ถ้าอยากมาเที่ยวฮอกไกโดแบบฟรีสไตล์ จัดทริปเองไม่ง้อทัวร์ ขอแนะนำ"วักกะไน"เมืองเหนือสุดเลย! ที่นี่มีจุดถ่ายรูปสุดฮิตแหลมโซยะ เส้นทางเดินสุดชิค"ถนนสีขาว"บนเนินโซยะ แถมยังได้ลิ้มรสนมวักกะไนหอมนุ่มละมุนลิ้น หอยเชลล์ตัวโต ๆ หวานฉ่ำ และข้าวหน้าซีฟู้ดแน่นจานสุดอลังการ! เราได้รวบรวมของอร่อยที่ห้ามพลาด สถานที่ท่องเที่ยวเด็ด ๆ และวิธีเที่ยวสุดมันส์มาให้แล้ว ใครอยากวางแผนทริปสุดขั้วเหนือของญี่ปุ่นแบบเจาะลึก ก็อ่านต่อไปได้เลยจ้า!

"วักกะไน" เป็นสถานที่แบบไหนกันนะ? มาดูไฮไลต์ การเดินทางและเวลาที่ใช้กันแบบจัดเต็มเลย!
วักกะไนนี่เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องการท่องเที่ยว ประมง และอุตสาหกรรมนมวัวเลยนะ! ไม่เพียงแค่ที่วักกะไนเท่านั้น แต่ทั้งภูมิภาคโซยะก็โด่งดังในการผลิตหอยเชลล์ด้วย ส่วนอุตสาหกรรมนมวัวก็มีแบรนด์ท้องถิ่นสุดเจ๋งอย่าง "นมวักกะไน" ที่ใช้วิธีพาสเจอร์ไรซ์แบบอุณหภูมิต่ำ ทำให้นมเข้มข้นหวานหอมสุด ๆ แม้ว่าวักกะไนจะอยู่เหนือสุดของฮอกไกโด แต่การเดินทางไปที่นั่นง่ายกว่าที่คิด! ถ้าบินภายในประเทศญี่ปุ่น จากสนามบินฮาเนดะในโตเกียวใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว! เดี๋ยวเราจะสรุปเวลาเดินทางโดยประมาณของวิธีเดินทางหลัก ๆ ให้ดูกัน
【เดินทางโดยเครื่องบิน】
・สนามบินฮาเนดะ → สนามบินวักกะไน : ประมาณ 1 ชั่วโมง 55 นาที
・สนามบินชินชิโตเสะ → สนามบินวักกะไน : ประมาณ 1 ชั่วโมง
【เดินทางโดยรถไฟ】
・ซัปโปโร → วักกะไน :5 ชั่วโมง 30 นาที
【เดินทางโดยรถบัส】
・ซัปโปโร → วักกะไน :6 ชั่วโมง
อุทยานแห่งชาติริชิริ-เรบุน-ซาโรเบะสึครบรอบ 50 ปี เมื่อปี 2024 ที่ผ่านมา!
ที่เมืองวักกะไน มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งในเมืองและรอบ ๆ โดยเฉพาะ "อุทยานแห่งชาติริชิริ-เรบุน-ซาโรเบทสึ" ที่อยู่เหนือสุดของญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติในปี 1974 ครอบคลุมพื้นที่เมืองวักกะไนและอีก 5 เมืองเล็ก ๆ ที่อยู่โดยรอบ และในกันยายน 2024 นี้ก็เพิ่งจะฉลองครบรอบ 50 ปีไปแล้ว! และบริเวณชายฝั่งตะวันตกของวักกะไนบางส่วนอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ เลยไม่มีเสาไฟฟ้าหรือสายไฟมาบดบังทัศนียภาพหรือทำลายธรรมชาติเลยใครมาที่นี่ก็จะได้เห็นวิวธรรมชาติดั้งเดิมที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว และถ้าวันไหนอากาศดี ยังสามารถมองเห็นภูเขาริชิริได้อย่างชัดเจนจากชายฝั่งตะวันตกอีกด้วยนะ
อาหารเด็ดเมืองวักกะไนที่ห้ามพลาด : หอยเชลล์ฮอกไกโด, ข้าวหน้าซีฟู้ดสด, หม้อไฟปลาหมึกยักษ์และนมวัววักกะไน!
① อาหารทะเลสดใหม่ที่ต้องกินเมื่อมาเยือนวักกะไน : หอยเชลล์
ช่องแคบโซยะถือเป็นแหล่งอาหารทะเลชั้นยอด ด้วยกระแสน้ำเชี่ยวกราก น้ำทะเลเย็นฉ่ำตลอดปี ไม่ใช่แค่เหมาะสำหรับหอยเชลล์เติบโตเท่านั้น แต่ยังช่วยล็อกความหอมหวานไว้ในเนื้อหอยที่ช่วยให้รสชาติอร่อยจนต้องร้องว้าว ไม่ว่าจะกินสดหรือย่าง รับรองว่าฟินสุด ๆ ทั้งขนาด ความหวานฉ่ำ และเนื้อสัมผัสนี่ครองแชมป์ฮอกไกโดเลยล่ะ!
② ความหรูหราที่จะเติมเต็มรสสัมผัสของคุณ : ข้าวหน้าทะเล
ช่องแคบโซยะที่หันหน้าเข้าหาทะเลญี่ปุ่นและทะเลโอค็อตสค์นั้น เป็นแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสารอาหารเต็มเปี่ยม นอกจากหอยเชลล์ที่เพิ่งพูดถึงไปแล้ว ยังมีกุ้งสดๆ ปูทาราบะ ปูขนยักษ์ และปลาหมึกอีกเพียบ และยังจับได้ตลอดทั้งปี ถ้าใครเป็นคนเลือกไม่เก่ง ขอแนะนำให้สั่งข้าวหน้าซีฟู้ดมาทานสักชาม รับรองว่าอิ่มฟินกับรสชาติแสนอร่อยในคำเดียวแน่นอน!
③ สุดยอดเมนูอร่อยและดีต่อสุขภาพ : ชาบูปลาหมึกยักษ์
ที่วักกะไนได้ชื่อว่ามีปลาหมึกยักษ์แปซิฟิกเหนือมากเป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่น ที่ไม่ใช่แค่สดใหม่ แต่เนื้อยังหนานุ่มหวานฉ่ำอีกต่างหาก และที่ไม่แนะนำไม่ได้เลย นั่นก็คือเมนูเด็ดประจำถิ่นอย่าง "ชาบูปลาหมึกยักษ์" ที่ใช้ปลาหมึกสด ๆ แช่แข็งทันทีหลังจับ นำมาหั่นบาง ๆ แล้วลวกแป๊บเดียว รับรองได้รสชาติดั้งเดิม และน้ำซุปที่ทำจากสาหร่ายคมบุริชิริอุดมไปด้วยคุณภาพเยี่ยม ใส่ผักและเห็ดเพิ่มความอร่อยล้ำ ได้ทั้งสุขภาพและความอร่อยแบบธรรมชาติสุด ๆ ไปเลย
④ รสชาติครีมนมสดแสนละมุน : นมวัววักกะไน
สำหรับคนรักนมทั้งหลาย ถ้ามาวักกะไนต้องไม่พลาดใส่ "นมวัววักกะไน" ไว้ในลิสต์อาหารเด็ด! วัวที่นี่เติบโตในทุ่งกว้างใหญ่ อากาศเย็นสบายของวักกะไน การรีดนมใช้วิธีไม่กวนนม ทำให้ได้รสชาติเหมือนครีมสด รสชาติเข้มข้นหอมมันจะเปลี่ยนความคิดคุณเกี่ยวกับนมไปเลย เพราะผลิตได้น้อยและเก็บได้ไม่นาน นับเป็นของหายากในวงการนมเลยทีเดียวนะ
สถานที่ห้ามพลาดและวิธีเที่ยวสุดฟินในวักกะไน : ถนนสีขาวสุดโรแมนติก, แหลมโนชัปปุ, เสี่ยงเซียมสีปูสุดเก๋, ทริปข้ามเกาะถ่ายรูปเช็คอินให้ครบ!
① สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องเช็คอินราวกับอยู่ในเทพนิยาย : ถนนสีขาวสุดโรแมนติก
ในทุ่งหญ้าเขียวขจีแถว ๆ แหลมโซยะ มี "ถนนสีขาวเล็ก ๆ" ทอดยาวอย่างนุ่มนวล ถ่ายรูปตรงไหนก็สวยเป๊ะ! เป็นจุดเช็กอินสุดฮิตที่ใคร ๆ ก็อยากมาถ่ายรูป รู้มั้ยว่าถนนเส้นนี้ที่จริงแล้วคือถนนที่ปูด้วยเปลือกหอยเชลล์บดละเอียด เมื่อก่อนเปลือกหอยพวกนี้ย่อยสลายไม่ได้ เลยถูกฝังทิ้งเป็นขยะอุตสาหกรรม คนในพื้นที่เลยคิดหนักจนผุดไอเดียว่าเอามาปูถนนซะเลย! เป็นการรีไซเคิลขยะให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว แถมเกลือในเปลือกหอยยังช่วยยับยั้งวัชพืชได้อีกต่างหาก ได้ประโยชน์หลายต่อเลยล่ะ ถ้าวันไหนอากาศแจ่มใส ก็สามารถมองเห็นภูเขาริชิริจากตรงนี้ก็สวยสุด ๆ ไปเลยนะ!


จากแหลมโซยะไปถึงถนนสายขาวเล็ก ๆ ใช้เวลาขับรถแค่ 15 นาที แต่รถบัสจากสถานีวักกะไน ไปแหลมโซยะนั้นมีน้อยมาก ๆ แต่ถ้าใครอยากใช้ขนส่งสาธารณะ แนะนำให้เช็กตารางเวลาก่อน ไม่งั้นอาจจะต้องยืนรอจนขาแข็งเลยทีเดียวตารางเวลารถบัส,มาวางแผนการเดินทางให้เป๊ะปังทั้งก่อนและหลังกันเถอะ
② สถานที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่ดีที่สุด : แหลมโนซัปปุ
เดินทางจากจากสถานีวักกะไนประมาณ 10 นาทีก็ก็ถึงแหลมโนซัปปุแล้ว ที่นี่ไม่มีสายไฟหรือเสาไฟมาบดบังวิวเลย เรียกได้ว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกแบบใกล้ชิดสุด ๆ! แนะนำให้ไปถึงก่อนพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกประมาณ 30 นาที จะได้ชื่นชมกับภาพพระอาทิตย์ลอยขึ้นหรือจมลงสู่ขอบฟ้าแบบเต็มอิ่ม ถ้าโชคดีก็อาจจะได้เห็นเกาะริชิริ เกาะเรบุน และเกาะซาฮาลินด้วยนะ เนื่องจากวักกะไนอยู่ที่ละติจูด 45 องศาเหนือ ในช่วงฤดูร้อนคุณจะได้สัมผัสกับท้องฟ้าที่ยังคงสว่างแม้หลังพระอาทิตย์ตกดินแล้ว เป็นภาพที่แปลกตาหาดูยาก แต่ถึงจะเป็นหน้าร้อน ลมที่นี่ก็ยังหนาวเย็นอยู่นะ ใครมาเที่ยวที่นี่ก็อย่าลืมเอาเสื้อกันหนาวมาด้วยล่ะ!
③ จับฉลากเซียมซีสุดน่ารัก พบฝูงกวางสุดคิวต์ : ศาลเจ้าโฮคุมอน และสวนวักกะไน
หลายคนชอบเสี่ยงเซียมซีที่ศาลเจ้าญี่ปุ่นกันใช่ไหมล่ะ? ที่"ศาลเจ้าโฮคุมอน" ห่างจากสถานีวักกะไนเพียงเดินแค่ 10 นาทีเท่านั้นเอง ที่นี่มีเซียมซีสุดพิเศษที่หาที่ไหนไม่ได้ นั่นก็คือเซียมซีปูสุดเก๋! ถ้าคุณเป็นสายเที่ยววัดศาลเจ้า ห้ามพลาดเด็ดขาดเลยล่ะ! แถมยังแนะนำให้เดินตามทางเล็ก ๆ ข้างศาลเจ้าไปยังสวนสาธารณะวักกะไน ถ้าโชคดีอาจได้เจอกวางป่าด้วย ที่นี่มีจุดชมวิวที่มองเห็นเมืองวักกะไนได้ทั้งเมืองเลย และในนั้นยังมี "ไอศกรีมยามาชิราทาเกะ" ด้วยนะ (ปิดบริการตั้งแต่พฤศจิกายนถึงเมษายน) ถ้าเหนื่อย ๆ ก็แวะมาพักผ่อนชิล ๆ ที่นี่ได้เลย
④ สำหรับสายลุยที่รักการออกกำลังกายกลางแจ้ง : ปั่นจักรยานพิชิตแหลมโซยะกันเถอะ!

สำหรับสายปั่นจักรยานทั้งหลาย ขอแนะนำเส้นทางแหลมโซยะระยะทาง 77 กิโลเมตรไปกลับ ปั่นไปทางเหนือสุดเพื่อพิชิตจุดเหนือสุดของญี่ปุ่นกันเลย! เส้นทางนี้เป็นที่ใฝ่ฝันของนักปั่นจักรยานและไบค์เกอร์ชาวญี่ปุ่นมากมาย ด้วยวิวธรรมชาติสุดอลังการตลอดเส้นทาง สำนักงานการท่องเที่ยววักกะไนที่สถานีรถไฟวักกะไน มีบริการให้เช่าจักรยานตั้งแต่ 9:30 ถึง 17:00 น. ในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงปลายเดือนตุลาคม อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมลองเข้าไปดูที่เว็บไซต์สำนักงานการท่องเที่ยววักกะไน นอกจากนี้ยังขอแนะนำเส้นทางแหลมโนชัปปุระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตรไปกลับ ที่วิ่งไปตามแนวชายฝั่ง ปั่นไปชมวิวทะเลสีครามและนกนางนวลไป ช่วยผ่อนคลายทั้งกายและใจสุด ๆ เลยล่ะ!
⑤ บ่อน้ำพุร้อนสุดเจ๋งที่อ่าวเหนือสุดของญี่ปุ่น : "มินาโตะ โนะ ยุ" (อ่าวแห่งน้ำพุร้อน)
รู้มั้ยว่าเมื่อเดือนตุลาคม 2022 ที่ผ่านมา มีบ่อน้ำพุร้อนสุดเจ๋งเปิดใหม่ชื่อว่า "มินาโตะ โนะ ยุ" ที่แปลว่า "ออนเซ็นริมท่าเรือ" ที่นี่สามารถแช่น้ำร้อนสบาย ๆ พร้อมชมวิวทะเลสุดอลังการแบบพาโนรามาได้เลยนะ ไม่ต้องกลัวหนาวด้วยเพราะมีหลังคาให้ด้วย แถมยังมีห้องพักผ่อนที่มีทั้งเปลญวน เก้าอี้นวด และมุมการ์ตูนให้คุณได้ชิลล์สุด ๆ เหมาะมากสำหรับการแวะมาชาร์จแบตกลางทริปเลยล่ะ รับรองว่าฟินจนไม่อยากกลับบ้านแน่นอน!
"อ่างอาบน้ำแห่งท่าเรือ" (บ่อน้ำพุร้อนยามุวักกะไน อ่างอาบน้ำแห่งท่าเรือ)
・ที่อยู่: 1-6-28 มินาโตะ วักกะไน ฮอกไกโด
・ค่าเข้าชม: 680 เยน (รวมภาษีแล้ว)
・เวลาเปิด-ปิด: 10:00-22:00 (เข้าได้ถึง 21:30 )
・วันหยุด: ไม่แน่นอน
・เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
⑥ เปิดประสบการณ์ที่ใคร ๆ ก็สนุกได้ : "ซาวน่ากลางแจ้ง" & "ผจญภัยพายเรือคายัค"
ที่ "หอสังเกตการณ์นกป่าโอนุมะ" มีกิจกรรมสุดชิลล์ให้เลือกถึงสองอย่าง นั่นก็คือ "ซาวน่ากลางแจ้ง" และ "ล่องเรือคายัค" สุดฟิน! ที่นี่มีห้องซาวน่าไอน้ำแบบเซลฟ์เซอร์วิส และบ้านโดมกระจกให้พักผ่อน คุณจะได้ผ่อนคลายในพื้นที่ส่วนตัว สัมผัสประสบการณ์ซาวน่าแท้ๆ ท่ามกลางธรรมชาติสุดอลังการ ส่วน "ล่องเรือคายัค" นี่ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หัดพาย หรือเซียนพายมาเอง ก็มีคอร์สให้เลือกตามใจชอบ ให้คุณได้ล่องลอยไปในทะเลสาบโอนุมะ ชมนกป่าและสิ่งมีชีวิตน่ารัก ๆ ในอากาศเย็นสบายของวักกะไน แต่ถ้าอยากลองทั้งสองอย่างก็ไม่มีปัญหา แค่มาตัวเปล่าก็สนุกกับโอนุมะได้เต็มที่แล้ว!
หอดูนกโอนุมะ
・ที่อยู่: หมู่บ้านโอโตอิมุระ เขตโอโตอิเก็นยะ เมืองวักกะไน ฮอกไกโด
・ช่วงเวลาให้บริการ: ซาวน่า เปิดเมษายน-พฤศจิกายน และกุมภาพันธ์ (อบอุ่นฟินๆ ทั้งปี!) ส่วนพายเรือคายัค เปิดกลางมิถุนายน-ปลายกันยายน (ลุยน้ำชิลๆ ช่วงซัมเมอร์!) ทั้งสองอย่างต้องจองล่วงหน้านะจ๊ะ
・เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
⑦ สำหรับนักเที่ยวสายลุยที่มีเวลาเหลือเฟือ : แนะนำให้ไปเกาะริชิริและเกาะเรบุนซะ วิวธรรมชาติสวย ๆ สุดฟิน!
ถ้ามีโอกาสได้เที่ยวแบบยาว ๆ ละก็ ขอแนะนำให้แวะไปเยือน เกาะริชิริ กับ เกาะเรบุนและลองค้างคืนเกาะละหนึ่งคืนดูสิ จะได้ชมท้องฟ้าดาวพราวแพรวของเกาะเหนือสุดแบบจุใจไปเลย ทั้งสองเกาะนี้มีบริการให้เช่าทั้งมอเตอร์ไซค์และจักรยาน หรือถ้าใครขี้เกียจปั่นก็มีรถบัสรอบเกาะให้นั่งชิล ๆ เลือกได้ตามสะดวก!
เกาะริชิริ
ใคร ๆ ที่มาฮอกไกโดก็ต้องซื้อของฝากสุดฮิต "ชิโรอิโคอิบิโตะ" (White Lover) กันใช่มั้ยล่ะ? รู้มั้ยว่าภาพวิวสวย ๆ บนกล่องนั้น ที่จริงแล้วคือเนินชิโรอิโคอิบิโตะที่อยู่ทางใต้ของเกาะริชิริ แอบกระซิบคู่รักที่อยากแต่งงานกันหน่อย ถ้าคุณขอแต่งงานที่นี่แล้วเอารูปไปให้ที่ศูนย์บริการข้อมูลท่าเรือโอชิโดมาริ รับรองได้ใบรับรองการขอแต่งงานสุดพิเศษแน่นอน ข้าง ๆ เนินนี้ยังมี ทะเลสาบโอตาโทมาริ ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะริชิริ ที่คุณจะได้ชมวิวภูเขาริชิริสุดอลังการ เดินเหนื่อย ๆ ก็แวะร้านใกล้ ๆ แล้วลองชิมหอยเชลล์ย่างร้อน ๆ หรือไอศกรีมเย็น ๆ ได้ด้วยนะ!
สำหรับสายชอบลุยและสัมผัสประสบการณ์จริง เกาะริชิริมีกิจกรรมสุดฟินให้ลองทั้งจับหอยเม่นทะเล ป้อนอาหารแมวน้ำน่ารัก ๆ ให้เลือกสนุกกันแบบจุใจเลย แถมยังมีสถานที่เด็ดอีกที่นึงอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาะ ในเขตคุซานากาตะ นั่นก็คืออาคารไม้อายุกว่า 130 ปีที่ชื่อว่า "ชิมะ โนะ เอกิ" หรือ "สถานีเกาะ" นั่นเอง นอกจากจะได้อิ่มอร่อยกับอาหารอร่อย ๆ แล้ว ยังมีเวิร์คช็อปทำการ์ดจากสาหร่ายทะเลให้ลองทำด้วยนะ เหมาะมากเลยสำหรับทริปแบบชิล ๆ เที่ยวรอบเกาะทั้งวันแบบไม่เร่งรีบ สบาย ๆ
เกาะเรบุน
เกาะเรบุนได้รับสมญานามว่า"เกาะลอยดอกไม้" บนเกาะมีเส้นทางเดินหลายสายที่เหมาะสำหรับการเดินเล่นสุด ๆ คุณจะได้ชื่นชมพืชพรรณภูเขาที่หลากหลายและล้ำค่า ถ้าอยากเห็นดอกไม้บานเต็มที่ละก็ ต้นเดือนมิถุนายนนี่แหละ ช่วงเวลาทองเลยล่ะ! ถ้าวันไหนอากาศดี คุณสามารถมองเห็นเกาะซาคาลินได้จากแหลมซุคุตนทางเหนือสุดของเกาะ บางทีคุณอาจจะได้เจอแมวน้ำป่าด้วยนะ ส่วนที่แหลมซุคาอุมิทางชายฝั่งตะวันตก คุณจะได้ชมทะเลสีฟ้าใสกับหน้าผาสูงชัน วิวชายฝั่งที่นี่หลากหลายสุด ๆ เลยล่ะ
หากเราเดินทางสำรวจไปทางเหนือของเกาะต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะได้พบกับสถานที่ลับ ๆ ที่ชื่อว่า "ชายหาดทรายสวย" ใกล้ ๆ กับซากเรือโบราณนั่นเอง! ที่นี่เต็มไปด้วยเปลือกหอยที่มีรูพรุนเพราะถูกหอยตัวอื่นกินจนเป็นโพรง เด็ก ๆ ที่อาศัยอยู่บนเกาะชอบมาเก็บเปลือกหอยที่มีรูธรรมชาติพวกนี้ไปทำเป็นเครื่องประดับกันนะ เมื่อมาเที่ยวที่นี่ นอกจากจะได้ชื่นชมวิวทะเลสุดลูกหูลูกตาแล้ว ยังสามารถเก็บเปลือกหอยเจาะรูสวย ๆ ที่ชอบกลับบ้านไปเป็นของที่ระลึกจากเกาะริเบียวได้ด้วยนะ
วักกะไนในฮอกไกโดเป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่หลงใหลธรรมชาติ ทั้งแหลมโซยะ ถนนสีขาว เกาะริชิริ และเกาะเรบุน ล้วนรอให้คุณมาสัมผัสความงดงามที่หาไม่ได้ที่ไหนในญี่ปุ่น วางแผนทริปวักกะไนของคุณและมาค้นพบความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ปลายเหนือสุดของญี่ปุ่นกัน