูเซนดะงายะ】

ประตูเซนดางะยะ
การเดินทาง:
- มาโดยรถไฟ JR สาย Sobu สถานี Sendagaya เดิน 5 นาที
- มาโดยรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Fukutoshin สถานี Kita-sando ทางออก 1 เดิน 10 นาที
- มาโดยรถไฟ Toei Oedo Line สถานี Kokuritsu-kyogijo ทางออก A5 เดิน 5 นาที
【ประตูโอคิโดะ】

ประตูโอคิโดะ
การเดินทาง:
・มาโดยรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Marunouchi สถานี Shinjuku Gyoen-mae ทางออก 2 เดิน 5 นาที
Shinjuku Gyoen National Garden (新宿御苑)
・ที่ตั้ง:11 Naito-machi , Shinjuku-ku , Tokyo
・เวลาทำการ:09:00-18:00 น. (เข้าสวนได้ถึง 17:30 น.) | ช่วงฤดูร้อน (1 ก.ค.-20 ส.ค.) เปิด 09:00-19:00 น. (เข้าสวนได้ถึง 18:30 น.)
・วันหยุด:ทุกวันจันทร์และช่วงปีใหม่ (29 ธ.ค.-3 ม.ค.) หากวันจันทร์ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะหยุดในวันถัดไปแทน ไม่มีวันหยุดในช่วงเทศกาลพิเศษฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง
・ค่าเข้าชม:ผู้ใหญ่ 500 เยน | นักเรียนและผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 250 เยน | เด็กเล็กฟรี
・การเดินทาง:ดูรายละเอียดได้ที่ด้านบน
・เว็บไซต์ทางการ
สวนชินจูกุเกียวเอน (Shinjuku Gyoen National Garden) เป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวย่านชินจูกุ โดยเฉพาะใครที่ต้องการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติและถ่ายภาพสวยๆ กลางกรุงโตเกียว สามารถเดินทางมาได้ง่ายๆ จากสถานีรถไฟชินจูกุ