เมื่อเดินทางในโตเกียว นอกจากบัตร Suica แล้ว คุณยังสามารถเลือกใช้บัตรPASMO ได้อีกด้วย บทความนี้ขอนำเสนอรายละเอียดการเปรียบเทียบระหว่างบัตร Suica และ PASMO ความแตกต่างระหว่าง PASMO PASSPORT และ PASMO ธรรมดา รวมถึงวิธีการซื้อ, การเติมเงินและการคืนบัตร PASMO ด้วยตัวเอง ซึ่งตัวบัตร PASMO เวอร์ชันธรรมดาจะถูกยกเลิกใช้ในวันที่ 2 สิงหาคม ปี 2023 จึงขอแนะนําให้ทุกคนอ่านรายละเอียดวิธีการผูก PASMO กับ iPhone Apple Pay ต่อไปนี้ เพื่อหมดปัญหากับการซื้อบัตรตัวจริง!
.PASMO VS Suica
.บัตรจริง PASMO
☞ ขั้นตอนและวิธีการใช้งาน
.วิธีการซื้อบัตร
.วิธีการเติมเงิน
.วิธีการคืนบัตร
☞PASMO PASSPORTคืออะไร
.แอปพลิเคชัน PASMO
☞วิธีการผูก PASMO สําหรับผู้ใช้ iPhone
วิธีการขอบัตร PASMO ใหม่
ข้อควรระวังสำหรับการใช้ PASMO
☞ ขอบเขตการใช้งานของ PASMO
☞ หากจำนวนเงินคงเหลือไม่เพียงพอ จะไม่สามารถออกจากสถานีได้
☞ไม่ควรใส่บัตรจริงในกระเป๋าเงิน
☞ วิธีการแก้ไขปัญหาระหว่าง PASMO สำหรับผู้ใช้ iPhone กับโปรแกรมการชำระเงินต่างๆ
☞ไม่แนะนําให้ใช้แผ่นแปะระบายความร้อนสำหรับโทรศัพท์
☞ มาสคอต PASMO และข้อควรรู้เกี่ยวกับหุ่นยนต์ PASMO
PASMO VS Suica
บัตร PASMO เป็นบัตรสมาร์ตการ์ดเติมเงินที่ใช้เดินทางและแทนการชำระเงินด้วยเงินสด ซึ่งใช้งานกันอย่างแพร่หลายในพื้นที่โตเกียว สามารถเติมเงินที่หลายสถานีหลักและร้านสะดวกซื้อ โดยใช้ได้กับการนั่งรถไฟฟ้าและรถบัสเกือบทุกขบวน ใช้เพื่อนั่งรถไฟสาย JR ก็ไม่มีปัญหา ร้านค้าหลายร้านก็สามารถใช้บัตรนี้เพื่อชำระเงินได้ เส้นทางขบวนที่ Suica สามารถใช้งานได้ บัตร PASMO ก็ใช้ได้เช่นกัน โดยรวมไปถึงเขตเซนได, นีงาตะ, ฮอกไกโด, คันไซ, คิวชู, โอกินาว่าและอื่นๆ ในแง่ของการใช้งาน จะบัตรไหนก็สะดวกเหมือนกัน
※ บัตร PASMO ที่ไม่ลงทะเบียนได้หยุดจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2023
ความแตกต่างที่ชัดเจนคือเมื่อซื้อบัตรสมาร์ตการ์ดที่สถานีของ JR จะได้บัตร Suica แต่หากซื้อที่เครื่องจําหน่ายตั๋วอัตโนมัติ Metro จะได้บัตร PASMO ลักษณะภายนอกของบัตร Suica ใช้สีเขียวและสีเงินเป็นหลัก ในขณะที่บัตร PASMO ใช้สีเงินพร้อมตัวอักษรสีชมพูอ่อน นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเขตตัวเมืองโตเกียวสามารถเลือกซื้อได้ตามความสะดวกและความชอบส่วนตัว
PASMO VS Suica | PASMO | Suica |
สถานที่ซื้อ | Metro โตเกียว, Seibu Railway, Odakyu Electric Railway และสถานีเอกชนอื่น ๆที่ร่วมมือกับ PASMO | สถานี JR |
สีของบัตร | พื้นหลังสีเงินและตัวอักษรสีชมพู | พื้นหลังสีเขียว, สีเงินและตัวอักษรสีขาว |
บริเวณที่ใช้งาน | 10 พื้นที่เขตตัวเมือง | 10 พื้นที่เขตตัวเมือง |
บัตรสมาร์ทการ์ดเวอร์ชันแอปพลิเคชัน | มี | มี |
การชําระเงินที่ร้านค้า | ได้ | ได้ |
จํานวนเงินสูงสุดในบัตร | 20,000 เยนญี่ปุ่น | 20,000 เยนญี่ปุ่น |
การคืนบัตรและรับค่ามัดจํา | ได้ | ได้ |
บัตร PASMO ตัวจริง
ปัจจุบันบัตร PASMO ตัวจริงได้หยุดจำหน่ายไปแล้ว!
ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2023 เป็นต้นไป บัตร PASMO ตัวจริงที่ลงหรือไม่ลงทะเบียน ได้ถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการ ซึ่งยังไม่มีการประกาศวันที่ขายอีกครั้ง หากมีความต้องการ เราขอแนะนําให้ใช้ PASMO PASSPORT หรือแอปพลิเคชัน PASMO
ขั้นตอนและวิธีการใช้งาน
ขั้นตอนการซื้อบัตร
คุณสามารถซื้อ PASMO ได้ที่สนามบินนาริตะ, สนามบินฮาเนดะ และสถานีรถไฟฟ้าหรือรถบัสเอกชนที่ร่วมมือกับ PASMO อย่าง Metro โตเกียว, Seibu Railway, Tokyu Corporation, Odakyu Electric Railway, Keio Corporation และอื่นๆ ซึ่งมีขั้นตอนการซื้อบัตรดังต่อไปนี้:
แม้ว่ารายละเอียดเครื่องจําหน่ายตั๋วอัตโนมัติของแต่ละสถานีจะแตกต่างกันไป แต่ขั้นตอนการดำเนินการโดยรวมนั้นไม่แตกต่างกันมากนัก
วิธีการเติมเงิน
สามารถเติมเงินบัตร PASMO จากเครื่องเติมเงินในสถานีหรือร้านสะดวกซื้อบางแห่ง โดยปกติสามารถเติม 1,000 เยน แต่บางสถานีรองรับการเติมด้วยเหรียญ 500 เยน และน้อยสถานีรองรับการเติมด้วย 10 เยน ซึ่งจำนวนสูงสุดที่สามารถเติมได้คือ 20,000 เยน หากเกิดข้อผิดพลาดระหว่างการเติมเงิน (เช่นต้องการเติม 1,000 เยน แต่บังเอิญเติมเป็น 10,000 เยน) ต้องทำเรื่องคืนเงินกับสถานีที่เติมเงินภายในวันที่เติมเงินผิดพลาดและยังไม่ได้ใช้จํานวนเงินที่เติมไป (ไม่มีค่าธรรมเนียม) ต่อไปนี้ขอแนะนําขั้นตอนในการเติมเงิน:
วิธีการคืนบัตร
หากคุณไม่ต้องการบัตร PASMO หลังจากท่องเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว สามารถทำเรื่องคืนบัตรที่สถานีเอกชนที่ร่วมมือกับ PASMO และรับค่ามัดจํา 500 เยนคืน อย่างไรก็ตามโปรดรับรู้ว่ายอดคงเหลือที่เติมไว้ในบัตรจะได้รับคืนหลังจากหักค่าธรรมเนียมการจัดการ 220 เยน และหากยอดคงเหลือน้อยกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ ยอดคงเหลือจะถูกหักล้างทั้งหมด แต่เงินจํานวนนี้คํานวณแยกต่างหากจากค่ามัดจำ 500 เยน ซึ่งหมายความว่าค่ามัดจำจะได้คืนเต็มจำนวน บัตร PASMO มีระยะเวลาการใช้งานทั้งหมด 10 ปีนับจากวันสุดท้ายที่ใช้งาน ดังนั้นหากรู้สึกว่ามีโอกาสได้ใช้อีกครั้ง สามารถเก็บบัตรไว้ใช้ครั้งต่อไปโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม 220 เยน
วิธีการคํานวณจำนวนเงินคืนของบัตร PASMO:
(ยอดคงเหลือในบัตร - 220 เยน หักสูงสุดเหลือศูนย์) + ค่ามัดจำ 500 เยน = จํานวนเงินสุดท้ายที่ได้รับ
PASMO PASSPORT
นอกจากบัตร PASMO ธรรมดาแล้ว ยังมี "PASMO PASSPORT" สําหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกด้วย ซึ่งเป็นบัตรลายการ์ตูนน่ารักที่เป็นการคอลแลปกันกับ Sanrio และสามารถซื้อได้ตามสถานีที่กําหนด (ปัจจุบันสามารถซื้อได้เฉพาะที่สนามบินนาริตะเท่านั้น) วิธีการใช้และการเติมเงินของ "PASMO PASSPORT" นั้นเหมือนกับบัตร PASMO ธรรมดา แต่สิทธิพิเศษของบัตรใบนี้คือ สามารถรับส่วนลดจากร้านค้าร่วมรายการบางสาขาได้(ดูรายละเอียดที่ "เว็บไซต์ทางการ PASMO PASSPORT")
สิ่งที่พิเศษอีกอย่างของ "PASMO PASSPORT" คือสามารถซื้อแพ็กเกจ "Greater Tokyo Pass" ที่ใช้นั่งรถไฟเอกชน 13 สายและรถบัส 31 สาย ในเขตคันโตตามระยะเวลาที่กําหนดโดยไม่จำกัดจำนวนครั้งได้ หากต้องการใช้ "Greater Tokyo Pass" ต้องซื้อ "PASMO PASSPORT" ล่วงหน้า ดังนั้นจึงขอแนะนําสําหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการ (ดูรายละเอียดที่ "เว็บไซต์ทางการ Greater Tokyo Pass") สุดท้ายคือระยะเวลาการใช้งานของ "PASMO PASSPORT" มีอายุเพียง 28 วัน ซึ่งไม่สามารถใช้งานได้เมื่อหมดอายุ และบัตรนี้ไม่สามารถคืนบัตร และคืนยอดเงินคงเหลือในบัตรได้ หลังจากหมดอายุ ตัวบัตรจะกลายเป็นเพียงของที่ระลึกสุดน่ารักจาก Sanrio
ราคา "PASMO PASSPORT" :
เติมเงินล่วงหน้า 1,500 เยน ซึ่งไม่สามารถคืนบัตรและยอดเงินคงเหลือได้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ทางการ
แอปพลิเคชัน PASMO
วิธีการเติมเงินและผูกบัญชี PASMO สำหรับผู้ใช้ iPhone
บัตร PASMO ธรรมดาหยุดจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2023 หากนักท่องเที่ยวไม่ต้องการซื้อ PASMO PASSPORT ยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน PASMO ได้ ซึ่งตัวแอปพลิเคชัน PASMO สามารถผูกบัญชีโดยตรงกับบัตรเครดิต, Apple Pay หรือ Google Pay เพื่อเติมเงิน ดังนั้นจึงไม่ต้องเสียเวลากับการเติมเงินตู้ในชั่วโมงเร่งรีบ อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าเติมเงินอัตโนมัติได้แบบสะดวกสุดอีกด้วย ต่อไปนี้คือขั้นตอนการบัตรเข้ากับบัญชี:
แม้ว่าแอปพลิเคชัน PASMO นั้นจะสะดวกมาก แต่ก็มีสองสิ่งที่ควรระวัง: แอปพลิเคชัน PASMO เวอร์ชัน Google Play ไม่รองรับโทรศัพท์ Android ที่ซื้อนอกประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นผู้ใช้ระบบ Android ต่างประเทศอาจจะใช้แอปพลิเคชันไม่ได้ ในส่วนของผู้ใช้ระบบ iOS ต้องเป็น iPhone 8 ขึ้นไป หรือ Apple Watch Series 3 ที่มี watch OS7.0 ขึ้นไปถึงจะใช้งานได้ ข้อจํากัดในการใช้งานมีไม่น้อย ดังนั้นนักท่องเที่ยวควรตรวจสอบอุปกรณ์โทรศัพท์ล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการใช้งานภายหลัง
ลิงก์ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน PASMO
・App Store
・Google Play Store ※ ไม่รองรับโทรศัพท์ Android ที่ซื้อนอกประเทศญี่ปุ่น
วิธีการขอบัตร PASMO ใหม่
บัตร PASMO ตัวจริง
บัตร PASMO ที่ลงทะเบียน:
หากเกิดการทำบัตรสูญหาย สามารถทำเรื่องสูญหายที่เคาน์เตอร์ได้ โดยขั้นแรกต้องกรอกแบบฟอร์มการสูญหายและแบบฟอร์มการขอบัตรใหม่ จากนั้นนำแบบฟอร์มทั้งหมดไปที่เคาน์เตอร์บริการ พร้อมหลักฐานยืนยันตัวตนเพื่อชําระค่าธรรมเนียมการขอบัตรใหม่ (520 เยนสําหรับค่าธรรมเนียมการออกบัตรใหม่ + 500 เยนสําหรับค่ามัดจำบัตรใหม่ = 1,020 เยน) และรับบัตรใหม่ ซึ่งบัตรใหม่มีฟังก์ชันเหมือนบัตรเก่าทั้งหมด เช่นยอดเงินคงเหลือ, สถานะตั๋ว และการตั้งค่าเติมเงินอัตโนมัติต่างๆ
บัตร PASMO ที่ไม่ลงทะเบียน:
ไม่สามารถออกบัตรใหม่ได้ และจำเป็นต้องซื้อบัตรใหม่เท่านั้น
แอปพลิเคชัน PASMO
หากเกิดการสูญหายสำหรับโทรศัพท์มือถือที่ผูกกับแอปพลิเคชัน PASMO จำเป็นต้องทำเรื่อง ยกเลิกบัญชี PASMO เดิมทางออนไลน์ จากนั้นตั้งค่าผูกมัดบัตรใหม่ ซึ่งไม่มีค่าธรรมเนียม แต่ขั้นตอนจะซับซ้อนมากกว่า
ข้อควรระวังสำหรับการใช้ PASMO
ขอบเขตการใช้งานของ PASMO
สามารถใช้งานทั่วโตเกียวได้โดยไม่มีปัญหา และยังใช้งานได้ทั้ง 10 โซนหลักภายในประเทศ อย่างโอซาก้า, เกียวโต, ฟุกุโอกะ และอื่นๆ ดังนั้นยากที่จะนำเสนอรายละเอียดทั้งหมด (ดูข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ทางการ) วิธีการสังเกตขอบเขตการใช้งานที่ง่ายที่สุดคือ ยึดสัญลักษณ์ "PASMO" เป็นหลัก หากมีสัญลักษณ์นี้หมายความว่าสามารถใช้ PASMO เพื่อชำระเงินได้ แต่ต้องระวัง PASMO ไม่สามารถใช้กับรถไฟชินคันเซ็นได้
ที่มาของภาพ: เว็บไซต์ทางการ PASMO
หากจำนวนเงินคงเหลือไม่เพียงพอ จะไม่สามารถออกจากสถานีได้
บัตรสมาร์ตการ์ดของประเทศญี่ปุ่นนั้น แตกต่างจากของไทยที่สามารถหักจำนวนเงินถึงติดลบได้ ดังนั้นหากจํานวนเงินเหลือไม่เพียงพอ ประตูทางออกสถานีจะขึ้นไฟสีแดงและห้ามคุณออกจากสถานี แต่สามารถไปเติมเงินที่เครื่องสีเหลืองภายในสถานีได้ วิธีการเติมเงินไม่ต่างจากเครื่องเติมเงินนอกสถานี ขั้นตอนการเติมเงิน:
ไม่ควรใส่บัตรจริงในกระเป๋าเงิน
ข้อควรระวัง หากนำบัตรสมาร์ทการ์ดที่มีชิปสแกน อย่าง PASMO และ Suica หลายใบใส่รวมกันเพื่อเข้าออกสถานี อาจส่งผลให้เกิดข้อผิลพลาดในการสแกนได้ และหากนำบัตรใส่รวมกับวัตถุโลหะ อาจส่งผลให้ไม่สามารถสแกนได้เลย ดังนั้นไม่แนะนำให้ใส่ PASMO ในกระเป๋าเงินกับบัตรอื่นๆ ที่สามารถใช้สแกนได้ เก็บแยกไว้จะดีและปลอดภัยที่สุด
วิธีการแก้ไขปัญหาระหว่าง PASMO สำหรับผู้ใช้ iPhone กับโปรแกรมการชำระเงินต่างๆ
บัตรจริงจะมีปัญหาเมื่อเก็บพร้อมกับบัตรอื่น แต่แอปพลิเคชันไม่มีปัญหานี้ เพียงแค่ตั้งค่าลำดับการชำระเงินล่วงหน้า ถึงแม้ว่ามีแอปพลิเคชันสมาร์ทการ์ดหลายบัตรในโทรศัพท์ (เช่นดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน PASMO และ Suica พร้อมกัน) แอปพลิเคชัน PASMO ก็สามารถใช้งานได้ปกติ หลังจากผูกวิธีการเติมเงินแล้ว อย่าลืมตั้งค่าลำดับการชำระเงิน
ไม่แนะนําให้ใช้แผ่นแปะระบายความร้อนสำหรับโทรศัพท์
ที่ประเทศญี่ปุ่น ในฤดูร้อนผู้คนมักชอบใช้แผ่นแปะระบายความร้อน แต่ว่าแผ่นแปะจะส่งผลรบกวนต่อการทำงานของแอปพลิเคชัน มีโอกาสสูงมากที่จะขัดขวางการสแกนของโทรศัพท์กับประตูทางออก ดังนั้นขอแนะนำให้ผู้ที่ใช้แผ่นแปะระบายความร้อนใช้บัตรตัวจริง หรือแกะแผ่นแปะออกขั่วคราวเมื่อต้องการสแกนแอปพลิเคชัน
มาสคอต PASMO และหุ่นยนต์ PASMO
มาสคอตของ Suica คือนกเพนกวินตัวน้อย ส่วนของ PASMO เป็นเจ้าหุ่นยนต์สุดน่ารัก ถึงแม้เจ้าหุ่นยนต์จะไม่มีชื่อหรือร้านค้าเฉพาะ แต่รูปลักษณ์สีชมพูและหน้าตาที่ไร้เดียวสายังคงดึงดูดแฟน ๆ จํานวนมาก ในบางโอกาสบริษัทขนส่งจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นพิเศษของเจ้าหุ่นยนต์ PASMO เช่น สติกเกอร์ไลน์, ถุงเก็บของ, ซองใส่บัตร, ปฏิทิน และเครื่องเขียนอื่นๆ หากบังเอิญได้พบเจอ ก็สามารถซื้อเป็นของฝากได้!
4 ความลับเล็กๆ ของหุ่นยนต์ PASMO
ผู้ใช้ PASMO ประจำ?!
ความจริงแล้วส่วนสี่เหลี่ยมบริเวณหน้าท้องของเจ้าหุ่นยนต์เป็นกระเป๋าเก็บของ และได้พกบัตร PASMO อยู่ในกระเป๋าตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อต้องการเดินทางด้วยรถไฟ รถบัสหรือซื้อของ เจ้าหุ่นยนต์จะใช้บัตร PASMO เสมอ ถือเป็นผู้ใช้ประจำเลยก็ว่าได้
แปลงร่างได้!
ในช่วงเวลาฉุกเฉิน เจ้าหุ่นยนต์ PASMO จะสามารถแปลงร่างเป็นรถบัสหรือรถไฟ! เช่นเดียวกับที่ PASMO สามารถใช้กับยานพาหนะได้หลากหลาย เจ้าหุ่นยนต์ PASMO สามารถแปลงร่างเป็นยานพาหนะตามที่ต้องการได้
ยังเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย?!
เจ้าหุ่นยนต์ PASMO ยังเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งมักจะติดตามข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เช่นประเด็นการลดก๊าสคาร์บอนไดออกไซด์ และการรีไซเคิลอยู่อย่างสม่ำเสมอ
สีสันหลากหลาย!
แม้ว่าเจ้าหุ่นยนต์ PASMO ส่วนใหญ่จะเป็นตัวสีชมพู แต่ที่จริงแล้วเจ้าหุ่นยนต์ยังสามารถเปลี่ยนเป็นสีอื่นๆได้ เช่น สีชมพูอ่อน สีเหลือง, สีเขียว, หรือสีม่วง เมื่อมีโอกาสมาลองดูดีกว่าว่าพวกคุณจะจำเขาได้หรือไม่
การเดินทางในประเทศญี่ปุ่นมีความซับซ้อนมาก หากมีบัตรสมาร์ทการ์ดสำหรับการเดินทางสักใบ สามารถช่วยลดปัญหาไปได้มาก PASMO PASSPORT และบัตรจริงสําหรับนักท่องเที่ยวยังสามารถนํากลับเป็นของที่ระลึกอีกด้วย แอปพลิเคชัน PASMO ที่ไม่มีค่าธรรมเนียม สามารถเชื่อมกับ Apple Pay หรือบัตรเครดิตอื่นๆ และไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหาเครื่องเติมเงินที่ใช้เงินสด ก็นับว่าเป็นอะไรที่สะดวกมาก หากทุกคนมีโอกาสมาเที่ยวที่โตเกียว เราขอแนะนำให้ลองใช้ แล้วรับรองว่าทริปญี่ปุ่นของคุณจะสะดวกขึ้นอย่างมากเลย!
ผู้เรียบเรียงและเขียน: issue 27/2/2017
อัปเดต: JUN มิ.ย. 8/5/2023
แหล่งที่มาข้อมูล: プレスリリ ー ス - PASMO(パスモ)
บรรณาธิการ: Zita