เชื่อได้ว่า คิวชู นั้นเป็นหนึ่งในภูมิภาคยอดฮิตที่ทุกคนต้องอยากไปเยือนสักครั้ง แต่ว่าคิวชูนั้นแสนกว้างใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นฟุกุโอกะ นางาซากิ คุมาโมโตะ โออิตะ และ คาโกชิมะ แต่ละเมืองนั้นก็ห่างกันไม่น้อย จะเริ่มเที่ยวจากไหน ไปเที่ยวไหน และเดินทางยังไงดี? วันนี้ JapaiJAPAN เลยจะมาแนะนำบัตรโดยสาร JR Kyushu Rail Pass บัตรโดยสารสุดคุ้มที่จะให้คุณขึ้น รถไฟชินคันเซ็น รถด่วนพิเศษ และรถไฟท้องถิ่นได้ไม่จำกัด! นอกจากนี้เรายังจัด ทริปเที่ยวคิวชู 5 วัน มาให้คุณแล้ว แค่มีบัตร 1 ใบและไปตามโปรแกรมที่เราจัดให้ บอกเลยว่าเก็บทุกไฮไลต์ของคิวชูครบแน่นอน!

ก่อนเก็บกระเป๋า มารู้จัก "JR Kyushu Rail Pass" กันก่อน!

JR Kyushu Rail Pass คือ บัตรโดยสารรถไฟแบบไม่จำกัดเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มาเที่ยวเกาะคิวชู สามารถใช้เดินทางได้ทั้งรถไฟชินคันเซ็น รถด่วนพิเศษ และรถไฟท้องถิ่นในเครือ JR Kyushu เหมาะสำหรับคนที่วางแผนเที่ยวหลายเมืองในคิวชู เพราะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากเลยทีเดียว!
อย่างไรก็ตาม การใช้ JR Kyushu Rail Pass นั้นก็มีข้อควรระวังเล็กน้อยดังนี้
。ต้องซื้อก่อนเดินทางถึงญี่ปุ่น
。ใช้ได้เฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ เฉพาะผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติ และมีตราประทับ “Temporary Visitor” (นักท่องเที่ยวระยะสั้น) เท่านั้น
。เริ่มใช้งานได้ภายใน 3 เดือนหลังซื้อ
。ไม่สามารถใช้กับรถไฟบริษัทอื่นได้
ราคาบัตร JR Kyushu Rail Pass
| ประเภท | ระยะเวลา | ราคา ผู้ใหญ่ (12 ปี+) | ราคา เด็ก (6–11 ปี) |
|---|---|---|---|
| All Kyushu | 3, 5, 7 วัน | 3 วัน 22,000 เยน, 5 วัน 24,000 เยน, 7 วัน 26,000 เยน | 3 วัน 11,000 เยน, 5 วัน 12,000 เยน, 7 วัน 13,500 เยน |
| Northern Kyushu | 3, 5 วัน | 3 วัน 15,000 เยน, 5 วัน 17,000 เยน | 3 วัน 7,500 เยน, 5 วัน 8,500 เยน |
| Southern Kyushu | 3 วัน | 12,000 เยน | 6,000 เยน |
ไขข้อสงสัย วิธีซื้อและรับบัตร JR Kyushu Rail Pass ที่คุณต้องรู้!
เชื่อว่าหลายคนคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการซื้อ JR Kyushu Rail Pass แน่นอน ว่าจะซื้ออย่างไร แล้วรับตั๋วที่ไหน? ไม่ต้องกังวล! เพราะ "JapaiJAPAN" พร้อมไขข้อสงสัยให้คุณแล้ว!
ก่อนอื่น JR Kyushu Rail Pass จำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวที่ถือพาสปอร์ตต่างชาติ และมาท่องเที่ยวในระยะสั้นเท่านั้น ตั๋วใบเดียวเที่ยวทั่วคิวชูได้สบายใจ!
วิธีซื้อและรับตั๋วก็สะดวกง่ายดายมากๆ โดยทำการจองล่วงหน้าที่ Official Website ของ JR Kyushu จากนั้น เมื่อมาถึงญี่ปุ่นก็ไปรับตั๋วจริงที่ เคาน์เตอร์สีเขียว (緑の窓口 - Midori no Madoguchi) ตามสถานีหลักๆ ของ JR คิวชู แค่นี้ก็เริ่มออกเดินทางได้เลย!
วิธีเร็วที่สุดคือเข้าประเทศที่ ฟุกุโอกะ เพราะที่สนามบินฟุกุโอกะนั้นมีเคาน์เตอร์และตั๋วอยู่ที่เทอร์มินัลขาเข้านานาชาติ แค่เอาพาสปอร์ตกับใบแลกตั๋ว (บางแพลตฟอร์มอาจต้องแสดงบัตรเครดิตที่ใช้จ่ายด้วย) ก็รับตั๋วได้เลย!
อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม หรืออยากซื้อตั๋ว มาตรงนี้เลย!
ถ้าอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม หรืออดใจรอไม่ไหว อยากซื้อ บัตร JR Kyushu Rail Pass ทันทีล่ะก็ เข้าไปที่ Official Website ของ JR Kyushu ได้เลย! นอกจากจะซื้อบัตรธรรมดา บัตร MOBILE PASS ได้แล้ว ยังมีโปรโมชั่นบัตรโดยสารอื่นๆ อีกด้วย คลิกเลย!
ซื้อบัตรแล้ว ก็เตรียมตัวตะลุย "ทริป 5 วันในคิวชู" กันได้เลย!
เมื่อพร้อมแล้ว ก็ได้เวลาตะลุยคิวชูกัน! ต่อไปนี้เราจะมาแนะนำจุดเช็กอินที่คุณต้องไปในแต่ละเมืองของภูมิภาคคิวชู บอกเลยว่า 5 วันเก็บได้หมดครบทุกไฮไลต์!
วันที่ 1. ฟุกุโอกะ (FUKUOKA)
ฟุกุโอกะ เมืองใหญ่อันดับ 1 ของเกาะคิวชู เป็นศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นตอนใต้ เต็มไปด้วยอาหารท้องถิ่นรสเลิศ โดยเฉพาะ ราเมงฮากาตะ และยังมีแหล่งชอปปิ้งเด็ดๆ มากมาย เป็นเมืองที่ผสมผสานความทันสมัยกับวัฒนธรรมดั้งเดิมได้อย่างลงตัว เดินทางสะดวกด้วยสนามบินนานาชาติที่ใกล้ตัวเมือง เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการท่องเที่ยวเกาะคิวชู
ตัวอย่างการใช้ JR Kyushu Rail Pass: หลังจากเที่ยวชมในเมืองแล้ว สามารถขึ้นรถไฟด่วนพิเศษหรือรถไฟชินคันเซ็นได้ทันทีจากสถานีฮากาตะ
ฟุกุโอกะ ทาวเวอร์ (FUKUOKA TOWER)

ฟุกุโอกะทาวเวอร์ (FUKUOKA TOWER) แลนด์มาร์กแห่งจังหวัดฟุกุโอกะ สร้างขึ้นด้วย ผนังกระจก 8,000 แผ่น จนได้ฉายา "ใบเรือกระจก" และด้วยความสูงถึง 234 เมตร จึงนับเป็นหอคอยริมทะเลที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น
ไฮไลต์อยู่ที่ จุดชมวิว SKY View 123 ที่สูงถึง 123 เมตร สามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์เมืองฟุกุโอกะและอ่าวฮากาตะได้แบบพาโนรามา สวยที่สุดช่วงพระอาทิตย์ตกดิน อีกทั้งยังมีการประดับไฟ LED ในช่วงค่ำคืนอีกด้วย
ภายในมีร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านของที่ระลึก พิพิธภัณฑ์เล่าประวัติเมือง และกิจกรรมสนุกๆ อย่าง เซียมซีและล็อกกุญแจรัก
เดินทางสะดวก นั่งรถบัสจากสถานี Tojinmachi หรือ Nishijin 10 นาที
เปิด 9:30-22:00 น. ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็ก 500 เยน
สวนโอโฮริ (OHORI PARK)

สวนโอโฮริ เป็นสวนสาธารณะใจกลางฟุกุโอกะที่มีสระน้ำขนาดใหญ่สุดอลังการ และมี ศาลาหกเหลี่ยมสีแดงกลางน้ำ เหมาะกับการเดินเล่น วิ่งออกกำลังกาย หรือปั่นจักรยานชมวิว มีทั้งสวนสไตล์ญี่ปุ่นและจีน พร้อมบริการเรือพาย คาเฟ่ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะ เดินทางสะดวกใกล้สถานี Ohori Koen ด้วยความผ่อนคลาย จึงได้รับการขนานนามให้เป็น โอเอซิสใจกลางเมืองฟุกุโอกะ เป็นจุดพักผ่อนยอดนิยมที่ไม่ควรพลาด
ย่านเทนจิน (TENJIN)

จะเรียกว่า ย่านเทนจิน (TENJIN) คือหัวใจของเมืองฟุกุโอกะก็คงไม่เกินไปนัก ที่นี่เป็นแหล่งชอปปิ้งและไลฟ์สไตล์ยอดนิยม ที่รวมทุกอย่างไว้อย่างครบครัน ตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น Mitsukoshi, Daimaru, PARCO ไปจนถึงถนนชอปปิ้งใต้ดิน Tenjin Chikagai ที่มีความยาวเกือบ 600 เมตร มีร้านค้ากว่า 150 ร้าน ทั้งแฟชั่น เครื่องสำอาง คาเฟ่ และร้านอาหาร
ย่านนี้คึกคักตลอดวันจนถึงค่ำ มีบาร์และร้านอาหารหลากหลาย เหมาะกับสายชอป สายกิน และคนรักแสงสีเสียง เดินทางสะดวกด้วยรถไฟใต้ดินสถานี Tenjin และ Tenjin-Minami เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักชอปและนักกินที่มาเยือนฟุกุโอกะเลยล่ะ!
คาแนล ซิตี้ ฮากาตะ (CANAL CITY HAKATA)

คาแนลซิตี้ฮากาตะ (CANAL CITY HAKATA) ห้างสุดอลังการใจกลางฟุกุโอกะที่มีลำคลองยาว 180 เมตรไหลผ่านกลางห้าง รวมร้านค้าและร้านอาหารกว่า 250 ร้าน ทีเด็ดที่สุดคือ "ราเมงสเตเดียม (Ramen Stadium)" ศูนย์รวมราเมงดังจากทั่วญี่ปุ่นมาให้เหล่าราเมงเลิฟเวอร์ได้ลิ้มลอง และยังมีโชว์น้ำพุแสงสีเสียงยามค่ำคืนเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ เดินทางง่ายจากสถานีฮากาตะและเทนจิน บอกเลยว่าต้องมาเช็กอินสักครั้ง
*ราเมงสเตเดียมจะเปิดให้บริการอีกครั้งในปี 2026
วันที่ 2. นางาซากิ (NAGASAKI)
นางาซากิ เป็นเมืองท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว เป็นที่รู้จักจาก เรื่องราวความทรงจำของเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 และมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอย่าง สวนโกลเวอร์ โบสถ์โออุระ สวนสันติภาพนางาซากิ และพิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณู นอกจากนี้ยังมี ภูเขาอินาสะ ที่มีจุดชมวิวกลางคืนที่งดงามติดอันดับโลก ทำให้นางาซากิเป็นเมืองที่ผสมผสานวัฒนธรรม ตำนาน และธรรมชาติได้อย่างลงตัว เหมาะสำหรับคนที่ชอบเที่ยวทั้งประวัติศาสตร์และวิวสวยๆ
ตัวอย่างการใช้ JR Kyushu Rail Pass
สามารถเดินทางจาก ฮากาตะ ไปถึง นางาซากิ ได้โดย
➀ นั่งรถไฟ Relay KAMOME จาก สถานีฮากาตะ (Hakata Station) ไปยัง สถานีทาเคโอะออนเซ็น (Takeo Onsen Station)
➁ จากนั้นสามารถนั่ง รถไฟด่วนพิเศษคาโมเมะ จาก สถานีทาเคโอะออนเซ็น (Takeo Onsen Station) ไปยัง สถานีนางาซิกิ (Nagasaki Station) ได้
โดยใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมงครึ่ง เท่านั้น!
สวนโกลเวอร์ (GLOVER GARDEN)

สวนสวยสไตล์ตะวันตกบนเนินเขาในนางาซากิ สร้างขึ้นในปี 1863 โดยพ่อค้าชาวอังกฤษ Thomas Blake Glover ผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมญี่ปุ่นยุคเมจิ
ไฮไลต์ก็คือ คฤหาสน์โกลเวอร์ ซึ่งเป็นอาคารไม้สไตล์ยุโรปที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ภายในจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้และประวัติของตระกูลโกลเวอร์ อีกทั้งยังมีจุดชมวิวบนเนินเขาที่สามารถมองเห็นวิวพาโนรามาของท่าเรือนางาซากิแบบ 360 องศา โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ตกดินจะสวยงามมาก
ช่วงซากุระบาน (ปลายมีนาคม-ต้นเมษายน) และ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี (พฤศจิกายน) เป็นช่วงที่สวยที่สุด เหมาะกับการถ่ายรูปและชมธรรมชาติ
เปิดให้เข้าชม 8:00-18:00 (เข้าได้ถึง 17:00)
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 620 เยน เด็ก 180 เยน
การเดินทาง: นั่งรถราง Nagasaki Electric Tramway สาย 1 หรือ 5 ลงที่สถานี Oura Cathedral แล้วเดิน 8 นาที
โบสถ์โออุระ (OURA CHURCH)
โบสถ์โออุระ เป็นสถาปัตยกรรมกอธิคที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ถูกสร้างขึ้นในปี 1864 เป็นที่แสดงศรัทธาของเหล่าคริสตศาสนิกชนในยุคที่ศาสนาคริสต์ถูกห้าม โดดเด่นด้วยหน้าต่างกระจกสีและการผสมผสานสถาปัตยกรรมญี่ปุ่น-ยุโรป ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกปี 2018 โบสถ์แห่งนี้ เปิดให้เข้าชมทุกวัน 8.00-18.00 น. ค่าเข้าชม 1,000 เยน สามารถถ่ายภาพภายนอกได้ แต่ห้ามถ่ายภาพภายใน เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมที่สะท้อนประวัติศาสตร์คริสต์ศาสนาในญี่ปุ่น และความงดงามของสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานวัฒนธรรมตะวันออก-ตะวันตกได้อย่างลงตัว

พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูนางาซากิ (NAGASAKI ATOMIC BOMB MUSEUM)
พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูนางาซากิ (Nagasaki Atomic Bomb Museum) เป็นสถานที่รวบรวมและเล่าเรื่องราวโศกนาฏกรรมจากเหตุการณ์ที่ระเบิดนิวเคลียร์ "แฟตแมน" ถูกทิ้งลงในเมืองนางาซากิเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1945 สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตและให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบจากสงครามนิวเคลียร์ ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสิ่งของจริงที่รอดชีวิตจากภัยระเบิด เช่น เสื้อผ้าที่ไหม้เกรียม นาฬิกาที่หยุดเดินในเวลาระเบิด และซากปรักหักพังต่างๆ พร้อมนิทรรศการและวิดีโอที่ถ่ายทอดเรื่องราวของผู้รอดชีวิต
ที่นี่ไม่ใช่แค่แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ แต่ยังเป็นบทเรียนเตือนใจโลกให้ตระหนักถึงความโหดร้ายของสงครามและความสำคัญของสันติภาพ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่คนไทยนิยมมาเยือนเพื่อรำลึกและเรียนรู้

ที่มาของภาพ: 「travel nagasaki」
วันที่ 3. คุมาโมโตะ (KUMAMOTO)
คุมาโมโตะ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดสำคัญบนเกาะคิวชู เป็นที่ตั้งของ ปราสาทคุมาโมโตะ สีดำสง่างามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำเมือง และ คุมะมง มาสคอตหมีอ้วนดำขวัญใจชาวญี่ปุ่นและคนไทย นอกจากนี้เมืองนี้มีแหล่งน้ำพุร้อนชื่อดังอย่าง คุโรคาวะออนเซ็น หรือ ภูเขาไฟอะโสะ และอาหารขึ้นชื่ออย่างบะหมี่ทงคตสึราเมง เนื้อม้า และผลไม้สดหวานอร่อย เหมาะสำหรับการมาท่องเที่ยวทั้งครอบครัว
ตัวอย่างการใช้ JR Kyushu Rail Pass สามารถเดินทางจากสถานีคุมาโมโตะสู่อะโสะผ่าน สาย Hohi Main Line ได้
ปราสาทคุมาโมโตะ (KUMAMOTO CASTLE)
ปราสาทคุมาโมโตะ ถือเป็นหนึ่งในสามปราสาทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยกำแพงหินโค้งสูงและป้อมปราการแข็งแกร่ง แม้จะเคยเสียหายจากแผ่นดินไหวปี 2016 แต่ได้รับการบูรณะจนกลับมางดงามอีกครั้ง ปัจจุบันเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองคุมาโมโตะ และเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมที่ผสมผสานประวัติศาสตร์กับสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว
ซากุระโนะบาบะ โจไซเอ็น (SAKURANOBABA JOHSAIEN)

ซากุระโนะบาบะ โจไซเอ็น คือแหล่งท่องเที่ยวติดปราสาทคุมาโมโตะที่จำลองบรรยากาศย้อนยุคสมัยเอโดะ ที่นี่มีทั้งร้านอาหารท้องถิ่นชื่อดังกว่า 20 ร้าน เมนูเด็ดห้ามพลาดอย่าง บะซาชิ (เนื้อม้าดิบ) และราเมงคุมาโมโตะที่คนไทยนิยม พร้อมร้านขายของที่ระลึกและการแสดงซามูไรสุดตื่นตา เรียกว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่รวมทั้งอาหารอร่อย บรรยากาศดี และความสนุกไว้ในที่เดียว
ภูเขาอะโสะ (MOUNT ASO)
ภูเขาไฟอะโสะ (阿蘇山) ไฮไลต์แห่งคิวชู เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับและใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น! ยืนยันโดยนักท่องเที่ยวทั่วญี่ปุ่นว่าเป็น “ภูเขาไฟที่ต้องมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง!”
มีกิจกรรมมากมายให้เที่ยวได้ทุกฤดู ไม่ว่าจะเป็นการ นั่งเฮลิคอปเตอร์ชมปากปล่องภูเขาไฟ (ต้องจองล่วงหน้า) ขี่ม้าชมวิว เดินป่า ปิกนิก ถ่ายรูปหมอกยามเช้า หรือแช่ออนเซ็นท่ามกลางธรรมชาติ ฤดูหนาวทุ่งหญ้าเปลี่ยนเป็นสีทอง สวยจับใจ มาคุมาโมโตะทั้งที ต้องแวะเช็กอินที่นี่!
ทิวทัศน์ภูเขาอะโสะอันงดงาม ที่มาของภาพ letsgojp.com
สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขาไฟอะโสะทั้งหมดได้จากยอดเขา ที่มาของภาพ letsgojp.comวันที่ 4. โออิตะ (OITA)
โออิตะ (Oita) ได้ชื่อว่าเป็น เมืองออนเซ็นอันดับ 1 ในญี่ปุ่น! ที่นี่รวมบ่อน้ำพุร้อนสุดฟินทั้ง เบปปุและยูฟุอิน พร้อมธรรมชาติสวยอลังการ ทั้งภูเขา ทะเล กับกิจกรรมสนุกมากมายอย่างนั่งแช่ทรายร้อน เดินชม บ่อนรก และปั่นจักรยานกลางวิวสุดปัง เมืองนี้ยังขึ้นชื่ออาหารท้องถิ่นอย่างเนื้อวากิว “โออิตะวากิว” และอาหารทะเลสดๆ ให้ลองอีกด้วย
โออิตะเหมาะสำหรับคนที่อยากสัมผัสอารมณ์สโลว์ไลฟ์ ฟื้นฟูร่างกายและชาร์จแบตชีวิต เดินทางง่ายจากฟุกุโอกะ พร้อมแลนมาร์กดังมากมาย เที่ยวครบได้ตลอดปีไม่มีเบื่อ!
ตัวอย่างการใช้ JR Kyushu Rail Pass เดินทางจาก คุมาโมโตะ ไปยัง
➀ นั่งรถไฟด่วนพิเศษ คิวชู โอดัน ทคคิว (KYUSHU ODAN TOKKYU) จากคุมาโมโตะไปได้โดยตรง
➁ นั่งชินคันเซ็นจาก สถานีคุมาโมโตะ (Kumamoto Station) ไปยัง สถานีฮากาตะ (Hakata Station) หรือ สถานีคุรุเมะ (Kurume Station) จากนั้นนั่งรถด่วนพิเศษต่อไปยังโออิตะ
เบปปุออนเซ็น (BEPPU ONSEN)

ควันที่พวยพุ่งออกมาจากบ่อน้ำร้อนมากมายในออนเซ็นเบ็ปปุ ที่มาของภาพ letsgojp.com
เบปปุออนเซ็น (Beppu Onsen) คือเมืองออนเซ็นที่ทุกคนต้องไปลอง! ที่นี่มีบ่อน้ำพุร้อน มากกว่า 2,800 แห่ง ทั้งบ่อกลางแจ้งสุดฟิน บ่อโคลน บ่อทรายร้อน และบ่อนรกสีสันต่าง ๆ ที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ใครอยากลองแช่ตัวในน้ำแร่แท้ ๆ ช่วยบำรุงผิวและผ่อนคลายร่างกาย เมืองนี้มีทุกสไตล์ให้เลือก ไม่ว่าจะแช่แบบเรียวกังสุดหรูหรือบ่อสาธารณะแบบชาวบ้านก็สุดยอด!
ทัวร์บ่อนรกเบปปุ (BEPPU JIKOKU TOUR)
ทัวร์ชมบ่อนรกเบปปุ (Beppu Hell Tour) คือกิจกรรมการทัวร์บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติทั้ง 7-8 แห่ง ที่มีสีสัน อุณหภูมิ และบรรยากาศสุดแปลกตา เช่น บ่อน้ำสีฟ้าใส บ่อโคลนเดือด และบ่อสีแดงสด เหมือนอยู่ในนรกจริง ๆ!
แต่ละบ่อก็มีจุดเด่นไม่เหมือนกัน บางที่มีฟองโคลนเดือด บางที่เป็นน้ำแดงแรงฤทธิ์ หรือไอน้ำร้อนพวยพุ่งตลอดเวลา นักท่องเที่ยวจะได้เดินชม รับกลิ่นแร่กำมะถัน พร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับวิวที่หาชมไม่ได้ที่ไหน
กิจกรรมนี้ยังรวมอาหารเด็ดที่ใช้ความร้อนจากน้ำพุทำ เช่น ไข่ต้ม ออนเซ็นพุดดิ้ง และมีพาสเหมาจ่าย “Beppu Jigoku Meguri Pass” ให้เที่ยวครบทุกบ่อนรกแบบสบายๆ
ยูฟุอิน (YUFUIN)
ยูฟุอิน (Yufuin) เมืองสโลว์ไลฟ์แห่งโออิตะที่โดนใจสายชิล! เมืองออนเซ็นแห่งนี้โดดเด่นด้วยถนนสายหลักเต็มไปด้วยคาเฟ่สุดชิคและร้านขายของน่ารักๆ มากมาย บรรยากาศอบอุ่นมีสไตล์ เหมาะกับสาวๆ และคู่รักที่อยากเดินเล่น ถ่ายรูป และชอปได้แบบเพลินๆ
จากเมืองยูฟุอิน สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขา ยูฟุดาเกะ (Yufudake) สุดอลังการ และบรรยากาศธรรมชาติเขียวขจี ไม่ว่าจะเดินเล่นจิบกาแฟ หรือกินขนมท้องถิ่น ก็ประทับใจสุดๆ ยูฟุอินจึงเป็นเมืองที่เหมาะกับทริปโรแมนติกและสายเที่ยวถ่ายรูปโดยเฉพาะ!
เมืองยูฟุอิน หรือที่เรียกอีกชื่อว่า FLORAL VILLAGE ด้วยบรรยากาศแสนโรแมนติก ที่มาของภาพ Official Website ของ Yufuin Floral Village
บรรยากาศภายใน Yufuin Floral Village ที่มาของภาพ letsgojp.comทะเลสาบคินริน (LAKE KINRIN)

ทิวทัศน์จากทะเลสาบคินริน ที่มาของภาพ letsgojp.com
ทะเลสาบคินริน (Lake Kinrin) อยู่ในเมืองยูฟุอิน เป็นทะเลสาบเล็กๆ ที่มีความพิเศษคือน้ำในทะเลสาบไหลนั้นจะไหลมาจากน้ำพุร้อน ทำให้บรรยากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี ในช่วงเช้า บริเวณผิวน้ำจะมีไอน้ำลอยขึ้นมาน้อยๆ เป็นภาพที่โรแมนติกและงดงามราวกับอยู่ในนิยาย เหมาะมากสำหรับการเดินเล่นและถ่ายรูป รอบๆ ทะเลสาบมีทางเดิน ร้านอาหาร คาเฟ่ และศาลเจ้าเล็กๆ ให้ได้แวะสักการะและพักผ่อน พร้อมวิวภูเขายุฟุดาเกะที่สวยงามตลอดปี จึงเป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนยูฟุอิน
วันที่ 5. คาโกชิมะ (KAGOSHIMA)
คาโกชิมะ (Kagoshima) คือเมืองที่อยู่ทางใต้สุดของคิวชู ที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า "เนเปิลส์แห่งตะวันออก" เพราะเต็มไปด้วยธรรมชาติสุดอลังการมากมาย ไฮไลต์คือ ภูเขาไฟซากุราจิมะ ที่ยังปะทุอยู่ บ่อน้ำพุร้อนและกิจกรรมอบทรายร้อนสุดพิเศษ และมีอาหารท้องถิ่นรสเด็ดอย่าง หมูดำคาโกชิมะและวากิวคุณภาพพรีเมียม เหมาะกับคนชอบธรรมชาติ วัฒนธรรมลึกซึ้ง และบรรยากาศผ่อนคลาย
เดินทางง่าย จากฟุกุโอกะแค่ 1 ชั่วโมง 15 นาที
ตัวอย่างการใช้ JR Kyushu Rail Pass เดินทางจาก โออิตะ ไปยัง ฮากาตะ หรือ คุรุเมะ ด้วยรถด่วนพิเศษ จากนั้นนั่งชินคันเซ็นต่อไปยัง คาโกชิมะ
ภูเขาไฟซากุระจิมะ (SAKURAJIMA)

ภูเขาไฟซากุระจิมะ โด่งดังเพราะเป็นภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่ ที่มาของภาพ letsgojp.com
ภูเขาไฟซากุราจิมะ เป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นและมีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในญี่ปุ่น สามารถเดินทางไปได้ด้วย เรือเฟอร์รี่ภายใน 15 นาที แม้จะปะทุบ่อยและปล่อยเถ้าถ่านควันไฟ แต่ยังมีชุมชนอาศัยอยู่รอบๆ อย่างกลมกลืน สามารถชมวิวได้หลายจุดทั้งจากเมืองและบนเกาะ แช่ออนเซ็นเท้าพร้อมชมวิวภูเขาไฟได้ มีเส้นทางเดินป่าสำหรับคนรักธรรมชาติ เป็น สัญลักษณ์สำคัญของคาโกชิมะ และจุดท่องเที่ยวห้ามพลาดในคิวชู
ซึนะมุชิ ออนเซ็น (SUNAMUSHI ONSEN)
สัมผัสประสบการณ์ออนเซ็นที่ไม่ได้เหมือนที่ไหนในโลกได้ที่ซึนะมุชิ ออนเซ็น (Sunamushi Onsen) โดยผู้ที่เข้ารับบริการจะ ถูกฝังตัวลงในทรายร้อน ที่ถูกอุ่นด้วยน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ผสานเข้ากับความร้อนของภูมิภาคนี้ ทรายร้อนนั้นมีความละเอียดผสมผสานสีดำและขาว เกิดจากลาวาและตะกอนภูเขาไฟของภูมิภาค ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ร่างกายขับสารพิษออกมา เป็นวิธีบำบัดและฟื้นฟูสุขภาพที่ ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์ว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าออนเซ็นทั่วไปถึง 3-4 เท่า เป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงและนักท่องเที่ยวที่รักความงาม เพราะช่วยส่งเสริมสุขภาพผิวพรรณอย่างดี
บรรยากาศ ซึนะมุชิ ออนเซ็น (SUNAMUSHI ONSEN) ที่มาของภาพ letsgojp.com
ผู้เข้ารับบริการจะถูกฝังตัวลงในทรายร้อนเพื่อขับสารพิษจากร่างกาย ที่มาของภาพ letsgojp.comเทนมงคัง (TENMONKAN)
เทนมงคัง (Tenmonkan) คือย่านชอปปิ้งและแหล่งบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในคาโกชิมะ มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยเอโดะ ได้ชื่อมาจากศาลาวิจัยดาราศาสตร์โบราณ มีซุ้มประตูโค้งเอกลักษณ์ที่ป้องกันฝุ่นและแดดจากภูเขาไฟซากุระจิมะ เป็นแหล่งรวมร้านอาหารชื่อดังที่ต้องลอง อย่าง ชาบูหมูดำคาโกชิมะ และ ไอศกรีมชิโระคุมะ หรือ ไอศกรีมหมีขาว เหมาะสำหรับสายกินที่อยากสัมผัสวัฒนธรรมอาหารแท้ของคาโกชิมะ
รถรางที่วิ่งในเมืองอันคึกคัก ที่มาของภาพ letsgojp.com
ไอศกรีมชิโระคุมะ หรือไอศกรีมหมีขาวที่ทุกคนต้องลิ้มลอง ที่มาของภาพ letsgojp.comแล้วถ้าใช้ "JR Kyushu Rail Pass" จะประหยัดได้เท่าไหร่กันนะ?
ตัวอย่างราคาตั๋วรถไฟเที่ยวเดียวในคิวชู
ฟุกุโอกะ → นางาซากิ: ประมาณ 5,000 เยน
นางาซากิ → คุมาโมโตะ: ประมาณ 6,000 เยน
คุมาโมโตะ → โออิตะ: ประมาณ 4,000 เยน
โออิตะ → คาโกชิมะ: ประมาณ 10,000 เยน
คาโกชิมะ → ฟุกุโอกะ: ประมาณ 10,000 เยน
รวมค่าตั๋วทั้งหมด: ประมาณ 35,000 เยน
แต่ถ้าซื้อ JR Kyushu Rail Pass (แบบทั่วคิวชู) ราคาเพียง 25,000 เยน และสามารถนั่งรถไฟได้ไม่จำกัด!
สรุปคือ JR Kyushu Rail Pass นี้ช่วยให้ประหยัดค่าเดินทางได้มากกว่าการซื้อตั๋วแยกเที่ยว จึงเหมาะมากสำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนเที่ยวหลายเมืองในคิวชู.
และในบทความนี้ "JapaiJAPAN" ก็ได้แนะนำ เส้นทางพิชิตคิวชู 5 วันสุดคุ้ม ด้วยตั๋ว JR Kyushu Rail Pass มาไว้ให้แล้ว เส้นทางนี้ ครบทั้งออนเซ็น ธรรมชาติ วัฒนธรรม และอาหารเลิศรส วางแผนทริปคิวชูของคุณและจองตั๋วรถไฟตั้งแต่ เพื่อการท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบในดินแดนใต้สุดของญี่ปุ่นกันเลย!








