จังหวัดชิงะเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เดินทางไปคันไซจะต้องแวะ และยังเป็นจังหวัดที่มีทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นก็คือ "ทะเลสาบบิวะ" และศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดของโอมิ "ศาลเจ้าชิราฮิเงะ" และสถานที่ที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 10 สิ่งปลูกสร้างที่ดีที่สุดในโลก "พิพิธภัณฑ์มิโฮะ" เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีธรรมชาติที่สวยงาม ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันลึกซึ้งผสมผสานภูมิทัศน์อันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดชิงะอีกมากมาย ว่าแล้วก็ตาม "Japai JAPAN" ไปรู้จักเมืองนี้ให้มากขึ้นกันดีกว่า!
สถานที่ท่องเที่ยวและเมนูเด็ดในจังหวัดชิงะ
・ลักษณะพิเศษและการเดินทางในจังหวัดชิงะ
・10 สถานที่ห้ามพลาดของจังหวัดชิงะ:ทะเลสาบบิวะ
・10 สถานที่ห้ามพลาดของจังหวัดชิงะ:วัดลอยน้ำ(วัดมังเกสึจิ)
・10 สถานที่ห้ามพลาดของจังหวัดชิงะ:ศาลเจ้าชิราฮิเงะ
・10 สถานที่ห้ามพลาดของจังหวัดชิงะ:วัดเอ็นเรียคุจิ
・10 สถานที่ห้ามพลาดของจังหวัดชิงะ:บ่อน้ำพุร้อนโอะโกโตะ
・10 สถานที่ห้ามพลาดของจังหวัดชิงะ:ปราสาทฮิโกเนะ
・10 สถานที่ห้ามพลาดของจังหวัดชิงะ:พิพิธภัณฑ์มิโฮะ
・10 สถานที่ห้ามพลาดของจังหวัดชิงะ:โอะมิฮะชิมัง
・10 สถานที่ห้ามพลาดของจังหวัดชิงะ : วัดเคียวรินโบะ
・10 สถานที่ห้ามพลาดของจังหวัดชิงะ:ถนนมิซูกิ ชิเงรุ
・เมนูเด็ดที่ห้ามพลาดของจังหวัดชิงะ:เนื้อโอมิ
・เมนูเด็ดที่ห้ามพลาดของจังหวัดชิงะ:ฟูนะซูชิ
・เมนูเด็ดที่ห้ามพลาดของจังหวัดชิงะ:โซเมนปลาแมคเคอเรลย่าง
・เมนูเด็ดที่ห้ามพลาดของจังหวัดชิงะ:คาโมะนาเบะ
・เมนูเด็ดที่ห้ามพลาดของจังหวัดชิงะ:บะหมี่ผัดสุยากิ (Suyaki)
“จังหวัดชิงะ” อยู่ที่ไหน? จะไปยังไงล่ะ? เปิดพิกัดและวิธีเดินทางเอาไว้แล้วที่นี่!
"จังหวัดชิงะ" ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันไซของญี่ปุ่น รถไฟสายที่วิ่งผ่านเช่น "JR สายโคเซ" "JR สายโทไคโด" และจังหวัดชิงะก็ยังอยู่ใกล้กับเกียวโต ดังนั้น จึงสามารถเดินทางมาจากเกียวโตได้อย่างง่ายดายด้วยรถไฟ JR นอกจากนี้ ยังสามารถเดินทางตรงถึงจังหวัดได้จากสนามบินคันไซอีกด้วย
วิธีเดินทางไปยัง "จังหวัดชิงะ" จากเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น (โดยมีสถานีโอสึเป็นสถานีปลายทาง)
ออกเดินทางจาก "โตเกียว" | [เดินทางโดยรถไฟ] จากสถานีโตเกียว - (โดยชินคันเซ็นประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที) - ลงสถานีเกียวโต - (ขึ้นรถไฟ JR ประมาณ 9 นาที) - ลงสถานีโอทสึ |
---|---|
ออกเดินทางจาก "เกียวโต" | [เดินทางโดยรถไฟ] จากสถานีเกียวโต - (นั่งรถไฟ JR ประมาณ 9 นาที) - ลงสถานีโอทสึ |
ออกเดินทางจาก "สนามบินคันไซ" | [เดินทางโดยรถไฟ] จากสถานีสนามบินคันไซ - (ขึ้นสายฮารุกะ ประมาณ 86 นาที) - ลงสถานีโอทสึ |
10 สถานที่ห้ามพลาดของจังหวัดชิงะ
ทะเลสาบบิวะ
พื้นที่รวม 670 ตารางกิโลเมตรของทะเลสาบบิวะ ถือว่าเป็นหนึ่งในทะเลสาบโบราณที่เหลืออยู่ไม่กี่แห่งในโลก โดยพื้นผิวทะเลสาบอันงดงามจะแสดงให้เห็นความมีชีวิตชีวาที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงตามสภาพอากาศและฤดูกาล ด้วยเหตุนี้จึงมีพิกัดยอดฮิต "จุดชมวิวแปดแห่งของทะเลสาบบิวะ" ตัวอย่างเช่น "หมอกและฝน" หมายถึงวัดเอนซุนจิที่สร้างขึ้นในป่าลึกที่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เงียบสงบท่ามกลางสายฝน และ "พระอาทิตย์ตก" หมายถึงทิวทัศน์พระอาทิตย์ตกอันโด่งดังของสะพานชื่อดังของญี่ปุ่นได้แก่ "สะพานเซตะคาราบาชิ" และ "เกคิเม" หมายถึงพระจันทร์เต็มดวงที่ปราสาทฮิโกเนะโบราณ
แน่นอนว่านอกจากจะเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามแล้ว ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมายรอบ ๆ ทะเลสาบบิวะอีกด้วย เช่น การเช่าจักรยานชมวิวริมทะเลสาบ หรือ "พายเรือแคนูทะเลสาบบิวะ" ที่สามารถชมวิวดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ หรือใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงามในฤดูใบไม้ร่วง และในทุกฤดูร้อน ยังมีการจัดเทศกาลดอกไม้ไฟอีกด้วย
วัดลอยน้ำ (วัดมังเกสึจิ)
"วัดลอยน้ำ" หรืออีกชื่อคือวัดมังเกสึจิ เนื่องจากโครงสร้างของวัดอยู่สูงกว่าทะเลสาบจึงดูเหมือนลอยอยู่บนทะเลสาบ และได้รับความเคารพศรัทธาจากผู้คนมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตามตำนานกล่าวว่าวัดนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพระเก็นชินในสมัยเฮอันเพื่อขอพรเรื่องความปลอดภัยของทะเลสาบและให้สิ่งมีชีวิตรอดพ้นจากอันตรายต่าง ๆ ต่อมาได้รับการบูรณะหลังจากได้รับความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่นในปี ค.ศ. 1934 จนมีการปรับปรุงใหม่ในปี ค.ศ. 1982 และยังคงรักษาความสวยงามของวัดเดิมไว้
วัดลอยน้ำ
・ที่อยู่:1-16-18 ฮอนคะทาทะ เมืองโอสึ จังหวัดชิงะ
・ค่าเข้าชม:300 เยนต่อคน
・เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
ศาลเจ้าชิราฮิเงะ
ด้วยประวัติศาสตร์เกือบสองพันปีของศาลเจ้าชิราฮิเงะ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองทาคาชิมะ จังหวัดชิงะ เป็นมรดกที่เก่าแก่ที่สุดในพื้นที่โอมิและอุทิศให้กับเทพเจ้าแห่งอายุที่ยืนยาว โดยทิวทัศน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของศาลเจ้าชิราสึคือประตูโทริอิขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเลสาบ ซึ่งจะมอบบรรยากาศที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา ตั้งแต่เช้าตรู่ พระอาทิตย์ตกจนถึงค่ำคืน นอกจากนี้ ช่วงหลังพระอาทิตย์ตกดิน จะมีแสงไฟแสดงในตอนกลางคืนประมาณสองชั่วโมงอีกด้วย จึงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเพื่อชมทิวทัศน์อันน่าทึ่งนี้เป็นจำนวนมาก
ศาลเจ้าชิราฮิเงะ
・ที่อยู่:215 อุคาวะ เมืองทาคาชิมะ จังหวัดชิงะ
・เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
วัดเอ็นเรียคุจิ
จากเมืองโอสึ จังหวัดชิงะภูเขาฮิเอหรือที่รู้จักกันในนาม "ภูเขาแม่แห่งพุทธศาสนาญี่ปุ่น" เพราะพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงจำนวนมากมักมาปฏิบัติธรรมกันที่วัดเอ็นเรียคุจิ แห่งนี้ ทำให้สถานที่แห่งนี้ถูกพัฒนาเป็นวัดหนึ่งในญี่ปุ่นและมีการจัดตั้งสำนักงานใหญ่นิกายเท็นไดขึ้นมา
วัดเอ็นเรียคุจิ
・ที่อยู่:4220 ซากาโมโตะ ฮอนมาชิ เมืองโอสึ จังหวัดชิงะ
・ช่วงเวลา)ฏิบัติธรรมและและค่าเข้าชม:เนื่องจากเวลาเข้าชมและราคาตั๋วขึ้นอยู่กับสิ่งอำนวยความสะดวกภายในวัด ให้ลองตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียดที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
・เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
บ่อน้ำพุร้อนโอะโกโตะ
บนชายฝั่งตะวันตกของทะเลสาบบิวะเป็นที่ตั้งของ "บ่อน้ำพุร้อนโอะโกโตะ" ถูกค้นพบเมื่อ 1,200 ปีที่แล้วโดยพระสงฆ์ชื่อดังเด็งเกียว ไดชิ ไซโจ น้ำพุร้อนที่นี่ที่มีความเป็นด่างสูงกว่ามาตรฐาน โดยมีค่า pH 9.0 และมีสรรพคุณช่วยฟื้นตัวจากอาการปวดเส้นประสาท ปวดกล้ามเนื้อและความเหนื่อยล้า เรียกอีกอย่างว่า "บ่อผิวสวย" เพราะมีประสิทธิภาพในการผ่อนคลายความเหนื่อยล้าและช่วยให้ผิวพรรณมีความนุ่มนวลเรียบเนียนขึ้นมาก โรงแรมส่วนใหญ่ในพื้นที่น้ำพุร้อนโอะโกโตะจะมีบ่อแช่แบบเปิดโล่งที่ทุกห้องสามารถมองเห็นวิวทะเลสาบบิวะได้อย่างชัดเจน เมื่อมีโอกาสมาเที่ยวทะเลสาบบิวะ ขอแนะนำให้มาพักที่บ่อน้ำพุร้อนโอะโกโตะและเพลิดเพลินกับวันหยุดที่ผ่อนคลายสบายตัว
บ่อน้ำพุร้อนโอะโกโตะ
・ที่อยู่:โอโกโตะ นาเอกะ เมืองโอสึ จังหวัดชิงะ
・เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
ปราสาทฮิโกเนะ
ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขาคินคิซัง ซึ่งปราสาทฮิโกเนะ หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าปราสาท "คินคิโจ" จากประวัติเล่าว่าในปีค.ศ. 1600 อี นาโอมาซะหนึ่งในสี่ไดเมียวของโทคุงาวะได้รับรางวัลจากการรับใช้อันทรงเกียรติในศึกเซคิงะฮาระ ซึ่งหลังจากได้รับรางวัล เขาก็วางแผนที่จะสร้างปราสาท แต่ลูกชายคนโตของกลับเสียชีวิตลง ในปี 1603 อิอิ นาโอกัตสึ หลานชายของอดีตไดเมียว อี นาโอมาซะ จึงได้เริ่มก่อสร้างปราสาทฮิโกเนะที่ต่อมากลายเป็นหนึ่งใน "ปราสาท 12 แห่ง" ที่มีคุณค่ามากและถือเป็นสมบัติของชาติญี่ปุ่น โดยสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลสาบบิวะจากปราสาทได้และในปี 2007 เป็นวันครบรอบ 400 ปีของการก่อสร้างปราสาทฮิโกเนะ จังหวัดชิงะจึงได้จัดทำมาสคอตอย่างเป็นทางการคือเจ้า "ฮิโกเนะ เหมียว" แสนน่ารักน่าเอ็นดูและเป็นขวัญใจแฟน ๆ อย่างมาก
ปราสาทฮิโกเนะ
・ที่อยู่:1-1 คนคิโจ เมืองฮิโกเนะ จังหวัดชิงะ
・เวลาทำการ:8:30~17:00
・ค่าเข้าชม(ปราสาทฮิโกเนะ+สวนเก็นคิวเอน):ผู้ใหญ่ 800 เยน นักเรียนมัธยมต้น 200 เยน
・เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
พิพิธภัณฑ์มิโฮะ MIHO MUSEUM
สถานที่ที่ได้รับการยอมรับจากแฟนศิลปะหลายคนที่บอกว่าอยากมาเยี่ยมชมสักครั้งในชีวิตให้ได้นั่นก็คือ "พิพิธภัณฑ์มิโฮะ" ตั้งอยู่ในเมืองโคกะ จังหวัดชิงะ ก่อตั้งขึ้นโดยคุณมิโฮโกะ โคยะมะ หนึ่งในมหาเศรษฐีของญี่ปุ่นและได้รับการออกแบบโดยสถาปนิก I.M. Pei โดยสถานที่แห่งนี้ได้รับเลือกให้อยู่ในป่าบนภูเขา "โมโมทานิ" ว่ากันว่าในสมัยก่อตั้งแรก ๆ เพื่อไม่ให้มีการทำลายธรรมชาติสภาพแวดล้อมเดิม ได้การขุดเจาะภูเขาและสร้าง "อุโมงค์" ไว้ค่อนข้างกว้างขวาง เมื่อเปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1997 ก็ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบอาคารที่ดีที่สุดในโลกจากนิตยสาร "Times" ด้วยนะ
ระหว่างทางไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะ นักท่องเที่ยวจะต้องผ่านอุโมงค์และสะพานแขวนบนภูเขา โดยสามารถเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศหมู่บ้านท่ามกลางธรรมชาติ โดยตัวอาคารพิพิธภัณฑ์มีออกแบบที่เรียบง่ายโดยใช้ประโยชน์จากการจัดเรียงเส้นเรขาคณิตที่สลับสับเปลี่ยนกันอย่างลงตัวและเปิดรับแสงธรรมชาติจำนวนมากเพื่อให้เห็นวิวที่สมบูรณ์แบบที่สุด รวมทั้งยังมีงานศิลปะทางศาสนาพุทธ ชินโต ภาพวาด อักษรวิจิตรและงานฝีมือเซรามิก ซึ่งผลงานส่วนใหญ่ที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ล้วนเป็นของสะสมส่วนตัวของผู้ก่อตั้งที่เห็นแล้วเป็นต้องอึ้งทีเดียว
พิพิธภัณฑ์มิโฮะ
・ที่อยู่:300 ทะชิโระ โมโมยะ เขตชิงะระคิ เมืองโคกะ จังหวัดชิงะ
・เวลาเปิดทำการ:10:00~17:00
・เวลาปิดทำการ:เวลาปิดทำการแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล สามารถเช็คข้อมูลได้ที่เว็บไซต์
・ค่าเข้า:ผู้ใหญ่ 1,300 เยน นักเรียนนักศึกษาและนักเรียนมัธยมปลาย 1,100 เยน นักเรียนมัธยมปลายลงไปฟรี
・เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
โอะมิฮะชิมัง
"โอะมิฮะชิมัง" ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของทะเลสาบบิวะ เป็นเมืองเก่าแก่เล็ก ๆ ที่มีกลิ่นอายของความเรโทร ที่สร้างโดยพ่อค้าโอมิในยุครุ่งเรือง และยังมีการสร้างอาคารสมัยอะซูจิ-โมโมยามะหลายแห่งรวมถึงรูปปั้นโอะมิฮะชิมังเป็นแลนด์มาร์กยอดนิยม โดยมีนักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมชมกันเรื่อย ๆ เพราะบรรยากาศที่นี่ให้ชวนให้นึกย้อนเวลากลับไปช่วงพ่อค้าโอมิในยุคแรก ๆ บนถนนสายเก่าและคลองที่คดเคี้ยว รวมถึงจุดเช็คอินยอดฮิตในย่านนี้ ได้แก่ อนุสรณ์สถาน, ร้านขนมญี่ปุ่น, ร้านเหล้า, ร้านน้ำชา เป็นต้น ที่นี่ถือว่าเป็นเวลาที่ดีที่จะใช้เวลาสักครึ่งวันมาแวะเดินเล่นและสำรวจบรรยากาศโดยรอบได้อย่างเพลิดเพลินทีเดียวเลย
โอะมิฮะชิมัง
・เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
วัดเคียวรินโบะ
"วัดเคียวรินโบะ" ตั้งอยู่ในเมืองโอมิฮาจิมัง เป็นวัดพุทธเทนได คาดว่าวัดนี้ก่อตั้งโดยเจ้าชายโชโตกุในปีค.ศ. 605 และครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่า "เจียวรินโบ" เพราะมีการเทศนาในภูเขาและป่าไม้ ต่อมาในปี 1964 มาซาโกะ ชิราสุ นักวรรณกรรมผู้ยิ่งใหญ่ได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้ และในงานของเธอได้มีการบรรยายถึงสถานที่นี้ว่าเป็น "วัดหินที่ยังไม่มีใครสำรวจ" ที่นี่มีสวนที่สวยงามที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโมโมยามะและยังมีต้นเมเปิ้ลหลายร้อยต้นที่เมื่อเปลี่ยนเป็นสีแดงสดในฤดูใบไม้ร่วงก็ยิ่งสวยงามขึ้นหลายเท่า
วัดเคียวรินโบะ
・ที่อยู่:1145 อาซูจิโจ อิชิเดะระ เมืองโอมิฮาจิมัน จังหวัดชิงะ
・เปิดทำการ:เปิดวันเสาร์ วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงตุลาคม จะเปิดทุกวันในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง 15 ธันวาคม
・เวลาทำการ:9:30~16:30 ※ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะขยายเวลาถึง 20:30 น.และจะมีแสงไฟประดับยามค่ำคืนตั้งแต่เวลา 17:30 น. - 19:00 น.
・ค่าเข้าชม:[ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี] ผู้ใหญ่ 700 เยน นักเรียนมัธยมต้นและนักเรียนชั้นประถมศึกษา 200 เยน [ช่วงที่ไม่ใช่ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี] ผู้ใหญ่ 600 เยน นักเรียนมัธยมต้นและนักเรียนชั้นประถมศึกษา 200 เยน
・เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
ถนนมิซูกิ ชิเงรุ
"ถนนมิซูกิ ชิเงรุ" ตั้งอยู่ในเมืองทาคาชิมะ จังหวัดชิงะ ถนนเส้นตรงยาว 2.4 กิโลเมตรนี้ทอดยาวจากสวนเกษตรกรรมมากิโนะไปยังที่ราบสูงมากิโนะ โดยมีการปลูกต้นเมตาเซโคเอียหรือต้นสนประมาณ 500 ต้นสองฝั่งตลอดทาง หากไปช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ก็จะได้เห็นต้นสนอันเขียวชอุ่มทั้งแถว แต่ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมักเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมต้น สน เพราะตลอดทางจะถูกย้อมด้วยการไล่ระดับสีส้มและสีแดง ทำให้ทิวทัศน์ดูงดงามมาก ส่วนในฤดูหนาว ต้นสนจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวสีเงินประกายระยิบระยับเหมือนฝันเช่นกัน ซึ่งถนนสายนี้ยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในถนนยอดฮิตจากหนังสือพิมพ์โยมิอุริชิมบุนอีกด้วย และยังได้รับเลือกให้เป็น "ต้นไม้ริมถนนญี่ปุ่น 100 ต้น" และ "100 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดฮิตในญี่ปุ่น" ใครมาชิงะก็อย่าลืมแวะไปถ่ายรูปกันได้นะ
ถนนมิซูกิ ชิเงรุ (Metasequoia Namiki อุโมงค์สนแดง)
・ที่อยู่:ฮิรุกุจิ ~มาคิโนะ เมืองมากิโนะ ทาคาชิมะ จังหวัดชิงะ
・เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
เมนูที่ห้ามพลาดของ "จังหวัดชิงะ"
เนื้อโอมิ
"เนื้อโอมิ" เป็นเนื้อวัววากิวที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดาเนื้อวัววากิวหลักสามชนิดของญี่ปุ่น โดยในยุคสงคราม ไดเมียวโทโยโตมิ ฮิเดโยชิมีประวัติว่าเคยจัดเตรียมเนื้อวัวคุณภาพสูงให้รัฐมนตรีด้วย เมื่อถึงยุคเมจิก็มีการเปิดเส้นทางการค้าของญี่ปุ่น ทำให้เริ่มส่งออก "เนื้อโอมิ" ไปยังโตเกียวด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้คนในสมัยนั้นถือว่าเนื้อโอมิคือเนื้อโกเบและจนกระทั่งปลายศตวรรษที่ 19 จึงได้มีการก่อตั้งแบรนด์ "เนื้อโอมิ" อย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมในการผสมพันธุ์เนื้อวัวโอมิยังได้รับประโยชน์จากสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงถูกเลี้ยงด้วยน้ำใสสะอาดอันมีคุณภาพจากทะเลสาบบิวะและสภาพอากาศที่อบอุ่นคงที่ทำให้เนื้ออร่อย นุ่ม ละลายในปากและมีรสชาติหวาน เนื้อชนิดนี้จึงเป็นเนื้อวากิวคุณภาพสูงที่ชาวชิกะแสนจะภาคภูมิใจซะด้วยนะ
ฟูนะซูชิ
เมนูที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดชิงะ "ฟูนะซูชิ" (Funa zushi) แม้ว่าจะไม่ใช่ซูชิญี่ปุ่นทั่วไปที่เราคุ้นเคยในปัจจุบัน แต่เป็น "มากิซูชิ" ที่ทำโดยการยัดข้าวลงไปในตัวปลาฟุนะที่จับในทะเลสาบบิวะและทำการหมัก กระบวนการหมักเกลืออันยาวนานทำให้ฟูนะซูชิมีรสชาติเค็มและเข้มข้นมากจากน้ำส้มสายชูที่ใช้หมัก วิธีการถนอมอาหารนี้ว่ากันว่าเป็นต้นแบบของเมนูนิกิริซูชิของญี่ปุ่นและเป็นที่ชื่นชอบของคนในท้องถิ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ หลาย ๆ คนไม่คุ้นชินกับกลิ่นของซูชิแบบปลาฟุนะในตอนแรก แต่แนะนำว่าให้ทานคู่กับสาเกเพื่อเพิ่มอรรถอันเป็นเอกลักษณ์ของซูชิแบบฟุนะให้เพลิดเพลินกับการทานมากขึ้น
โซเมนปลาซาบะย่าง
"โซเมนปลาซาบะย่าง" เป็นอาหารท้องถิ่นแบบดั้งเดิมจากเมืองนางาฮามะ จังหวัดชิงะ เมืองนางาฮามะตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบบิวะ ใกล้กับอ่าววากาสะซึ่งอุดมไปด้วยปลาซาบะหรือแมคเคอเรล ว่ากันว่าในช่วงปีแรก ๆ ในช่วงฤดูทำฟาร์มที่วุ่นวาย พ่อแม่จะเตรียมปลาซาบะย่างและมอบให้กับลูกสาวที่แต่งงานกันเป็นครอบครัวชาวนาจึงกลายเป็นประเพณีที่สืบต่อกัน จนกระทั่งช่วงปี 1940 ของยุคโชวะ อาหารที่ผสมผสานระหว่าง "ปลาซาบะย่าง" กับ "โซเมง" ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก ในเวลานั้น ทำให้เมนูนี้จึงกลายเป็นอาหารแสนอร่อยแบบดั้งเดิมที่ขาดไม่ได้ในหลายเทศกาล
ร้านอาหาร "อิคคาคุโระ" ในเมืองนากาฮามะเป็นร้านแรกที่เปิดในปี 1990 โดยมี "ปลาซาบะย่าง" พร้อมภาพเมนูป้ายโฆษณาที่ดูโด่นเด่น เมนูของร้านนี้จะนำปลาซาบะไปย่างและเคี่ยวในซอสเข้มข้น จากนั้นจะใส่เส้นโซเมนลงในซุปเพื่อดูดซับ ซึ่งถือเป็นเมนูที่เข้ากันได้ดีกับไวน์อย่างมาก
คาโมะนาเบะ
"คาโมะนาเบะ" ยังเป็นเมนูที่เป็นตัวแทนขึ้นชื่อของเมืองนากาฮามะอีกด้วย เนื่องจากทุก ๆ ฤดูหนาว เป็ดป่าจำนวนมากจะบินไปทางใต้จากไซบีเรียไปยังทะเลสาบบิวะเพื่อใช้เวลาช่วงฤดูหนาว ในช่วงฤดูล่าเป็ดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม จึงสามารถหาทาน "คาโมะนาเบะ" นี้ได้ทั่วไป ซึ่งวัตถุดิบที่ใช้จะมีเป็ดป่าเนื้ออวบอ้วน ผักและเต้าหู้ รสของเนื้อเป็ดและผักสดหวาน ๆ เข้ากันดีมาก และยังช่วยเติมท้องในรู้สึกอบอุ่นในฤดูหนาวได้อีกด้วย
บะหมี่ผัดสุยากิ (Suyaki)
"SUYAKI" หรือสุยากิเป็นเมนูเส้นที่ดูแสนจะเรียบง่าย เป็นเมนูสุดโปรดของชาวท้องถิ่นเมืองโคกะ จังหวัดชิงะ ที่ถือว่าเป็น "บ้านเกิดของนินจา" ทำโดยการผัดเส้นบะหมี่กับน้ำมันหมูเล็กน้อยจนเป็นสีเหลืองทอง โรยด้วยถั่วงอกก่อนเสิร์ฟ ซึ่งเส้นผัดจะส่งกลิ่นหอมของน้ำมันหมูและสามารถรับประทานคู่กับถั่วงอกกรุบกรอบ "ทานิโนะ โชะคุโด" เป็นผู้ผลิตบะหมี่ท้องถิ่นชื่อดังในเมืองโคกะที่จำหน่าย "สุยากิ" นี้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มซอสสูตรพิเศษพร้อมเครื่องปรุงรสพริกไทย ซึ่งเป็นรสชาติโบราณที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนในท้องถิ่น
หลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยกับชื่อและความงดงามของจังหวัดชิงะ ที่เต็มไปด้วยความสมบูรณ์ของธรรมชาติมากนั้น แต่ที่นี่ก็มีทั้งทะเลสาบอันกว้างใหญ่และภูเขาอันเขียวขจี ที่ใครได้มีโอกาสเห็นวิวทิวทัศน์นั้นด้วยตาของตัวเองเป็นต้องรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก ถ้าคุณหลงรักญี่ปุ่นด้วยความงดงามของธรรมชาติและประวัติศาสตร์เก่าแก่ที่ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างสมบูรณ์ เราขอรับประกันว่าคุณจะต้องตกหลุมรักจังหวัดชิงะอย่างแน่นอน!
☞ อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
・10 ของฝากต้องซื้อจาก "จังหวัดชิงะ" บามคุเฮง, โมจิมิอิเดระ จิคาระ, ฮิโกเนะโดรายากิ และของอร่อยมากมาย!